“To go or not to go, that is the question.”

คำถามวัดใจเรื่องงานหนังสือที่วนกลับมาทุกครึ่งปี กับชานชาลา MRT แสนแออัดสถานีเดิมๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงโค้ง 3 วันสุดท้ายที่อาการ FOMO กำเริบกันทั้งเมืองกรุง

ไม่ว่าคุณตัดสินใจจะต่อต้านหรือเข้าร่วม คอลัมน์ Gender ประจำสัปดาห์นี้ขอเสนอรายชื่อหนังสือน่าสนใจจากปลายปากกานักเขียน LGBTQIA+ โดยเฉพาะ 

จะกดเซฟโพสต์แล้วตรงไปละลายทรัพย์ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ทันทีภายในวันที่ 19 ตุลาคมนี้ หรือจะรอให้อยากอ่านจนเก็บไปฝันก่อนก็ย่อมได้ เพราะเราคัดสรรมาครบรสทั้งไทยและต่างประเทศ ตั้งแต่วรรณกรรมเยาวชน นิยายรักเบาสมอง ดราม่าจิตวิทยาหนักหน่วง เซ็ตติงย้อนยุค บทกวีรวมเล่ม ไปจนถึงนอนฟิกชัน

คืนที่แผลส่องแสงเป็นประกาย (Night Sky With Exit Wounds)

ผู้เขียน: Ocean Vuong

ผู้แปล: ซูลิโกะ

หมวดหมู่: กวีนิพนธ์

สำนักพิมพ์: Salmon Books

ความยาว: 128 หน้า

ผลงานเล่มชิมลางของ โอเชียน วอง (Ocean Vuong) ลำดับก่อนหน้า On Earth We’re Briefly Gorgeous การันตีความยอดเยี่ยมด้วย T. S. Eliot Prize ซึ่งเป็นเวทีใหญ่สำหรับงานเขียนหมวดกวี ชวนผู้อ่านสำรวจประสบการณ์อันหลากหลายผ่านมุมมองของชาวเวียดนามพลัดถิ่น ทั้งความทรงจำเกี่ยวกับสงคราม ความรัก ความเป็นลูก และความเป็นเควียร์ ขึ้นชื่อเรื่องสำนวนภาษาอันละเมียดละไม ตลอดจนโวหารภาพพจน์ที่ฉายให้ผู้อ่านเห็นภาพชัดทั้งแง่งามและประสบการณ์ความเจ็บปวด

“ผมเชื่อนะว่าการเป็นเควียร์นี่แหละที่ช่วยชีวิตผมไว้ ทำให้ผมเป็นคนที่ดีขึ้น เพราะต้องคอยหาแง่มุมที่ต่างไปมาใช้มองโลกอยู่เสมอ ทำให้ผมไม่ยอมจำนนต่อสิ่งต่างๆ ตามแบบเดิมๆ ที่มันเป็น” วองกล่าว

ว่ายวนยามสนธยา (Swimming in the Dark)

ผู้เขียน: Tomasz Jedrowski

ผู้แปล: ซูลิโกะ

หมวดหมู่: นิยายรัก

สำนักพิมพ์: Salmon Books

ความยาว: 248 หน้า

เรื่องราวของความรักระหว่างชายหนุ่ม 2 คน ในประเทศโปแลนด์ยุคคอมมิวนิสต์ล่มสลาย แฝงบริบททางสังคมการเมืองด้วยวิธีการดำเนินเรื่องสไตล์เศร้าซึมลึก นี่คือผลงานเล่มเดบิวต์ของ โตมัช เยดรอฟสกี (Tomasz Jedrowski) แม้จะเขียนหนังสือเป็นภาษาอังกฤษและถือสัญชาติเยอรมนี แต่จริงๆ แล้วเขาเติบโตมาในชุมชนชาวโปแลนด์ที่อาศัยอยู่ที่นั่นมาตั้งแต่ยุคเยอรมนีตะวันออก

