“ใช่..ฉันรู้ว่า ลูกไปยืนขายตัวที่ชิบูยะ ทุกคืน”
1
คนทำความสะอาดเดินเข้าไปในอะพาร์ตเมนต์ ย่านชิบูยะ ประเทศญี่ปุ่น ท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บ หมอกขาวลงจัด มันคือกิจวัตรของเขาที่ดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ทำไปทีละห้อง แล้วก็กลับบ้าน
กระนั้นเช้ายะเยือกของวันที่ 19 มีนาคม 1997 ชายคนนี้กลับเห็นบางสิ่งผิดสังเกตตรงหน้าต่างห้อง 201
มันเปิดอ้าไว้
ในวันที่อุณหภูมิแทบจะติดลบ ไม่น่าจะมีใครเปิดมันออกเพื่อรับลมหนาวแบบนี้แน่นอน
คนทำความสะอาดชำเลืองมองด้วยความสงสัย เขาเห็นหญิงสาวคนหนึ่งนอนแน่นิ่ง ไม่เคลื่อนไหว ไม่มีแม้แต่วี่แววการหายใจเข้าออก ท้องไม่กระเพื่อมเลยสักนิด
เขาตัดสินใจตะโกนเรียกเธอ 2-3 ครั้ง แต่ไร้การตอบรับ จึงตัดสินใจเคาะประตูห้อง ก่อนพบว่าประตูไม่ได้ล็อก
เมื่อผลักมันออก แล้วเดินเข้าไป เขาพบว่าห้องนี้น่าจะร้างราจากการทำความสะอาดนานมาก ข้าวของรกรุงรัง ชายหนุ่มเตะโดนถังขยะ ขณะเคลื่อนไปใกล้หญิงสาว ซึ่งนอนบนเสื่อทาทามิ
คนทำความสะอาดจะให้การกับตำรวจในเวลาต่อมาว่า เสื้อผ้าของหญิงสาวไม่เรียบร้อย แทบจะเห็นเรือนร่างเปลือยเปล่า ที่คอพบรอยช้ำคล้ายถูกรัด นั่นทำให้เขาหัวใจตกลงไปถึงตาตุ่ม เหงื่อแตกทั้งที่อากาศหนาว พยานพยายามรีดเอาความกล้าออกมา เอามือไปอังที่จมูก แต่ไม่มีสัญญาณการหายใจเข้าออก
เพียงเท่านี้ คนทำความสะอาดรีบวิ่งออกนอกห้อง พุ่งตัวจากอะพาร์ตเมนต์ เพื่อหาโทรศัพท์ที่ถนน ก่อนจะยกหู หยอดเหรียญ เมื่อปลายสายรับสาย เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักเพราะความสยองที่เพิ่งสัมผัสมาเมื่อครู่
“คุณตำรวจครับ มีผู้หญิงถูกฆาตกรรม”
2
เจ้าหน้าที่ปิดล้อมจุดเกิดเหตุทันที ก่อนสอบปากคำคนทำความสะอาดอย่างละเอียดจนแน่ใจว่า เขาไม่ใช่ผู้ก่อเหตุ เมื่อค้นรอบห้องก็พบเรื่องน่าประหลาดใจ กลายเป็นว่าหญิงสาวที่เสียชีวิตในห้องเช่าเล็กๆ แห่งนี้ไม่ใช่คนทั่วไป เพราะพวกเขาพบบัตรประชาชนระบุว่า
ผู้ตายเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของบริษัทพลังงานไฟฟ้าชื่อดัง นามว่า ยาสุโกะ วาตานาเบ (Yasuko Watanabe) อายุ 39 ปี
ทำไมผู้บริหารใหญ่โตถึงมาตายในห้องเล็กๆ แห่งนี้ได้
