1
“ไอ้โจร หันมาสบตาผม แล้วยกปากกระบอกปืนขึ้นเล็ง ตอนนั้นผมจำได้ว่า ตัวเองถามพระเจ้า วันนี้ใช่ไหม ที่จะต้องตาย”
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ปี 1997 เวลา 09.17 น. คนร้าย 2 ราย บุกเข้าปล้นธนาคารแบงก์ออฟอเมริกา (Bank of America) ทางนอร์ธฮอลลีวูด ในเมืองลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา พลันที่พวกเขาเข้ามาในธนาคาร ก็ตะโกนสั่งให้ทุกคนหมอบกับพื้น แล้วสาดกระสุนเสียงดังสนั่นทันที
พยานเผยว่า คนร้ายคู่นี้มีท่าทางสบายๆ ไม่ได้เกร็งหรือกดดันอะไรเลย พวกเขาเตรียมตัวมาอย่างดี ใส่หน้ากากสกีอำพรางใบหน้า มีปืน AK47 ผลิตจากจีน พร้อมเครื่องยิงกระสุนแบบไม่อั้น ไม่เพียงเท่านั้นทั้งสองยังใส่เสื้อเกราะกันกระสุนอีกด้วย เรียกได้ว่าพร้อมรบกันเลยทีเดียว
อย่างไรก็ดีการปล้นธนาคารนี้ไม่ได้เป็นไปดังที่คนร้ายหวัง ธนาคารเก็บเงินไว้เพียง 3 แสนเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ต่ำกว่าที่ผู้ก่อเหตุหมายมั่นว่าจะมีเงินในธนาคารประมาณ 7.5 แสน
เงินที่ได้น้อยกว่าที่คาดไม่พอ ตำรวจสายตรวจยังขับรถลาดตระเวนอยู่ใกล้ๆ พวกเขาเห็นคนร้าย 2 รายเข้าไปในธนาคาร จึงแจ้งเหตุเรียกกำลังเสริมทันที
เมื่อโจรออกมาจากธนาคาร รถสายตรวจก็ล้อมพวกเขาไว้หมดแล้ว
“วางอาวุธแล้วมอบตัวซะ” ตำรวจมือใหม่คนหนึ่งตะโกนออกมา พร้อมยกปืนสั้นขึ้นเล็ง
ทว่าคนร้ายไม่ได้ทำตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ พวกเขาเลือกสาดกระสุนสวนแทน
ตำรวจมือใหม่ที่ตะโกนเสียงเข้มใส่คนร้ายถูกยิงบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่คนอื่นต่างโดนคมกระสุนซัดเข้าอย่างจัง รวมถึงประชาชนผู้บริสุทธิ์ ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ก็โดนลูกหลงเข้าไปด้วย
เหตุการณ์นี้จะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของผู้บังคับใช้กฎหมายของอเมริกาในฉับพลัน
โจร 2 ราย ได้สร้างเหตุการณ์ระทึกขวัญ ที่เรียกขานกันในเวลาต่อมาว่า การดวลปืนที่นอร์ธฮอลลีวูด
“พวกเขาเข้ามาในธนาคาร โดยไม่แคร์ชีวิตใคร เมื่อเดินออกมา ก็ยิงทุกอย่างที่เคลื่อนไหวได้ แบบไม่สนใจห่าเหวอะไรทั้งสิ้น”
นี่คือตำนานสุดสะพรึงของ 2 ชายที่มีนามว่า แลร์รี ฟิลลิปส์ จูเนียร์ (Larry Phillips Jr.) และ เอมิล มาตาซาเรอานู (Emil Matasareanu) ที่รัวกระสุนอย่างบ้าคลั่งสั่นสะเทือนขวัญไปทั้งโลก
เหตุการณ์ยิงเดือดนี้ กินเวลาเพียงแค่ 44 นาทีเท่านั้น แต่สำหรับตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ พวกเขาเล่ากับนักข่าวว่า
“มันยาวนานราวกับชั่วชีวิต”
2
