1

เควิน คูเปอร์ อายุ 25 ปี เป็นคนดำ ถูกรับมาเลี้ยงในครอบครัวซึ่งชอบทุบตีเขา ในวัยเพียงแค่ 7 ขวบ คูเปอร์ก็ถูกดำเนินคดีอาญาเป็นครั้งแรกเพียงเพื่อจะหนีออกจากครอบครัวนี้ ตลอดชีวิตเขามีประวัติลักขโมย ย่องเบา สูบกัญชา ในวันที่ 4 มิถุนายนของปี 1983 คูเปอร์แอบปีนกำแพงเรือนจำที่ไม่ได้มีมาตรการด้านความมั่นคงสูงนัก เดินเตร่แล้วงัดเข้าไปนอนในบ้านหลังหนึ่ง ที่ไม่มีคนอาศัยอยู่เพื่อเอาแรงเตรียมตัว ในเช้าวันที่ 5 มิถุนายนจะได้โบกรถหนีข้ามไปชายแดนเม็กซิโก

หลายปีผ่านไป คูเปอร์บอกว่า การที่เขาแหกคุกวันนั้นเป็นสิ่งที่ผิดพลาด และอยากกลับไปแก้ไขมากที่สุด หากเขายังอยู่ในคุกต่อ หรือหากเขาไม่ไปนอนที่บ้านหลังนี้ ชีวิตคงจะแตกต่างออกไป

เช้าวันที่ 5 มิถุนายน บิล ฮิวจ์ ชายผิวขาวเดินทางมาที่บ้านของตระกูลไรเอนซึ่งเป็นเพื่อนกัน โดยเขาฝาก คริส ฮิวจ์ ลูกชายอายุ 11 ปีไปนอนค้างกับครอบครัวนี้ ทางบ้านไรเอนนั้นดูอบอุ่นแบบครอบครัวคนผิวขาวฐานะดี ดักลาส ไรเอน อายุ 41 ปี เคยเป็นนาวิกโยธินและสารวัตรทหาร รูปร่างบึกบึน เพกกี ไรเอน อายุเท่ากับดักลาส เป็นนักกีฬา มีรูปร่างที่สง่างาม ลูกสาวคือ เจสสิกา ไรเอน อายุ 10 ขวบ และ จอช ไรเอน ลูกชายอายุ 8 ขวบ วัยกำลังน่ารัก ที่จริงบิลเริ่มสงสัยตั้งแต่โทรศัพท์ที่บ้านของครอบครัวไรเอนไม่ว่างตั้งแต่คืนวันที่ 4 แล้ว แต่เขายังไม่คิดอะไร

จนเมื่อไปที่บ้าน เขาเห็นรอยเลือดเกลื่อนเต็มพื้นบ้าน เห็นศพและร่องรอยรื้อค้นจึงพังประตูบ้าน ก่อนจะพบว่าลูกชายเขาถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมเช่นเดียวกับครอบครัวไรเอนทั้งหมด ทุกคนโดนกระหน่ำทั้งมีด ขวาน และที่เจาะน้ำแข็ง รวมกันเกือบ 150 แผล อย่างไรก็ดีเขาพบว่า จอช ลูกคนเล็กของครอบครัวไรเอน แม้จะถูกปาดฆ่าให้นอนรอความตาย แต่ยังมีชีวิตอยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้พาไปโรงพยาบาลทันที

ที่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์คนหนึ่งพยายามสอบถามรายละเอียดจอช แม้จะพูดไม่ได้เพราะมีแผลฉกรรจ์ที่ลำคอ แต่เจ้าหน้าที่ส่งสัญญาณให้จอชพยักหน้าหรือส่ายหน้าแทนคำว่า ใช่ หรือ ไม่ใช่เท่านั้น หลังจากสอบถามข้อมูลทั้งหมด พบว่าสติจอชยังดีเยี่ยมในตอนนั้น เขาบอกว่าคนร้ายไม่ใช่คนดำ แต่เป็นคนผิวขาวจำนวนหลายคนเข้ามาในบ้าน และก่อเหตุดังกล่าว

