“ตอนแรกทุกคนคิดว่าเสียงพลุ ต้องใช้เวลาสักพักถึงจะรู้ว่า มันเป็นเสียงปืน”

1

ฮันเตอร์ โคแซ็ก (Hunter Kozak) อายุ 29 ปี เป็น TikToker ฝ่ายซ้าย เขามีผู้ติดตาม 3 หมื่นกว่าคน ในวันที่ 11 กันยายน 2025 เจ้าตัวพร้อมแฟนสาวเข้าแถวต่อคิวยาวเหยียดนานกว่า 90 นาที เพื่อร่วมกิจกรรมที่ Utah Valley University รัฐยูทาห์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ในงานที่มีชื่อว่า ‘พิสูจน์ว่าฉันผิดสิ’

มันเป็นส่วนหนึ่งของทัวร์แคมเปญสุดยิ่งใหญ่ ‘การกลับมาของอเมริกันชน’

เจ้าของงานคือนักกิจกรรมฝ่ายขวาสุดโด่งดังในอเมริกาวัย 31 ปี ชาร์ลี เคิร์ก (Charlie Kirk)

ภายในงานมีการตั้งโต๊ะ ประชาชนเข้าร่วมกว่า 3,000 คน โดยเคิร์กจะเปิดโอกาสให้ใครก็ได้ ถามซัดเขาได้ทุกประเด็น โดยเฉพาะพวกฝ่ายซ้ายทั้งหลาย ดาหน้ากันเข้ามาแย้งในทุกความเชื่อทางการเมืองได้เลย นั่นทำให้งานของฝ่ายขวานี้ มีกลุ่มฝ่ายซ้ายเข้าร่วมเพียบ เพราะต้องการถกกับเคิร์ก

“ผมอยากท้าทายเขา” ฮันเตอร์บอกกับนักข่าว

งานจะเริ่มขึ้นในเวลา 12.09 น. ซึ่งในวันนี้ยังครบรอบ 24 ปี เหตุการณ์ 9/11 ซึ่งผู้ก่อการร้ายจี้เครื่องบินพุ่งชนตึกเวิลด์เทรดเซนเตอร์ในนิวยอร์ก และโจมตีสถานที่สำคัญหลายแห่งในอเมริกา ความหมายและสัญลักษณ์ของมันทำให้เคิร์กเริ่มแคมเปญในวันนี้ และจะจัดต่อเนื่องไปในอีก 15 มหาวิทยาลัยทั่วทั้งอเมริกา

หลังเริ่มงานไปได้ 15 นาที ฮันเตอร์ก็ได้โอกาสจับไมโครโฟนขึ้นพูด เขาเตรียมคำถามมาเป็นอย่างดี เพื่อจะซัดกับเจ้าของงานนี้

ฮันเตอร์บอกกับสื่อในเวลาต่อมาว่า “แม้ผมจะไม่เห็นด้วยกับเคิร์ก แต่สิ่งหนึ่งที่เราเชื่อร่วมกันคือ เสรีภาพในการพูด”

ไม่มีใครรู้เลยว่า ก่อนจะเริ่มกิจกรรมนี้แค่ 8 นาที ชายคนหนึ่งได้ขับรถเข้ามาจอดในมหาวิทยาลัย แต่ไม่ได้เข้าไปภายในงานดังกล่าว

เขาแต่งตัวมิดชิด แล้วปีนขึ้นหลังคา ซึ่งอยู่ห่างจากเวทีกิจกรรม 183 เมตร เจ้าตัวหยิบปืนไรเฟิลยาวออกมา กระบอกนี้เขาใช้มันอย่างชำนาญจากการล่าสัตว์ มันติดลำกล้องยาว เพื่อเพิ่มระยะการสังหาร

เจ้าตัวนอนหมอบราบ จัดท่าพร้อมยิง มือเข้าไปในโกร่งไก ตาประทับในศูนย์เล็ง 

เป้าหมายคือ ศูนย์กลางคนจัดงาน

‘ชาร์ลี เคิร์ก’