ก่อนเกิดเหตุการณ์นี้ ตำรวจแอลเอและเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายทั่วทั้งอเมริกาต่างพกเพียงปืนสั้น พวกเขาไม่ได้มีปืนยาวประจำอยู่ในรถสายตรวจ หากเจอคนร้ายที่พกอาวุธสงคราม หรือเหตุที่ใหญ่เกินกว่าคนในเครื่องแบบรับมือไหว ก็จะเรียกหน่วยปฏิบัติการพิเศษมาจัดการ
ดังนั้นเหตุการณ์วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ปี 1997 ตำรวจไม่เคยคิดว่าจะมีการดวลปืนราวกับหนังคาวบอยแบบนั้น 2 ปีก่อนหน้านั้น มีภาพยนตร์เรื่อง Heat ของ ไมเคิล มานน์ (Michael Mann) หรือชื่อไทยว่า ‘คนระห่ำคน’ เข้าฉาย กวาดรายได้ในโรงภาพยนตร์ถล่มทลาย
ในหนังเรื่องนี้ มีฉากโจรปล้นธนาคาร แล้วออกมาดวลปืนกับตำรวจกลางเมือง ประชาชนบาดเจ็บล้มตาย เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่และโจร เมื่อดูในจอ มันช่างเป็นอะไรที่เดือดพล่านอย่างยิ่ง ตอนนั้นทุกคนคิดว่า เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นได้ ก็คงแค่ในหนังหรือนิยายเท่านั้น ไม่มีทางเกิดในชีวิตจริงเด็ดขาด
แต่แล้วทุกคนก็คิดผิด
แลร์รีและเอมิล กราดยิงใส่ตำรวจแบบดุดัน กระสุนกระจุยวิ่งว่อนอย่างอลหม่าน ตำรวจโดนยิงร่วงบาดเจ็บ ขณะที่รถพยาบาลก็ไม่อาจเข้ามาได้ เพราะคนร้ายยังเหนี่ยวไกแบบต่อเนื่อง เพราะพวกเขามีเครื่องยิงกระสุนชนิดไม่อั้น ยิงได้อย่างสบายๆ ตำรวจล่าถอย แต่ไม่เปิดทางให้ผู้ก่อเหตุหนีไปได้
ถึงจุดนี้ ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ถูกสั่งให้ระดมกำลังมาจุดเกิดเหตุทันที ไม่ว่าจะในเครื่องแบบ หรือนักสืบนอกเครื่องแบบ หน่วยปฏิบัติการพิเศษถูกสั่งให้รีบมาโดยด่วน ระหว่างนั้นตำรวจใช้ปืนลูกโม่กับปืนพกสั้นดวลกับอาวุธสงครามอย่างอาจหาญ แต่ไม่อาจทำอะไรโจรทั้งสองได้เลยแม้แต่น้อย
เสียงปืนดังสนั่น กระสุนปลิวว่อนเข้ากระจก บ้านเรือน ร้านค้า ประชาชนต่างหมอบลง ระหว่างนั้นหมอฟันคนหนึ่งแสดงความกล้าหาญ หลบกระสุนแล้วแปลงคลินิกทำฟันของตัวเอง ซึ่งอยู่ใกล้จุดวินาศสันตะโร เป็นห้องฉุกเฉิน ให้ตำรวจพาเพื่อนร่วมงานและประชาชนที่บาดเจ็บถูกยิง มาที่เตียงเพื่อทำการผ่าตัดปฐมพยาบาลช่วยเหลือเบื้องต้นก่อน
วีรกรรมกล้าหาญนี้ทำให้เจ้าหน้าที่และประชาชน ซึ่งถูกยิงรวม 20 ราย ต่างรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด นี่คือความองอาจของคนธรรมดา ที่ยามคับขันก็แสดงความมุ่งมั่น ไม่หวาดหวั่นในสถานการณ์สุดเลวร้ายนี้
“ผมซาบซึ้งในความกล้าหาญของหมอฟันคนนี้มากๆ เขาไม่จำเป็นต้องเปิดประตูมาช่วยพวกเราก็ได้ แต่เขาเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง และเลือกที่จะช่วย”