นับเป็นข้อมูลสุดล้ำค่า เพราะหลังจากนี้ผ่านไป ความทรงจำของจอชจะกดเหตุการณ์นี้ไว้ เขาไม่สามารถนึกอะไรในวันนั้นออกอีกเลย มันเป็นกลไกป้องกันตัวเองอย่างหนึ่งของร่างกายมนุษย์ แต่ข้อมูลที่โรงพยาบาลถือเป็นข้อมูลที่สามารถจับกุมคนร้ายได้อย่างแน่นอน สื่อมวลชนเรียกขานเหตุการณ์นี้ว่า การสังหารโหดที่เนินชิโน ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านหลังเกิดเหตุ

สุดท้าย 2 เดือนผ่านไปตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายได้ เป็นชายผิวดำร่างเล็กหัวฟูที่ชื่อว่า เควิน คูเปอร์ ขัดแย้งกับคำบอกเล่าจากผู้รอดชีวิตอย่างเหลือเชื่อ

2

การจับกุมนี้มาจากตำรวจเผยว่า มีพยานเห็นคูเปอร์วันที่แหกคุกเข้าไปนอนในบ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านเกิดเหตุเพียง 100 กว่าเมตรเท่านั้น นักโทษแหกคุกที่มีประวัติอาชญากรรมคนนี้ ได้ก่อเหตุฆ่ายกครัวและขโมยรถของคนตายไป ทุกอย่างดูน่าเชื่อถือ อัยการจึงออกหมายจับคูเปอร์ในทันที

สุดท้ายคูเปอร์กลับถูกตำรวจรัฐอื่นจับกุมในคดีข่มขืนหญิงสาว ขณะไปทำงานที่ท่าเรือแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของอเมริกา โดยผู้เสียหายจำได้ว่า เขาคือผู้ต้องสงสัยในคดีสังหารโหดที่เนินชิโน จึงถูกส่งตัวกลับไปให้เจ้าหน้าที่ในรัฐแคลิฟอร์เนียทันที

คูเปอร์ให้การในเวลาต่อมาว่า เขาไม่ได้ข่มขืนหญิงสาวคนนี้ แต่เหตุการณ์มันผ่านมากว่า 30 ปีแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าความจริงคืออะไร รู้แต่เพียงว่าคูเปอร์หนีไปเม็กซิโก ช่วงที่ตำรวจได้ข้อมูลว่าเขาอาจเป็นผู้ต้องสงสัยคดีสังหารโหดที่เนินชิโน มีการรวบรวมหลักฐานออกหมายจับในจังหวะที่เขากลับเข้าอเมริกาเพื่อหางานทำบนเรือ และใช้ชื่อปลอม จนกระทั่งโดนจับคดีข่มขืน ความจริงจึงปรากฏขึ้น 

แต่เมื่อพิจารณาหลักฐานหลายชิ้นในคดีนี้อย่างละเอียด ทุกอย่างกลับดูน่าสงสัยมากมาก ครอบครัวไรเอนถูกแทงกระหน่ำหลายสิบแผล คนพ่อรูปร่างใหญ่ คนแม่ก็แข็งแรง แถมยังมีเด็กอีก 3 คนในบ้าน ยากที่คนรูปร่างผอมติดกัญชาอย่างคูเปอร์จะจัดการคนพ่อได้แน่ แถมไม่มีหลักฐานชัดพอจะระบุว่าคูเปอร์ได้เข้าไปภายในบ้านที่เกิดเหตุด้วย

เรื่องแรงจูงใจของคูเปอร์ที่ตำรวจบอกคือเพื่อชิงทรัพย์ โดยบอกว่าคูเปอร์ขโมยรถของครอบครัวไรเอนไป แต่หากตั้งใจจะขโมยรถไปจริง ก็ไม่จำเป็นต้องบุกเข้าไปในบ้านเลย เพราะกุญแจก็เสียบคาในรถอยู่แล้ว แถมการที่ศพทั้ง 4 ถูกฆ่าด้วยอาวุธหลายชนิดและโดนกระหน่ำแทงเป็นจำนวนมาก ยิ่งน่าสงสัยว่าคูเปอร์จะทำแบบนั้นไปทำไม ถ้าต้องการเพียงชิงทรัพย์

เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบอาวุธที่เกิดเหตุมีการโยนทิ้ง เช่นเดียวกับเสื้อที่เปื้อนเลือดอยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ คาดว่าคนร้ายคงจะโยนมันออกระหว่างขับรถของครอบครัวไรเอนไป ซึ่งรถคันนี้ก็ไปจอดไว้ในจุดที่ห่างจากเมืองที่คูเปอร์อยู่ในวันที่ 5 มิถุนายนอย่างมาก แล้วทำไมคูเปอร์ไม่ขับรถไปใกล้พรมแดนเม็กซิโกมากกว่านี้เล่า จะจอดทิ้งไว้ที่รัฐแคลิฟอร์เนียแล้วโบกรถไปเม็กซิโกทำไม 

หญิงสาวคนหนึ่งแจ้งตำรวจว่าเธอสงสัยแฟนหนุ่มของตัวเอง ซึ่งสื่อตั้งชื่อให้ว่า ‘ลี’ ซึ่งได้กลับบ้านมาดึกในสภาพเสื้อเปื้อนเลือด สำหรับตัวลีนั้น มีความเกี่ยวพันกับคดีฆาตกรรมหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่ง ตามใบสั่งของหัวหน้ามาเฟียที่มีปัญหาความขัดแย้งเรื่องธุรกิจเลี้ยงม้าถึงขั้นเคยข่มขู่ใส่ เพกกี ไรเอน ผู้เสียชีวิตด้วย ทั้งนี้ ในที่เกิดเหตุมีการตรวจสอบพบว่า คนร้ายที่ก่อคดีสะเทือนขวัญนี้น่าจะมีไม่ต่ำกว่า 3 คนด้วยกัน ซึ่งดูจะมีน้ำหนักที่จะสามารถจัดการครอบครัวไรเอนได้

แต่พยานหลักฐานในส่วนนี้ถูกตำรวจตัดทิ้งออกไปหมด พวกเขาพุ่งเป้าไปที่คูเปอร์เพียงคนเดียวเท่านั้น

3

ตำรวจแจ้งว่า พบหลักฐานเป็นก้นบุหรี่ในรถของครอบครัวไรเอนที่ดีเอ็นเอตรงกับคูเปอร์ พบรอยหยดเลือดในบ้านซึ่งชายผิวดำงัดเข้าไปนอน การตรวจสอบดีเอ็นเอหลายอย่างพุ่งเป้าไปที่คูเปอร์ แม้กระทั่งรอยเท้าที่พบในจุดเกิดเหตุก็ตรงกับคูเปอร์ ดังนั้นไม่มีผลที่เจ้าหน้าที่จะต้องไปสืบหาคนอื่น ในเมื่อหลักฐานชัดขนาดนี้ กมลา แฮร์ริส อัยการหญิงดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งรัฐแคลิฟอร์เนียจึงเดินหน้าสั่งฟ้อง แม้คูเปอร์จะยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง บอกว่าตำรวจจัดฉากทำหลักฐานปลอมให้เขาเป็นแพะในคดีนี้ คำอ้อนวอนไม่ประสบความสำเร็จ ศาลได้ตัดสินโทษประหารชีวิตแก่ชายผิวดำคนนี้

เจ้าหน้าที่รัฐยืมมือสื่อมวลชน โดยการปล่อยข้อมูลหลักฐานจากคดีให้สื่อไปละเลงเขียนอย่างเมามัน เมื่อมีคำตัดสินประหาร คนจำนวนมากแห่ดีใจที่ฆาตกรคดีสะเทือนขวัญจะได้ตายสักที มีการตะโกนออกมานอกศาลว่า “แขวนคอไอ้นิโกรไปซะ” มีการทำรูปบ่วงรัดคอลิงกอริลล่า ซึ่งถือเป็นการเหยียดผิวอย่างมาก ไม่เพียงเท่านั้นสื่อมวลชนยังปล่อยเรื่องเท็จว่าคูเปอร์นั้นเป็นเกย์ ซึ่งในยุคนั้นเป็นที่น่ารังเกียจในสังคมอย่างมาก

ทุกอย่างถูกทำอย่างเป็นระบบเพื่อป้ายสีและทำให้คูเปอร์เลวที่สุดเพื่อจะได้ตายจากโลกนี้ไปเสียที

นักโทษคนดำเฝ้ารอวันที่เขาจะถูกประหารชีวิต ในช่วงเที่ยงของวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2004 ก็ถูกนำตัวสู่แดนประหาร คูเปอร์ไม่สั่งอาหารมื้อสุดท้ายมากิน เขาเปลี่ยนชุด รับฟังคำสวดของบาทหลวง เจ้าหน้าที่คลำหาเส้นเลือดเพื่อจะฉีดยาพิษประหารไว้แล้ว