2

เคิร์ก โตมาในย่านชานเมืองของชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ซึ่งเป็นฐานเสียงของพรรคเดโมแครต (Democratic Party) แต่ย่านที่ชายคนนี้เกิดมา อุดมไปด้วยคนขาว และเอียงไปทางฝ่ายขวา ชื่นชอบพรรครีพับลิกัน (Republican Party)

“ช่วงพักเที่ยง ตอน ม.4 ผมฟังวิทยุของฝ่ายขวาเป็นประจำ แล้วคิดว่า เขาสุดยอดมาก ตอนนั้นผมกำลังมองหาใครสักคนที่มายืนยันในความเชื่อทางการเมืองของตัวเอง”

เด็กหนุ่มเชื่อคำแนะนำจากเจ้าของช่องวิทยุฝ่ายขวา เขาเลยไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัย และเริ่มเป็นนักกิจกรรมตั้งแต่อายุ 18 ปี เขาก่อตั้งกลุ่ม และเดินสายไปพูดทั่วมหาวิทยาลัย เผยแพร่แนวคิดฝ่ายขวา คริสต์ศาสนาเป็นหลัก คัดค้านการทำแท้ง ต่อต้านความหลากหลายทางเพศ สนับสนุนอาวุธปืน และเชื่อในพรรครีพับลิกันที่นำโดย โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump)

กิจกรรมที่เคิร์กจัดท้าทายให้นักศึกษาถือไมโครโฟน ถามและโต้แย้ง นำไปสู่การถกเถียง บางครั้งชายคนนี้ ซึ่งอ่านและเขียนหนังสือมาจำนวนมาก โชว์แหกเด็ก บางคราก็จะนั่งฟัง เห็นด้วย ถกเถียง คุณูปการในเวลาต่อมาก็คือ คนหนุ่มสาวในรั้วปัญญาชนของอเมริกันจำนวนมากเอียงขวาหนุนทรัมป์ จนชนะเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2

ผลงานของเคิร์กทำให้เขาสนิทกับทรัมป์มาก เข้านอกออกในทำเนียบขาว แต่ไม่เคยมีตำแหน่งทางการเมือง เพราะชอบการเป็นนักกิจกรรมมากกว่า 

ชายหนุ่มวัย 31 ปีเดินสายพูดทั้งในอเมริกาและต่างประเทศ โดย 1 สัปดาห์ก่อนจะถึงวันที่ 11 กันยายน เขาเดินทางไปเกาหลีใต้ พูดให้กลุ่มคนที่เชื่อในคริสต์ศาสนาฟัง และเดินทางไปญี่ปุ่น เพื่อพูดกับนักการเมืองฝ่ายขวา ซึ่งเชื่อในการขับไล่ชาวต่างชาติ ก่อนจะเดินทางกลับบ้านเกิด เพื่อร่วมกิจกรรม ที่ Utah Valley University คนจำนวนมากเข้าคิวเพื่อฟังเขาปราศรัย ทั้งฝ่ายขวาที่อยากถามและฝ่ายซ้ายที่อยากแลกเปลี่ยนมุมมอง

เคิร์กเชื่อมาตลอดว่า การเดินสายพบปะพูดคุยในมหาวิทยาลัย จะช่วยให้นักศึกษาเอียงขวามากขึ้น ดังที่เขาตั้งใจมาตลอดว่า “พวกเราต้องการความเปลี่ยนแปลงในวัฒนธรรม”

นี่คือสิ่งที่ฮันเตอร์กำลังจะท้าทายเขาในช่วงเที่ยงวันนั้น

มันเป็นการพบกันครั้งแรกของทั้งสองคน ชายที่เชื่อในพรรคเดโมแครตหัวเอียงซ้าย กับชายที่เชื่อในพรรครีพับลิกัน หัวเอียงขวา

TikToker วัย 29 ปี เปิดประโยคใส่เคิร์กว่า

“คุณรู้ไหมว่า อเมริกันข้ามเพศ ที่เป็นมือกราดยิงในรอบ 10 ปีที่ผ่าน มีกี่คน”