นาทีต่อนาทีผ่านไป กระสุนยังยิงแลกซัดกันอย่างดุเดือด จนเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เจ้าหน้าที่สามารถระดมพลมาได้มากขึ้น ปิดล้อมไม่ให้คนร้ายหลบหนีไปได้ ทางการใช้รถเป็นเกราะกำบัง แล้วยิงสวนไปทีละนัด ขณะที่อีกฝ่ายรัวกระสุนมาเป็นชุด
แต่เจ้าหน้าที่ไม่ย่อท้อ พวกเขาเริ่มได้เปรียบมากขึ้นเรื่อยๆ ค่อยๆ บีบวงเข้าหาผู้ก่อเหตุใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จนเล็งคนร้ายได้ถนัดมากขึ้นกว่าเดิม
ในเสี้ยววินาทีนั้น เจ้าหน้าที่นายหนึ่งได้ซัดกระสุนเข้าใส่แลร์รีอย่างจัง ทำเอาวายร้ายแสดงอาการบาดเจ็บออกมาอย่างชัดเจน เขาเซออกจากที่ซ่อน แล้วพยายามเดินกึ่งวิ่ง ท่ามกลางเลือดที่ไหลอาบ วิ่งไปหลบพิงเสาไฟ เร้นกายจากเจ้าหน้าที่ไว้
โดยขณะนั้น เฮลิคอปเตอร์ของสำนักข่าวได้บินเก็บภาพ แม้ทางผู้ก่อเหตุจะได้ระดมยิงใส่จนต้องบินหนีออกมารอบนอก แต่ก็ยังใกล้พอจะเก็บรายละเอียดเหตุการณ์สำคัญต่อจากนี้ได้อย่างชัดแจ้ง
วินาทีนั้นแลร์รีบาดเจ็บสาหัส เขารู้ดีว่าตัวเองไม่อาจหนีรอดไปได้แน่ นั่นทำให้เขาตัดสินใจเอากระบอกปืนเล็งไว้ใต้คาง
ก่อนจะเหนี่ยวไก
ดับเป็นศพแรกของศึกนอร์ธฮอลลีวูดนี้
3
รายงานการสืบสวนของตำรวจในเวลาต่อมาชี้ชัดว่า ขณะที่แลร์รี่ยิงตัวตาย ก่อนที่เขาจะล้มไปกองกับพื้นนั้น ตำรวจนอกเครื่องแบบยังระดมยิงตามร่างเขาอย่างต่อเนื่อง จนวายร้ายร่วงกองกับพื้น แล้วหมดลมหายใจ
ถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่แน่ชัดว่า กระสุนปืนของแลร์รีหรือการยิงของตำรวจ อันไหนกันแน่ที่ปลิดชีพคนร้ายรายนี้
ตอนนี้เหลือเพียงเอมิลเท่านั้น ทางตำรวจปฏิบัติการพิเศษพร้อมอาวุธครบมือได้เข้ามาในพื้นที่ล้อมวงโจรคนนี้แล้ว พวกเขาปิดล้อมและแลกกระสุนกันอย่างดุเดือด เสียงปืนดังสนั่นจนหูแทบดับ โดยยังไม่มีใครเพลี่ยงพล้ำหรือยอมแพ้แต่อย่างใด
ระหว่างนั้นนักสืบคนหนึ่งเผยว่า ทางเอมิลยิงสู้ตำรวจ 3 นาย จังหวะนั้น เท้าของเขาเปิดโล่ง ทำให้เจ้าหน้าที่อีกฝั่งเห็นโอกาส เขาเหนี่ยวไกปืน จากใต้ท้องรถ มันแม่นราวจับวาง ทำเอาเอมิลชะงักเข้าอย่างจัง กระสุนรัวใส่ข้อเท้าเขาถึง 2-3 นัด
นั่นทำให้โจรร้ายสิ้นฤทธิ์ ล้มไปกองกับพื้นทันที แต่เขายังไม่หยุดสู้ต่อ ราวหมาจนตรอก
นั่นเอง จึงทำให้เหล่าตำรวจ ยังไม่กล้าโผเข้าจับ เหตุเพราะพวกเขาไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายยังมีฤทธิ์สู้ต่อไหม จึงรัวกระสุนยางต่อ เพราะกระสุนจริงถูกยิงไปหมดแล้ว ตำรวจซัดใส่ร่างเอมิลถึง 28 นัด จนกระทั่งอีกฝ่ายหยุดยิง