แต่ในช่วงที่มีการไต่สวนคดีนี้ หลักฐานหลายอย่างดูน่าสงสัยอย่างมาก ลูกขุนบางคนยังไม่เชื่อว่าคูเปอร์คือฆาตกรในคดีนี้ได้ ยังไม่นับว่าเจ้าหน้าที่ไปพบชิ้นส่วนกระดุมนักโทษสีเขียวเปื้อนเลือดในบ้านที่คูเปอร์งัดไปนอน แต่ความจริงคือ วันนั้นคูเปอร์สวมชุดนักโทษสีน้ำตาลต่างหาก

นอกจากนี้ยังมีข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่ซึ่งเข้าไปตรวจสอบบ้านที่คูเปอร์งัดไปนอนวันแรกไม่พบหลักฐานอะไรเลย แต่อีกวันกลับเจอกระดุมเปื้อนเลือด ก้นบุหรี่ก็ไม่มีในรถของครอบครัวไรเอนที่ถูกขโมยมาในวันแรกที่พบรถ แต่มาเจอในวันหลัง ด้วยข้อสงสัยที่มากมายขนาดนี้ ทำให้มีการยื่นหลักฐานให้เว้นการประหารชีวิตคูเปอร์ไว้ก่อน ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาแล้วตัดสินใจเห็นด้วยก่อนจะถึงเส้นตายต้องประหารชีวิตคูเปอร์เพียง 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น 

ชีวิตเขาจึงรอดไปได้อีกวัน

ถึงจุดนี้ผู้พิพากษาในรัฐแคลิฟอร์เนีย 4 คนลงชื่อในจดหมายว่า คดีของคูเปอร์มีข้อสงสัยหลายอย่างว่าจะจับผิดคน คณบดีทางกฎหมายและนักวิชาการหลายคนลงนาม สมาคมคนดำและผู้ได้รับผลกระทบจากกระบวนการยุติธรรมล่ารายชื่อให้มีการสอบสวนในคดีนี้ใหม่ทั้งหมด

ด้าน กมลา แฮร์ริส อัยการในตอนนั้น ก่อนที่เธอจะเข้าไปเล่นการเมืองเป็นวุฒิสมาชิกได้ออกมายอมรับความผิดพลาดว่า เธอไม่ได้ตระหนักมากพอที่จะสั่งให้มีการตรวจดีเอ็นเออย่างละเอียด ทำให้คูเปอร์ต้องติดคุก นี่คือจุดด่างพร้อยในชีวิตของกมลา ซึ่งปัจจุบันเธอเป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยในช่วงที่เป็นอัยการ กมลาใช้กำปั้นเหล็กจัดการปัญหาอาชญากรรม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนผิวดำจนๆ จนโดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก

ถึงวันนี้กระบวนการตรวจสอบดีเอ็นเอที่ทันสมัย ชี้ชัดว่าโอกาสที่ฆาตกรจะเป็นคูเปอร์นั้นยากมาก สื่อมวลชนไปตรวจสอบว่าทำไมตำรวจถึงปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น สิ่งที่พวกเขาพบก็คือ หัวหน้าสถานีที่รับผิดชอบคดีนี้กำลังเผชิญกับแรงกดดัน เพราะจะต้องไปลงสมัครเลือกตั้งใหม่ เขาจึงก่อความผิดพลาดจับกุมคนร้ายโดยละเลยหลักฐานหลายอย่าง นอกจากนี้เขายังถูกตั้งข้อหาขโมยปืนของกลางจากห้องเก็บหลักฐานถึง 500 กระบอก และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานที่บอกว่าเจอรอยเท้าคูเปอร์ในจุดเกิดเหตุ ก็มีข้อหาขโมยเฮโรอีนของกลางอีกด้วย

กระนั้นก็ดี แม้จะมีข้อสงสัยขนาดนี้ แต่คูเปอร์ก็ยังไม่ได้รับการปล่อยตัว เพราะฝ่ายเจ้าหน้าที่เชื่ออย่างจริงจังว่าคูเปอร์ผิดจริง ครอบครัวฮิวจ์ที่สูญเสียลูกจากเหตุการณ์วันนั้น ก็ยังเชื่อว่าคูเปอร์ต้องรับผิดชอบในความตายของลูกชายด้วย