“เยอะเกินไป” เจ้าของกิจกรรมตอบทันที

ฮันเตอร์ยกสถิติ “แค่ 5 คน” ก่อนจะถามต่อ “แล้วคุณรู้ไหมว่า จำนวนเหตุกราดยิงที่เกิดขึ้นในอเมริกาในรอบ 10 ปี มีเท่าไร”

“นับหรือไม่นับพวกความรุนแรงระหว่างแก๊งล่ะ” เคิร์กถามกลับ

ไม่มีใครคิดเลยว่า นี่จะประโยคสุดท้ายในชีวิตของเขา

เสี้ยววินาทีต่อมา เสียงบางอย่างดังขึ้น ทีแรกหลายคนในงานคิดว่า เป็นเสียงพลุ ต้องใช้เวลาสักพักถึงจะตระหนักว่า มันคือเสียงปืน

ฮันเตอร์ตั้งสติแล้วเห็นว่า เคิร์ก นักกิจกรรมฝ่ายขวา ชายที่สนิทกับประธานาธิบดีทรัมป์ ชายที่ฝ่ายซ้ายชิงชัง และเป็นขวัญใจของพวกอนุรักษนิยมในอเมริกันถูกยิง

“ผมเห็นเลือดพุ่งออกมา” ฮันเตอร์รีบดึงแฟนสาวหมอบลงกับพื้น พร้อมกับเสียงกรีดร้องดังขึ้นทั่วงาน เจ้าหน้าที่รีบวิ่งเข้ามาเพื่อคุมสถานการณ์และดูอาการของเคิร์ก ซึ่งถูกกระสุนเจาะเข้าที่ลำคอ อาการสาหัสอยู่บนเวที

แม้จะรีบพาตัวไปโรงพยาบาล แต่บาดแผลฉกรรจ์ เขาทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในเวลาต่อมา

นี่คือโศกนาฏกรรมสุดสะพรึง เจ้าหน้าที่เข้าคุมจุดเกิดเหตุ กลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั้งโลก ท่ามกลางความโกลาหลนั้น ไม่มีใครสังเกตเห็น ชายบนหลังคาเก็บอาวุธปืน โดดลงมาจากชั้น 2 ก่อนรีบวิ่งไปขึ้นรถ ขับออกจากมหาวิทยาลัย เช่นเดียวกับผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก

หลังการก่อเหตุ มือปืนได้พิมพ์ข้อความไปยังโทรศัพท์ของคนรัก

“ผมมีโอกาสปลิดชีพเคิร์กและผมทำมันแล้ว”

“คุณไม่ได้พูดเล่นใช่ไหม คุณคงไม่ใช่คนที่ก่อเหตุนี้นะ”

“ผมทำเอง ขอโทษด้วยนะ”

“ทำไมถึงทำแบบนี้”

“ผมพอแล้วกับความเกลียดชังที่เขาสร้างขึ้น สิ่งนี้ไม่อาจประนีประนอมได้”

3

สำนักงานสอบสวนกลาง FBI เข้าร่วมในคดีนี้ กินเวลาไม่กี่ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ก็เผยแพร่ภาพผู้ต้องสงสัยจากวงจรปิด

มันคือภาพของชายที่ก่อเหตุลั่นไกยิงเคิร์กนั่นเอง

คลินตัน โรบินสัน (Clinton Robinson) เห็นภาพดังกล่าวหลังเกิดเหตุสังหารโหดผ่านไปได้เพียงแค่ 7 ชั่วโมงเท่านั้น

แม้ภาพดังกล่าวจะเห็นหน้าไม่ชัด เพราะเขาสวมหมวกแก๊ปสีฟ้าอำพราง พร้อมใส่เสื้อยืดสีดำแขนยาวและกางเกงยีน

แต่คลินตันจำได้ว่าคือใคร เขารีบติดต่อไปยังน้องชายตัวเอง “พี่คิดว่าคนในรูปเหมือนกับไทเลอร์เลย” 

ไทเลอร์ โรบินสัน (Tyler Robinson) อายุ 22 ปี เป็นหลานชายของคลินตัน เกิดในรัฐยูทาห์ เรียนเก่งฉลาดหลักแหลม