หนึ่งในแรงบันดาลใจหลักของเล่มนี้คือ บุคคลหนึ่งที่เขาได้พบระหว่างทริปเยี่ยมญาติที่โปแลนด์สมัยเด็กๆ นั่นคือเพื่อนของพ่อ 

“เขาเป็นชายคนแรกที่ผมรู้จักที่เผยตัวตนว่าเป็นเกย์ ผมรู้สึกได้ว่าเขาตกหลุมรักพ่อผม เลยติดใจว่าชีวิตของเขาในยุคคอมมิวนิสต์จะเป็นยังไงกันนะ ชีวิตในสังคมที่ไม่เหลือพื้นที่ไว้ให้ความรักประเภทนี้”

วิมานหนาม (THE PARADISE OF THORNS)

ผู้เขียน: ลาดิด

หมวดหมู่: นิยายดราม่า-ทริลเลอร์

สำนักพิมพ์: Biblio

ความยาว: 272 หน้า

ดัดแปลงจากบทภาพยนตร์เรื่อง วิมานหนาม ค่าย GDH ที่เพิ่งออกฉายไปเมื่อปี 2567 เท่านั้น นำมาถ่ายทอดใหม่ฉบับนิยาย โดย ลาดิด นักเขียนนอนไบนารีผู้มีรายชื่อหนังสือติดในลองลิสต์ของรางวัลซีไรต์ถึง 3 เล่มด้วยกัน ได้แก่ อันกามการุณย์ Non fa niente, คุณเคนต์และข้าพเจ้า Ms. KENT & ME และ พัทยาและมาหยา (DEAD DARLING AND BURIED BAE) แทบทุกผลงานที่ผ่านมาของลาดิดบอกเล่าเรื่องราวของแซฟฟิกและคนชายขอบเป็นหลัก วิมานหนาม จึงถือเป็นเล่มแรกที่มีศูนย์กลางเป็นความสัมพันธ์ชายชาย

เธอเคยให้สัมภาษณ์กับ The MATTER ว่า ตนเป็นแพนเซ็กชวล จึงไม่สามารถเขียนเรื่องราวให้เดินเรื่องด้วยตัวละครที่ขาดความไหลลื่นทางเพศได้ เหมือนที่เธอ “ไม่สามารถเขียนตัวละครที่รวยล้นฟ้าได้ เพราะเราไม่ได้รวยล้นฟ้า เราถ่ายทอดเรื่องราวผ่านความทรงจำและความรู้สึก ซึ่งข้อเสียของมันคือ ถ้าไม่รู้สึก เราจะเขียนไม่ได้”

เราไม่อาจกักเก็บใครไว้ได้ตลอดกาล ในจักรวาลสีแอเมทิสต์ (대도시의 사랑법/ Love in the Big City)

ผู้เขียน: Park Sang Young

ผู้แปล: พิชยาภา ดีทองหลาง

หมวดหมู่: นิยายรักแนว Coming of Age

สำนักพิมพ์: Page

ความยาว: 340 หน้า

เรื่องราวว่าด้วยความรัก ความปรารถนา สายสัมพันธ์ การเปลี่ยนผ่าน และความเจ็บปวดในโลกของตัวละครเกย์หลากเฉดสี ผู้อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ของประเทศที่อุดมด้วยค่านิยมไม่เป็นมิตรกับ LGBTQIA+ อย่างเกาหลีใต้ 

พัก ซังย็อง (Park Sang Young) เป็นหนึ่งในนักเขียนเกาหลีไม่กี่คนที่ใช้ชีวิตอย่างเปิดเผยว่าตนเป็นเกย์ เขาจากภูมิลำเนาในแทกู เมืองใหญ่ทางภาคตะวันออกที่ค่อนข้างอนุรักษ์นิยมสูงมายังอีกหนึ่งเมืองใหญ่นั่นคือกรุงโซล เพื่อเล่าเรียนในสาขาวารสารศาสตร์และภาษาฝรั่งเศส ชื่อภาษาเกาหลีของนิยายเล่มนี้ที่หมายความว่า ‘ความรักในเมืองใหญ่’ จึงเป็นภาพสะท้อนประสบการณ์ตรงของนักเขียน