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ 3 คน จึงรีบพุ่งเข้าหาเอมิล เพื่อทำการจับกุม โดยจับอีกฝ่ายนอนคว่ำหน้า เอามือไพล่หลังแล้วใส่กุญแจมือ ในสภาพที่อีกโจรร้ายสิ้นฤทธิ์เลือดอาบ หายใจรวยริน แผลเต็มตัว
ภาพทั้งหมดนี้ช่างภาพจากเฮลิคอปเตอร์จับภาพไว้ได้ และฉายให้คนทั้งโลกได้ชมอย่างใจจดใจจ่อ
ตำรวจถอดหน้ากาสกีออก เอมิลพูดออกมาอย่างอ่อนล้าว่า “ทำไมไม่ยิงใส่หัวกูเลยวะ”
ทางการกับคนร้ายคุยกัน 2-3 คำ จากนั้นนักสืบได้มาคุมตัวไว้ อย่างไรก็ดี เอมิลไม่ได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที เจ้าหน้าที่คุมตัวเขานานกว่า 56 นาที นั่นทำให้โจรคนนี้เลือดออกหมดตัวจนตาย หรือพูดภาษานักข่าวอาชญากรรมไทย ก็ต้องเขียนว่า ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา
เหตุการณ์นี้สร้างความไม่พอใจให้กับครอบครัวของเอมิลอย่างมาก พวกเขาฟ้องร้องตำรวจแอลเอทันที เพราะมองว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่ คือการฆาตกรรมเอมิล เนื่องจากเขาโดนยิงบาดเจ็บขนาดนี้แล้ว ทางการกลับไม่ให้แพทย์เข้ามาดูแลปฐมพยาบาลได้อย่างไร
แต่การฟ้องนี้ไม่ถูกนำไปสู่การไต่สวนและถูกจำหน่ายคดีออกไป ทางศาลมองว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่ไม่ถือว่าเข้าข่ายการฆาตกรรมเอมิลแต่อย่างใด
44 นาทีแห่งการดวลปืนสนั่นเมือง สุดท้าย 2 โจรก็สิ้นชีพ ท่ามกลางผู้บาดเจ็บทั้งตำรวจและประชาชนคนธรรมดารวม 20 กว่าชีวิต ยังไม่นับอาคารบ้านเรือน รถ ทรัพย์สิน ที่ถูกกระสุนยิงจนพรุน ทางการพบกระสุนกว่า 2 พันนัดตกอยู่โดยรอบจุดเกิดเหตุ
ครึ่งหนึ่งเกิดจากการรัวยิงของแลร์รีและเอมิลนั่นเอง
4
หลังเสร็จศึกปืนเดือด ตำรวจรีบทำรายงานสรุปเหตุทันที พวกเขาได้ข้อสรุปว่า นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบหรือสายตรวจจะต้องมีอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพกว่าปืนลูกโม่ หรือปืนพกสั้น อย่างน้อยจะต้องมีปืนลูกซอง เสื้อเกราะกันกระสุนในรถ เพื่อเตรียมตัวไว้เสมอ ไม่เพียงเท่านั้น ตำรวจอเมริกาทั้งประเทศต่างเปิดอบรมหลักสูตรรับมือเหตุดังกล่าว
“เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นอีกหรือไม่ แต่ถ้ามันเกิดขึ้น เราก็ต้องพร้อมรับมือมันให้ได้ดีกว่านี้”
ด้านครอบครัวของคนร้าย 2 ราย ต่างแสดงความโศกเศร้า ต่อการจากไปของ 2 โจรนี้ จากการสืบสวนพบว่า แลร์รี คือผู้ที่คิดแผนการปล้นทั้งหมด และการสาดกระสุนอย่างบ้าบิ่นแบบนี้ เพราะเขามีความเกลียดชังตำรวจอยู่แล้ว เพราะพ่อของตัวเองเคยโดนเอฟบีไอบุกบ้านแล้วถูกจับกุมตัวไป
“เขาเกลียดเจ้าหน้าที่ เพราะสิ่งที่พวกนี้ทำกับพ่อ”