เมื่อถกเถียงกันสักพัก สองพี่น้องโรบินสันก็ขนลุก ชายในภาพวงจรปิดซึ่งถูกระบุว่าอาจเป็นผู้ก่อเหตุฆ่าเคิร์ก มีความคล้ายคลึงกับลูกหลานตัวเองอย่างมาก

เมื่อแม่ของไทเลอร์เห็นภาพนี้ เธอแน่ใจทันทีว่า ลูกตัวเองคือผู้สังหารเคิร์ก 

“ลูกอยู่ไหนนะ” เธอรีบโทร.หาไทเลอร์

“ผมคิดถึงบ้าน กำลังจะกลับไปครับ”

ห้วงเวลาไล่เลี่ยกันนั้น แพลตฟอร์มสื่อสารออนไลน์ ดิสคอร์ด (Discord) ห้องสนทนาหนึ่ง ก็มีคนที่เห็นภาพวงจรปิด แล้วแท็กไปหาไทเลอร์ “นายอยู่ไหนนะ แกเหมือนคนที่กำลังถูกตามหาตอนนี้”

ไม่ถึงนาที ไทเลอร์พิมพ์ตอบกลับมา “เหมือนฉันเลยจริงๆ” ต่อด้วยข้อความ “ฉันจะซวยเอาแล้วสิ”

คนในกลุ่มพิมพ์ข้อความฮาๆ มาว่า “ไทเลอร์ฆ่าชาร์ลี” สร้างเสียงหัวเราะให้สมาชิกในห้องดังกล่าวที่มีกัน 20 กว่าคนยิ่งนัก

“ฉันจะส่งนายให้ FBI เพื่อแลกกับเงินเบาะแส 1 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ นะ” ใครสักคนยังคงยิงมุกต่อเนื่อง

“แบ่งฉันด้วยนะ” ไทเลอร์พิมพ์ตอบกลับมา ทุกคนในกลุ่มสนุกสนาน เพราะไม่มีใครคิดว่าเขาจะเป็นฆาตกรจริงๆ

ระหว่างนั้นการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ดำเนินไปอย่างเข้มข้น พวกเขาพบปืนไรเฟิลห่อในผ้าสีดำ ถูกทิ้งไว้ในสวนใกล้จุดเกิดเหตุ โดยทางการยังพบปลอกกระสุนมีข้อความสลักบางอย่าง

โดยปลอกที่ใช้ก่อเหตุนั้น มีข้อความที่อ้างอิงจากมีมในอินเทอร์เน็ต ส่วนปลอกกระสุนอีก 3 นัด เขียนว่า ‘ไง ไอ้พวกฟาสซิสต์ จับฉันให้ได้สิ’ พร้อมลูกศรสัญลักษณ์ คล้ายกับสูตรเกม อีกปลอกอ้างอิงเนื้อเพลง Bella Ciao ซึ่งเป็นเพลงต่อต้านฟาสซิสต์ของคนอิตาลี แต่ถูกใช้ในเกมและในซีรีส์ Netflix ด้วย

อีกปลอกเขียนเย้ยว่า ‘ถ้านายอ่านอันนี้ นายเป็นเกย์’

เมื่อพ่อและแม่ของไทเลอร์เจอลูกชายซึ่งเดินทางมาที่บ้าน ก็ปิดห้องถามว่าลูกเกี่ยวข้องอะไรกับเหตุการณ์นี้หรือไม่ คำตอบที่ได้สร้างความตกตะลึง หลังคุยกันไปสักพัก เด็กหนุ่มวัยแค่ 22 ปี ก็รับสารภาพว่า เขาคือผู้ลั่นไกฆ่าเคิร์กเอง

และตอนนี้เขากำลังคิดจะฆ่าตัวตาย

ครอบครัวโรบินสันรีบติดต่อเพื่อนฝูงที่เข้าโบสถ์กันเป็นประจำ โดยมีอดีตเจ้าหน้าที่เป็นคนเข้ามาเกลี้ยกล่อม และโทร.หาสำนักงานนายอำเภอในพื้นที่