เมื่อสำรวจไปเรื่อยๆ พวกเขาพบถุงยางทั้งใช้แล้ว 2 ชิ้น มีคราบน้ำอสุจิอยู่ภายใน และถุงยางที่ไม่ได้ใช้เกลื่อนจำนวนมาก ยังไม่นับเส้นผมที่ตกอยู่ และความซกมกในห้องที่มากมายเหลือเกิน แต่ตำรวจก็เก็บหลักฐานไว้อย่างละเอียดรอบคอบ
สภาพศพของยาสุโกะมีรอยช้ำเหมือนถูกรัดที่คอ ตามตัวมีแผลถูกทำร้ายร่างกาย กระเป๋าสตางค์ยังอยู่ในห้อง ทรัพย์สินก็ไม่มีอะไรมากมาย และเงินไม่สูญหาย
เจ้าหน้าที่รื้อข้อมูลในระบบพบว่า แม่ของยาสุโกะแจ้งความว่าลูกสาวหายตัวไปได้ 2-3 วันแล้ว เมื่อดูพื้นฐานครอบครัว นักสืบถึงกับขมวดคิ้ว ผู้เสียชีวิตไม่ได้มาจากครอบครัวฐานะยากจนหรือปานกลางเลย แต่มาจากตระกูลที่ร่ำรวย
พ่อของผู้ตายเคยทำงานบริษัทพลังงานไฟฟ้าเหมือนเธอ โดยเป็นวิศวกรก่อนจะป่วยตายขณะยาสุโกะเรียนอยู่ชั้นปี 2 ของมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีชื่อเสียงมากในญี่ปุ่น ส่วนแม่นั้นเป็นแม่บ้าน แต่ก็จบจากมหาวิทยาลัย ครอบครัววาตานาเบอาศัยในย่านผู้ดีคนมีตังค์
แล้วทำไมลูกสาวถึงมาอยู่ในห้องเล็กๆ เท่ารูหนูแห่งนี้ได้
เงินเดือนของเธอระดับหลักล้าน ในสายตาเพื่อนร่วมงานพบว่าหญิงสาวหน้าตาดี สวยน่าหลงใหล แต่ไม่มีแฟน ไม่มีคนรัก ไม่มีเพื่อนสนิท ยิ่งค้นประวัติก็พบว่า การทำงานบริษัทพลังงานไฟฟ้าคือสิ่งที่สำคัญสุดเพียงอย่างเดียวในชีวิตของยาสุโกะ
เธอคือหญิงที่ชอบการทำงาน ทำงาน และทำงานเท่านั้น
“ฉันพยายามบอกให้ลูกเพลาๆ เรื่องงานลงบ้าง แต่โดนเถียงว่า บริษัทนี้รับผู้หญิงทำงาน 6 คน และตะเพิดไปแล้ว 5 คน ถ้าหนูไม่ทำงานหนัก พรุ่งนี้ก็อาจถึงคิวโดนไล่ออกได้”
นักสืบหาหลักฐานในห้องเพิ่มเติม จนพบสมุดเล่มหนึ่ง เมื่อเปิดออกมาก็เจอรายชื่อลูกค้ามากมายก่ายกอง วินาทีนั้นเจ้าหน้าที่ถึงขั้นตกตะลึงที่ได้พบโลกอีกใบที่ซ่อนเร้นไว้ของหญิงสาวเข้าให้แล้ว
กลางวัน ยาสุโกะทำงานเป็นผู้บริหารระดับสูงในองค์กรแนวหน้าของญี่ปุ่น แต่เมื่อตกกลางคืน เธอกลับเป็นอีกคน โดยเลือกเส้นทางเป็นโสเภณี ยืนขายตัวอยู่ตามถนนของชิบูยะ
แม่ของเธอพยักหน้า พลันที่ตำรวจสอบถามว่า รู้เรื่องโลก 2 ใบที่สุดขั้วของลูกสาวหรือไม่
“ใช่… ฉันรู้ว่าลูกไปยืนขายตัวที่ชิบูยะทุกคืน”
3
เกิดอะไรขึ้นกับยาสุโกะ ชีวิตเธอควรจะสมบูรณ์แบบ งานดี เงินเยอะ หน้าตาสวย แทนที่จะมีผู้ชายมาจีบ หรือแต่งงานกับใครสักคนที่รวยและมีชาติตระกูลสูงส่ง แต่หญิงสาวกลับมีงานลับอาชีพแฝง เป็นหญิงขายบริการทางเพศ