มีข้อมูลการสืบสวนชี้ชัดว่า ทั้งสองเคยก่อเหตุปล้นธนาคารมาแล้วถึง 2 ครั้งด้วยกัน สำหรับแรงจูงใจนั้นเชื่อว่า แลร์รีก็แค่อยากรวย แต่ดันเลือกทางเดินเป็นอาชญากร จนนำไปสู่โศกนาฏกรรมครั้งนี้ ส่วนเอมิลนั้น ครอบครัวอพยพมาจากโรมาเนีย ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่า เขากับแลร์รีเจอกันที่ไหน แต่ทั้งสองกลายมาเป็นเหมือนคู่หูกัน ร่วมมือกันก่อเหตุปล้นธนาคารหลายแห่ง จนมาสิ้นฤทธิ์ที่นอร์ธฮอลลีวูด
ทางน้องชายของแลร์รีเผยว่า บางทีพี่ของเขาอาจได้แรงบันดาลใจในการปล้นครั้งนี้ จากกรณีคนร้าย 6 คน ที่ใส่หน้ากากสกี ปล้นคลังเก็บสินค้าของสายการบินหนึ่งในสนามบินนิวยอร์ก ซึ่งคนร้ายกวาดทรัพย์สินมีค่ารวม 5.8 ล้านเหรียญลอยนวล ถึงวันนี้ก็ยังไม่อาจจับกุมผู้ก่อเหตุได้
แลร์รีคงหวังว่าเขาจะลอยนวลไปได้เหมือนกับกลุ่มโจรเหล่านี้
อย่างไรก็ดี สิ่งที่แลร์รีไม่ได้ศึกษาอย่างละเอียดก็คือ การปล้นที่สนามบินนิวยอร์กนี้ นำไปสู่การฆ่าล้างแค้นของพวกมาเฟียอิตาลี จนมีคนตายเป็นเบือ แม้ตำรวจอาจจะจับกุมใครไม่ได้ แต่ก็เชื่อได้ว่า ไม่มีผู้ก่อเหตุคนใด ได้สุขสำราญกับเงินที่ใช้แน่นอน เพราะคงถูกฆ่าปิดปากไปแล้ว
ตายจากโลกเหมือนกับแลร์รีนั่นเอง
5
การดวลปืนที่นอร์ธฮอลลีวูดนี้ ทางตำรวจ 19 นายต่างได้รับเหรียญกล้าหาญ ได้เดินทางไปพบ บิล คลินตัน (Bill Clinton) ประธานาธิบดีในขณะนั้น ที่ได้ยกย่องวีรกรรมการปฏิบัติหน้าที่แบบองอาจ ไม่หวั่นเกรงกลัวภัยอันตรายและคมกระสุน แถมสังคมก็ยังยกย่องเจ้าหน้าที่ ซึ่งแม้จะจัดการการปล้นครั้งนี้แบบทุลักทุเล แต่พวกเขาก็ผ่านมันมาได้ อย่างน้อยก็ไม่ได้มีใครเสียชีวิตไปมากกว่านี้ นอกจาก 2 โจรเท่านั้น
แต่ตำรวจที่ผ่านวิกฤตดวลปืนครั้งนั้น พวกเขาต่างยอมรับว่าเหตุการณ์นี้ยังหลอกหลอนและตราตรึงในความทรงจำอยู่หลายปี ไม่มีวันลืมเลือน โดยทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น ต่างบอกย้ำกับนักข่าวเสมอว่า โชคดีแค่ไหนแล้ว ที่พวกเขายังมีชีวิตรอดมาได้
“ตอนไอ้โจร หันมาสบตาผม แล้วยกปากกระบอกปืนขึ้นเล็ง ตอนนั้นผมจำได้ว่า ตัวเองถามพระเจ้า วันนี้ใช่ไหม ที่จะต้องตาย ดังนั้นพอรอดมาได้ ผมก็สาบานว่า จะใช้ชีวิตต่อจากนี้ให้ดีที่สุด
“ให้คุ้มค่ากับที่รอดตายมาได้”
ข้อมูลอ้างอิง
https://edition.cnn.com/2017/02/28/us/north-hollywood-bank-shootout-anniversary/index.html
https://www.crimemuseum.org/crime-library/robberies/north-hollywood-shootout/
https://www.nytimes.com/1997/03/01/us/police-kill-2-bank-robbery-suspects-in-a-wild-gun-battle.html
Chilling Portrait of Robber Emerges – Los Angeles Times (latimes.com)
Tags: อาชญากรรม, ตำรวจ, ปล้นธนาคาร, ดวลปืน