“เฮ้ เพื่อน ฉันได้คนที่ก่อเหตุแล้ว เรากำลังเจรจาให้เขามอบตัว”

“นายว่าไงนะ” ทางการถึงกับลนลาน

ครอบครัว เพื่อนบ้าน และอดีตเจ้าหน้าที่ ค่อยๆ เจรจากับไทเลอร์ ไม่ให้จบชีวิตตัวเอง และตัดสินใจมอบตัวกับแทน จนได้ข้อสรุปว่า จะพาเขาไปที่สำนักงานนายอำเภอ ไม่ให้ตำรวจมารับตัว เพราะเสี่ยงที่จะเจอหน่วย SWAT และอาจเกิดการวิสามัญได้ 

สำนักงานนายอำเภอวอชิงตันรับตัวชายหนุ่ม ซึ่งถูกพาตัวมาที่โรงพัก ก่อนพาเข้าไปในห้องสอบปากคำ พวกเขาแจ้ง FBI ซึ่งรีบรุดเดินทางมาทันที เพื่อสอบถามข้อมูลเบื้องต้น

33 ชั่วโมงหลังกระสุนปลิดชีพเคิร์ก ประธานาธิบดีทรัมป์เดินทางไปออกรายการข่าวในสถานีโทรทัศน์ Fox News ซึ่งเอียงขวา แล้วเขาเป็นผู้ป่าวประกาศบอกทั้งโลกว่า

“ผมมั่นใจอย่างมากว่า เราคุมตัวเขาได้แล้ว”

4

ไทเลอร์ โรบินสัน เกิดในครอบครัวรีพับลิกัน เอียงขวา ชอบไปล่าสัตว์ เขาจึงชำนาญเรื่องอาวุธปืนมาก ตอนเรียน ม.ปลาย เขาหัวดี ได้เกรด 4.00 

เพื่อนๆ นิยามว่า ไทเลอร์เป็นคนที่คุณอยากให้มาช่วยกันทำงานกลุ่มด้วย แม้จะไม่ป็อปปูลาร์ในโรงเรียน แต่ทุกคนก็ชอบเด็กคนนี้

เพราะความหัวดีทำให้เขาได้รับทุนเรียนต่อ Utah Valley University ตลอด 4 ปี แต่เจ้าตัวกลับเรียนได้แค่เทอมเดียวก็ลาออก แล้วกลับมาอยู่บ้านสักพัก ก่อนจะไปเรียนต่อช่างไฟฟ้าได้ 3 ปีแล้ว

โดยชายหนุ่มเช่าหออยู่กับแฟน ซึ่งขณะเกิดเหตุอยู่ระหว่างเตรียมผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิง

พ่อแม่ของเขาบอกว่า หลังออกจากมหาวิทยาลัย ไทเลอร์เริ่มมีมุมมองทางการเมืองที่สุดขั้วมากขึ้น เอียงซ้าย และสนับสนุนเพศสภาพที่หลากหลาย สนับสนุนกลุ่มเกย์และทรานส์มากยิ่งขึ้น

ไม่เพียงความคิดที่เปลี่ยน แต่พฤติกรรมของเขาหลังเดินออกจากเส้นทางมหาวิทยาลัยก็แปรผันด้วย เพราะไทเลอร์เก็บตัวอย่างมาก สุงสิงแต่ในอินเทอร์เน็ต คนในหอพักเห็นว่าเจ้าตัวไม่ค่อยคุยกับใคร เปลี่ยนจากเด็กเรียนดีเป็นอีกขั้ว และบางทีก็รู้สึกแปลกๆ กับชายคนนี้

โดยก่อนเกิดเหตุหลายวัน ไทเลอร์กลับมากินข้าวที่บ้านแล้วพูดออกมาว่า เคิร์กกำลังจะมาที่มหาวิทยาลัย

“ผมไม่ชอบชายคนนี้ ผมเกลียดมัน เพราะมันชอบทำอะไรน่าชิงชังมากๆ”