เมื่อตำรวจสอบถามสาวขายบริการในชิบูยะ มีคนบอกว่า พวกเขาเห็นเธอครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน โดยมายืนแต่งตัวโป๊นิด เปรี้ยวหน่อย เพื่อรอให้ผู้ชายมาเลือก แต่ตอนแรก เธอถูกมองว่าแก่เกินไปในอาชีพนี้
ยาสุโกะไม่เคยยอมแพ้อะไรเลยในชีวิต เธอทำงานหนักมาก กว่าจะก้าวมาเป็นผู้บริหารระดับสูงได้ ดังนั้นถ้าอยากเป็นโสเภณี เธอก็จะทำให้ได้เช่นกัน
งานในบริษัทมีชั่วโมงยาวนาน แต่เมื่อถึงเวลา 4 ทุ่ม ขณะที่ใครหลายคนเลิกงาน ดื่มกินผ่อนคลาย หญิงสาวจะแต่งตัวแต่งหน้า ใส่วิกผมปลอม ทำตัวให้เซ็กซี่ที่สุด แล้วไปยืนริมถนน เริ่มงานลับของเธอเอง
จากสมุดที่จดว่ามีลูกค้าคนไหนมาใช้บริการ นักสืบพบว่า หากเป็นคนญี่ปุ่นจะถูกคิดค่าบริการแพงปกติ ราคาหลายหมื่นบาท แต่ถ้าเป็นคนต่างประเทศ ค่าบริการจะถูกลงมากเพียงแค่หลักพันเท่านั้น จนเพื่อนร่วมถนนแซวลับหลังว่า
“หญิงคนนี้เหมือนโสเภณีโรบินฮูดนะคะ กับคนญี่ปุ่นจะคิดเงินแพง หากเป็นคนต่างชาติจะได้ลิ้มรสเธอด้วยราคาถูกเป็นพิเศษ”
ในรายชื่อที่จดเอาไว้ ยาสุโกะรับลูกค้าถึงคืนละ 4 คนด้วยกัน
นักสืบไล่ดูทีละรายชื่อ พวกเขาเจอชื่อหนึ่งที่น่าสนใจ เป็นชายหนุ่ม ชาวเนปาลชื่อว่า โกวินดา ปราสาท ไมนาลี (Govinda Prasad Mainali) ซึ่งพักในอะพาร์ตเมนต์ที่เกิดเหตุ
เมื่อตรวจสอบคนในตึกยืนยันได้ว่า เขาเคยเข้าไปในห้องของยาสุโกะ 2-3 ครั้ง เจ้าหน้าที่จึงพาตัวไปสอบปากคำ ก่อนพบว่าอสุจิในถุงยางที่ใช้แล้วตรงกับอสุจิในตัวเขา จึงจับกุมและตั้งข้อหาดำเนินคดีทันที
ตำรวจพบว่า ผู้ต้องหาเป็นคนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมือง มาหางานทำอย่างผิดกฎหมายในญี่ปุ่น ก่อนหน้านี้โกวินดาค้างค่าเช่าห้องหลายงวด แต่หลังยาสุโกะตาย เขากลับมีเงินไปจ่ายค่าเช่าห้องได้อย่างทันท่วงที เป็นไปได้ว่าชายคนนี้ก่อเหตุฆ่าผู้บริหารบริษัทพลังงานไฟฟ้า เพื่อหวังเอาทรัพย์สิน
นอกจากนี้เจ้าของร้านมินิมาร์ตใกล้จุดเกิดเหตุเล่าว่า ยาสุโกะมักจะมาซื้อสลัดกับโอเด้งตอนดึกๆ เสมอ และวันเกิดเหตุ เธอได้ยินเขาคุยมือถือกับปลายสาย โดยพูดเป็นภาษาอังกฤษ
นี่คือข้อมูลสำคัญที่ทำให้ตำรวจเชื่อว่า คนสุดท้ายที่อยู่กับผู้ตาย เป็นชาวต่างชาติที่นัดใช้บริการทางเพศ