ด้านตัวคูเปอร์เองนั้น วันนี้ยังติดคุกในฐานะนักโทษประหาร โดยยังคงยืนยันว่าตัวเองบริสุทธิ์ แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะรอดจากคดีนี้หรือไม่ เพราะก็ยังรอคำสั่งการประหารชีวิตอยู่ จากการติดคุกมา 30 กว่าปี เขาลงเรียนหนังสือในเรือนจำจนสามารถอ่านออก และได้เขียนบันทึกชีวิตตัวเองไว้กว่า 300 หน้า เพื่อเล่าถึงสิ่งที่เขาพบเจอในระบบสุดเน่าเฟะนี้

คูเปอร์บอกว่ากระบวนการยุติธรรมไม่เคยเป็นมิตรกับคนจน มีแต่คนจนที่ติดคุก นักโทษประหารชีวิตหลายคนนอกจากคนดำแล้ว ยังมีพวกคนขาวจนๆ ด้วย คนรวยไม่ว่าผิวจะดำหรือขาว ไม่เคยติดคุกหรือกลายเป็นนักโทษประหารแต่อย่างใด

“บางครั้งมันเป็นเรื่องของสีผิว และบางครามันก็เป็นเรื่องของชนชั้น”

4

หากถามว่าคูเปอร์บริสุทธิ์ไหม ก็ไม่อาจมีใครจะยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นการรื้อคดีมาพิจารณาใหม่จึงยังไม่เกิดขึ้น แม้หลักฐานจะดูขัดกัน แต่ทางผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย รวมไปถึงเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายทุกระดับก็ยังนิ่งเฉยต่อกรณีนี้ แม้คูเปอร์อาจจะเป็นแพะ แต่ทุกฝ่ายก็กลัวว่าสุดท้ายบางทีคูเปอร์อาจเป็นฆาตกรจริงๆ ความบิดเบี้ยวในกระบวนการยุติธรรม เพราะเขาดำและจน มีคดีอาชญากรรมติดตัว ไม่ใช่คนดีเท่าไหร่ในสายตาเจ้าหน้าที่ จึงทำให้ไม่มีความคืบหน้าในการตรวจสอบข้อเท็จจริงในคดีนี้มากนัก

คูเปอร์จึงยังคงเฝ้ารออยู่ในเรือนจำอย่างไร้จุดหมาย

“ดูเส้นผมที่หงอกมากเรื่อยๆ สิ ตอนนี้ผมไม่มีเวลาเหลือมากแล้ว ทุกวันที่ผ่านไป คือวันที่ผมไม่อาจย้อนคืนกลับมาได้อีก”

ทุกวันนี้ชายที่ชื่อ ‘ลี’ ยืนยันว่าเขาไม่เกี่ยวข้องในคดีสังหารครอบครัวไรเอน ครอบครัวคนตายก็ไม่ขอคุยกับสื่อ จอช ไรเอน ผู้รอดชีวิตก็ไม่สามารถปะติดปะต่อความทรงจำในคืนอันโหดร้ายได้เลย

นี่จึงเป็นคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญที่มีหลักฐานหลายอย่างน่าสงสัย เกิดความอิหลักอิเหลื่อ ไม่มีใครมั่นใจว่าคูเปอร์เป็นผู้บริสุทธิ์ และไม่อาจบอกได้ว่าเขาคือผู้ต้องหาตัวจริง ทุกอย่างดูคาราคาซัง นี่จึงเป็นการรอคอยที่แสนทรมานของคูเปอร์ ที่ไม่รู้ว่าสุดท้าย เรื่องราวต่อจากนี้มันจะจบลงอย่างไรกันแน่

 

 

ข้อมูลอ้างอิง

https://www.latimes.com/opinion/story/2020-06-18/kevin-cooper-dna-test-murder-death-row

https://www.nytimes.com/1983/08/01/us/suspect-in-california-slayings-captured-after-rape-on-boat.html

https://www.nytimes.com/interactive/2018/05/17/opinion/sunday/kevin-cooper-california-death-row.html

https://www.nytimes.com/2021/01/23/opinion/sunday/kevin-cooper-dna.html

https://www.cbsnews.com/pictures/kevin-cooper-chino-hills-massacre-evidence-photos/29/ 

Tags: ,