FBI ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดพบว่า แม้ครอบครัวของไทเลอร์ลงทะเบียนแจ้งว่าเป็นรีพับลิกัน แต่ผู้ต้องหารายนี้ไม่เคยแจ้งว่า สังกัดพรรคการเมืองไหน แถมในการเลือกตั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา เขาไม่เคยไปใช้สิทธิเข้าคูหาแต่อย่างใด

เมื่อนำตัวมาสอบปากคำ ไทเลอร์ไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ปิดปากเงียบจนถึงวินาทีนี้

นี่คือความรุนแรงทางการเมือง ที่ฉีกสังคมอเมริกันออกเป็นเสี่ยงๆ พร้อมกับทฤษฎีสมคบคิดมากมาย ไม่นับข้อความในโลกออนไลน์ ที่เย้ยหยันคนตาย เชิดชูมือปืน นี่คือภาพสะท้อนการเมืองในยุคนี้ ไม่เพียงในประเทศใต้บงการของทรัมป์ แต่ยังรวมถึงสถานที่ทุกแห่งในโลก 

ดูเหมือนคุณค่าของระบอบประชาธิปไตยจะถูกท้าทาย ทั้งจากระบอบเผด็จการ และความเกลียดชังจากคนในประเทศด้วยกันเอง ทางรัฐบาลทรัมป์และฝ่ายขวาใช้โศกนาฏกรรมนี้ไล่บี้ล่าแม่มดฝ่ายซ้าย มีเจ้าหน้าที่ถูกไล่ออก เพราะแสดงความเห็นด้วยกับการลอบสังหาร สถานการณ์ยังเลวร้ายลงได้กว่านี้ 

“ที่เรารู้ตอนนี้คือ เขาก่อเหตุเพียงคนเดียวเท่านั้น” คำแถลงของทางการบอกกับสื่อมวลชน

ด้านคนรักของเขาไม่เคยถูกเปิดเผยชื่อ ไม่ว่าจากเจ้าหน้าที่หรือสื่อมวลชน เพราะไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้

ส่วนเพื่อนๆ ในกลุ่มดิสคอร์ดที่คุยเล่นกัน พอทราบข่าวต่างตกตะลึง เพราะไม่คิดว่าเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นแบบนี้ได้

“ผู้ว่าการรัฐเตรียมใช้โทษประหารชีวิตกับเขานะ” ใครสักคนในกลุ่มพิมพ์ข้อความ

“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเรื่องทั้งหมดจะเป็นความจริง”

5

แม้ไม่ชอบผู้เสียชีวิต แต่ฮันเตอร์บอกกับสื่อว่า เขายังตกตะลึงกับเหตุการณ์ดังกล่าว และปวดใจที่คำถามสุดท้ายของเขาที่พูดกับเคิร์กถูกเผยแพร่ในอินเทอร์เน็ต ทำให้ฝ่ายขวาประณามด่าเขาอย่างรุนแรง จนเจ้าตัวต้องไลฟ์ใน TikTok เพื่อบอกผู้ติดตามนับหมื่นคนว่า 

“ผมอาจเห็นต่างในสิ่งที่เคิร์กพูดนับพันประโยค แต่คุณอย่าลืมนะว่า เขาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งเหมือนเราๆ นั่นแหละ”

ฮันเตอร์กล่าวถึงลูก 2 คนของผู้เสียชีวิตที่ต่างอยู่ในอาการโศกเศร้าที่ต้องสูญเสียบิดาไปว่า

“เคิร์กเป็นพ่อ และการที่เด็กๆ ต้องโตมาโดยกำพร้าพ่อ นี่เป็นสิ่งที่ไม่อาจให้อภัยได้”

ด้าน เอซรา ไคลน์ (Ezra Klein) คอลัมนิสต์ของ The New York Times ประณามการก่อเหตุ โดยย้ำเตือนว่า รสนิยมที่จะไม่เห็นด้วย คือคุณค่าแห่งระบอบประชาธิปไตย

นักเขียนหนุ่มเน้นย้ำ การเมืองอเมริกาล้วนมีฝักฝ่าย อย่าแกล้งเสแสร้งว่าไม่มี แต่ทั้ง 2 ฝ่ายต่างอยู่ในโปรเจกต์ที่ใหญ่กว่านั้น นั่นคือรักษาการดำรงอยู่แห่งการทดลองของอเมริกัน