โกวินดายอมรับว่า เคยซื้อบริการผู้เสียชีวิต 2-3 ครั้ง เคยเข้าไปในห้องเกิดเหตุ แต่เขายืนกรานปฏิเสธ ไม่ใช่ฆาตกรที่สังหารยาสุโกะอย่างแน่นอน แต่นักสืบไม่เชื่อ จึงจับกุมแล้วโยนเข้าคุกทันที
หลังจับกุมโกวินดาได้ ทางการดูจะมั่นใจเต็มประดาว่า เมื่อถึงเวลาขึ้นศาล ผู้พิพากษาจะต้องตัดสินเข้าข้างอย่างแน่นอน เพราะกระบวนการยุติธรรมของประเทศนี้ 99.8% ของคดีอาญา ศาลจะตัดสินตามอัยการและตำรวจ ถ้าสั่งฟ้องว่าก่อเหตุ ก็จะมีคำพิพากษาเห็นด้วยแทบทุกครั้ง
ในคดีนี้ หากผู้พิพากษาตัดสินตามหลักฐานตำรวจและอัยการ ชายชาวเนปาลรายนี้ มีสิทธิ์โดนโทษประหารชีวิตได้เลย
แต่แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น เมื่อศาลชั้นต้นตัดสินว่า เขาพ้นผิด
โกวินดาคือเศษเสี้ยวส่วนน้อยของคดีอาญาในญี่ปุ่น ที่ผู้พิพากษาไม่เชื่อหลักฐานที่ตำรวจรวบรวมมาได้ โดยมองว่ามันอ่อนไป ไม่เพียงพอจะสรุปได้ว่านี่คือฆาตกรเลือดเย็น
กระนั้นนักสืบไม่ยอมแพ้ พวกเขายื่นอุทธรณ์ และสั่งห้ามปล่อยตัวชายคนนี้ โดยเร่งหาหลักฐานเพิ่มเติม เพราะทางการปักใจเชื่อว่า เขาคือคนฆ่ายาสุโกะแน่นอน
หนุ่มเนปาลจึงถูกโยนเข้าคุกอีกรอบ
ทั้งที่ศาลตัดสินว่าเขาคือผู้บริสุทธิ์ไปแล้ว
4
โกวินดาถูกขังท่ามกลางเสียงเรียกร้องของนักสิทธิมนุษยชน ที่เห็นว่าการกระทำของตำรวจ คือสิ่งที่ผิดกฎหมายอย่างชัดเจน
“เป็นไปไม่ได้ในทางกฎหมาย ที่จะเอาคนซึ่งถูกตัดสินว่าพ้นผิดไปขัง แต่พวกเขาก็ทำ”
กระบวนการยุติธรรมของญี่ปุ่นดำเนินไปอย่างล่าช้า หลายฝ่ายแฉเรื่องความกดดันของการสอบสวน ซึ่งตำรวจจะระดมสอบปากคำแบบบีบคั้น จนหลายครั้งคนที่โดน จะต้องรับสารภาพทั้งที่ไม่ได้ทำผิด แต่เพราะเครียดจนคิดว่า รับไปก่อน น่าจะยุติการทรมานนี้ได้
โกวินดาก็โดนแบบนั้น แต่เขายืนกรานว่า ไม่ได้ฆ่าหญิงสาว อย่างไรก็ไม่มีวันยอมรับสารภาพโดยเด็ดขาด
ในปี 2000 หรือ 3 ปีหลังเกิดเหตุ ศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น เห็นว่าชายชาวเนปาลก่อเหตุฆ่ายาสุโกะจริง และให้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต โดยใช้หลักฐานว่าถุงยางที่ใช้แล้วที่มีอสุจิของเขาอยู่ในจุดเกิดเหตุ
คราวนี้รัฐบาลเนปาลไม่อยู่เฉย ยื่นมือเข้าแทรกแซง เช่นเดียวกับนักสิทธิมนุษยชน ที่เห็นว่าโกวินดาเป็นแพะในคดีนี้
หลายฝ่ายช่วยกันหาทนายมาว่าความให้ จนพบว่า การสอบสวนของทางการญี่ปุ่นเต็มไปด้วยอคติต่อคนต่างชาติ ถุงยางที่ใช้แล้วมีอยู่ 2 ชิ้น แต่พวกเขาเลือกแค่ชิ้นที่เป็นของโกวินดา ส่วนอีกชิ้นกลับไม่ได้ตรวจสอบ
สิ่งที่ทนายความใช้สู้คือ คราบอสุจิของโกวินดาไม่ตรงกับคราบน้ำเชื้อที่พบภายในตัวยาสุโกะ ณ วันที่พบศพ อีกทั้งตอนเกิดเหตุฆาตกรรม ชายชาวเนปาลคนนี้ ไม่ได้อยู่ในห้องดังกล่าว แต่ไปทำงานที่อื่นอยู่ ดังนั้นเขาจะเป็นฆาตกรได้อย่างไร
นอกจากนี้หากโกวินดาก่อเหตุจริง น่าจะพบร่องรอยเขามากกว่าแค่ในถุงยางใช้แล้ว ซึ่งไม่ได้ถูกเอาไปทิ้ง และอยู่ในห้องนั้นได้หลายเดือนแล้ว ถ้าชายชาวเนปาลฆ่ายาสุโกะ เขาน่าจะเก็บหลักฐานสำคัญออกไป ไม่น่าจะปล่อยทิ้งไว้ให้ตำรวจสาวตัวจับได้ง่ายๆ
นอกจากนี้ทรัพย์สินของยาสุโกะไม่สูญหาย แล้วจะหาว่าหนุ่มเนปาลลักเงินไปจ่ายค่าห้องได้อย่างไร
ทุกอย่างดูเข้าเค้าและมีเหตุผล แต่กว่าที่ศาลจะรับฟังและสั่งรื้อฟื้นคดีก็ต้องใช้เวลาเป็นสิบปี ซึ่งตอนนั้นเทคโนโลยีการสืบสวนก้าวหน้ากว่าเดิม ทนายของโกวินดาจึงพบว่า DNA ที่พบในเล็บของยาสุโกะ ตามร่างและผม ซึ่งน่าจะเป็นช่วงขณะถูกฆาตกรบีบคอหญิงสาว และอีกฝ่ายกำลังดิ้นรนต่อสู้นั้น ไม่ตรงกับ DNA ของโกวินดา
นั่นทำให้เขาถูกปล่อยตัวทันที หลังโดนคุมขังนานกว่า 15 ปี และทางการญี่ปุ่นจ่ายเงินให้หลายสิบล้านบาท ฐานที่ทำให้เขาเป็นแพะนานขนาดนี้
ปัจจุบันนี้ คดีของยาสุโกะถือเป็นเคสที่ปิดไม่ลง ยังหาตัวฆาตกรตัวจริงไม่ได้ ทางการเชื่อว่า ผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นลูกค้าของเธอ ที่มาใช้บริการ ก่อนลงมือรัดคอจนตาย โดยไม่ได้แตะต้องทรัพย์สินใดๆ ทั้งสิ้น
เจ้าหน้าที่ยังหวังว่า เทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากขึ้นในเรื่องการสืบสวน น่าจะช่วยให้หาตัวคนร้ายได้ในเร็ววัน แต่ขณะนี้ยังไม่สำเร็จ
กระนั้นสิ่งที่น่าหวาดหวั่น ไม่แพ้ความตายของหญิงสาวก็คือ คำถามตัวโตๆ ว่า ทำไมเธอถึงเลือกเส้นทางนี้ สร้างโลก 2 ใบ ผู้บริหารกับโสเภณี อาชีพที่ต่างกันอย่างสุดขั้วนี้ ยาสุโกะทำไปเพื่ออะไร
เมื่อขุดคุ้ยอย่างละเอียด ทางการเชื่อว่าความตายของพ่อในตอนที่เธอเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ทำให้สภาพจิตใจผู้ตายมีปัญหา และไม่ได้รับการแก้ไข เมื่อมาเจอความกดดันในเรื่องการทำงาน และสังคมชายเป็นใหญ่ในญี่ปุ่น ทำให้เธอต้องทุ่มเทเพื่อองค์กรอย่างหนัก จนพบกับความเปลี่ยวเหงา และมีอาการทางจิตยิ่งกว่าเดิม