“พวกเราสามารถใช้ชีวิตได้ แม้จะพ่ายเลือกตั้ง เพราะเราเชื่อในสัญญาของการเลือกตั้งครั้งต่อไป พวกเราสามารถแพ้การโต้เถียงได้ เพราะเราเชื่อว่ามันจะนำไปสู่การถกเถียงในครั้งอื่นต่อไป”

ความรุนแรงทางการเมืองจะทำลายสิ่งนี้

โศกนาฏกรรมครั้งนี้ อย่าทำให้พวกเราทุกคนหลงลืมความสำคัญของเสรีภาพที่จะคิด ที่จะพูด ที่จะแสดงออก โดยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกทำร้ายหรือถูกปิดปากโดยเด็ดขาด นี่คือหลักการสำคัญที่สหรัฐฯ ยึดถือมากว่า 250 ปีแล้ว เอซราสรุปทุกอย่างไว้อย่างน่าสนใจว่า

“ประชาธิปไตยคือการอดทนต่อความเห็นต่าง เรามีสิทธิที่จะไม่เห็นด้วยในสิ่งที่ใครพูด หรือไม่ชอบในการกระทำของเขา ทั้งหมดนี้ เป็นคุณค่าของระบอบประชาธิปไตย

“เพราะการโต้เถียงไม่ใช่สงคราม เราชนะใจกันด้วยคำพูด ไม่ใช่จบมัน ด้วยกระสุน”

ข้อมูลอ้างอิง

https://www.nytimes.com/2025/09/11/opinion/charlie-kirk-assassination-fear-politics.html?campaign_id=258&emc=edit_ntez_20250911&instance_id=162326&nl=ezra-klein&regi_id=133553334&segment_id=205696&user_id=9f4172e6f598f64f625d347bf52e765c

https://www.wsj.com/us-news/suspect-in-charlie-kirk-shooting-isnt-cooperating-utah-governor-says-3a0f3d9a?mod=hp_lead_pos2

https://www.wsj.com/us-news/how-a-family-intervention-led-to-the-arrest-of-charlie-kirks-suspected-killer-ea6ef11f?mod=saved_content

https://www.wsj.com/us-news/who-tyler-robinson-charlie-kirk-suspect-814fd21f?mod=saved_content

https://www.nytimes.com/2025/09/14/us/kirk-shooting-suspect-ideology-partner.html

https://www.nytimes.com/2025/09/13/us/kirk-killing-suspect-online-chat.html

https://www.nytimes.com/2025/09/12/us/charlie-kirk-law-enforcement-fbi-capture.html

https://www.nytimes.com/2025/09/12/us/politics/tyler-robinson-charlie-kirk.html

https://www.wsj.com/us-news/charlie-kirk-podcast-tour-tokyo-0c66827d?mod=saved_content

https://www.nytimes.com/2025/09/11/us/charlie-kirk-question-utah-kozak.html

https://edition.cnn.com/2025/09/12/us/charlie-kirk-shooting-death-final-hours

https://www.nytimes.com/2025/02/10/magazine/charlie-kirk-american-right.html

https://apnews.com/article/charlie-kirk-assassination-timeline-robinson-arrest-bab1ccce01dbacb449b79fd52c3de94f?utm_source=chatgpt.com

https://www.nytimes.com/2025/09/16/us/politics/kirk-shooting-suspect-motive-messages.html?campaign_id=9&emc=edit_nn_20250917&instance_id=162704&nl=the-morning&regi_id=133553334&segment_id=206064&user_id=9f4172e6f598f64f625d347bf52e765c

https://www.nytimes.com/live/2025/09/16/us/kirk-shooting-suspect-charges?campaign_id=9&emc=edit_nn_20250917&instance_id=162704&nl=the-morning&regi_id=133553334&segment_id=206064&user_id=9f4172e6f598f64f625d347bf52e765c#kirk-assailant-parents

Tags: , , , , ,