ยิ่งใช้ความพยายามไต่เต้ามาเป็นผู้บริหารระดับสูง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ในประเทศที่ผู้หญิงโดนดูถูก เลยสร้างแรงกดดันมากมาย จนทำให้เธอว้าเหว่บนความสำเร็จที่สร้างมา มีแค่แม่ที่ดูห่างเหิน ไม่เข้าใจ ไร้เพื่อน ไม่มีคนรัก ไม่มีเซ็กซ์ให้ดื่มด่ำเหมือนใครเขา
ทั้งหมดนี้จึงทำให้ยาสุโกะเลือกเส้นทางเป็นโสเภณี เพื่อได้ลิ้มรสชาติความห่วงใย ความซาบซ่านทางเพศ และที่สำคัญก็คือ การได้มีคนพูดคุยอยู่ใกล้ๆ ทุกคืน
สิ่งที่เกิดขึ้นมันสะท้อนปัญหาการทำงานในสังคมญี่ปุ่น ที่ยังไร้การแก้ไขจนถึงปัจจุบัน
5
เช่นกันกับปัญหาของหญิงสาว สิ่งที่เกิดขึ้นกับโกวินดาก็สะท้อนเรื่องน่าเศร้า ในกระบวนการยุติธรรมของประเทศนี้ได้เป็นอย่างดี เมื่อตำรวจและอัยการมั่นใจในการทำงานของตัวเอง จนไม่มองทฤษฎีอื่นๆ จนสุดท้ายทำให้เกิดแพะในคดีนี้ และมีผู้บริสุทธิ์ต้องติดคุกอย่างยาวนานอื้อฉาว
นี่ก็เป็นสิ่งที่ยังไร้ทางแก้ไข จนเป็นปัญหาเรื้อรังจนถึงปัจจุบันเหมือนกัน
หลังโกวินดาพ้นผิด เขารีบเดินทางกลับบ้านเกิดเนปาลทันที พร้อมให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ตัวเองถูกจับขังคุกนานกว่า 15 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ย่ำแย่และทรมานเอามากๆ
“เพราะผมไม่ได้ทำอะไรผิด แต่กลับต้องโดนแบบนี้”
โกวินดาเชื่อว่า หากไม่มีการตรวจสอบ DNA เขาคงจะต้องเป็นนักโทษในเรือนจำจนวันตายแน่ๆ
“ตลอดเวลาผมภาวนาถึงพระเจ้า แล้วเฝ้าถามว่า ผมทำอะไรผิด ถึงต้องมาอยู่ในนี้ พระองค์คือผู้เดียวที่อยู่กับผม ตอนติดคุก”
พลันที่ถึงเนปาล แพะในคดียาสุโกะ ซึ่งยังเป็นปริศนาว่าใครฆ่า ได้ตอบสื่อ ด้วยแววตาเปี่ยมด้วยความสุขแห่งอิสรภาพว่า
“คุณคิดดูสิว่า 15 ปีที่ผ่านมา ผมสูญเสียช่วงเวลาวัยหนุ่ม และทุกสิ่งที่สำคัญในชีวิตไปหมด จากคดีนี้…”
ดังนั้นเมื่อมีโอกาสได้กลับคืนสู่บ้านเกิด สิ่งแรกที่ชายคนนี้จะทำก็คือ
“ผมจะอุ้มลูกสาวมาไว้บนตัก คุยเล่น แล้วจะกอดเธอไว้แน่นๆ เลย”
ข้อมูลอ้างอิง
https://www.theguardian.com/world/2001/mar/08/worlddispatch.japan?CMP=Share_iOSApp_Other
https://www.laitimes.com/en/article/3qw3o_47l36.html
https://www.bbc.com/news/world-asia-20234596
Tags: ญี่ปุ่น, ฆาตกรรม, Haunted History