ก่อนที่จะได้รับการตีพิมพ์ในฉบับภาษาไทย เมื่อปลายปี 2567 นิยายเล่มนี้เคยได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ในชื่อ Love in the Big City (2567) นำแสดงโดย โน ซังฮยอน (Noh Sang Hyun) และคิม โกอึน (Kim Go Eun)

พ่อแม่ในตัวเรา 

ผู้เขียน: โตมร ศุขปรีชา

หมวดหมู่: จิตวิทยาครอบครัว (นอนฟิกชัน)

สำนักพิมพ์: Brown Books

ความยาว: 242

ชื่อรองของเล่มนี้คือ ‘เรื่องราวของความโกรธ เกลียด และการคืนดี’ เป็นผลงานเล่มล่าสุดจาก ‘พี่หนุ่ม’ หรือ โตมร ศุขปรีชา บรรณาธิการ นักคิด นักเขียน นักแปล และคอลัมนิสต์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งในวงการ หลายคนรู้จักเขาในฐานะคอลัมนิสต์ชื่อดัง หรือไม่ก็รู้จักผ่านผลงานพ็อกเก็ตบุ๊กนับเล่มไม่ถ้วน

คนรุ่นใหม่ที่เพิ่งมาติดตามอาจรู้จักเขาจากผลงานแนวจิตวิทยา ปรัชญา วิทยาศาสตร์ หรือธุรกิจมากกว่า แต่แฟนหนังสือที่ติดตามมานานจะรู้ว่า โตมรเคยฝากผลงานชื่อ Genderism ความเรียงที่เปิดมิติมุมมองเรื่องเพศอย่างถึงแก่นเอาไว้ ในยุคที่แรงต้านของสังคมต่อความหลากหลายทางเพศยังเข้มแข็งกว่านี้มาก

Loveless

ผู้เขียน: Alice Oseman

หมวดหมู่: วรรณกรรมเยาวชน 

สำนักพิมพ์: HarperCollins Children’s Books

ความยาว: 432 หน้า (ภาษาอังกฤษ)

จากผู้เขียนเดียวกับคอมิกชุดดัง แม้จะเป็นที่รู้จักน้อยกว่า แต่ อลิซ โอสแมน (Alice Oseman) คลอดผลงานนิยายร่วมจักรวาลเดียวกันเล่มนี้ออกมาในเวลาไล่เลี่ยกับ Heartstopper คราวนี้เป็นนิยายรักที่แทบไม่มีความรักแบบโรแมนติกอยู่เลย

ตัวโอสแมนเองระบุอัตลักษณ์ของตัวเองว่าเป็น Aromantic Asexual หรือบุคคลที่ไม่รู้สึกดึงดูดทางใจแบบโรแมนติก และไม่รู้สึกดึงดูดทางเพศต่อผู้อื่น เธอจึงเขียน Loveless ขึ้นเพื่อถ่ายทอดประเด็นนี้ด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ตรงไปตรงมา และอ่อนโยนต่อวัยรุ่นที่ยังอยู่ระหว่างเดินทางออกตามหาคำตอบให้หัวใจของตัวเอง

แม้จะยังไม่มีฉบับแปลเป็นภาษาไทย แต่สำนวนภาษาที่ใช้นั้นสนุก เข้าใจง่ายตามสไตล์วรรณกรรมเยาวชน เหมาะอยางยิ่งสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มอ่านหนังสือภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง

The Safekeep

ผู้เขียน: Yael van der Wouden

หมวดหมู่: นิยายดราม่าจิตวิทยา

สำนักพิมพ์: Simon & Schuster

ความยาว: 272 หน้า  (ภาษาอังกฤษ)

นี่คือผลงานเล่มเดบิวต์ที่ชนะ Women’s Prize for Fiction แทบจะทันทีที่ปล่อยออกมา อีกทั้งยังติดชอร์ตลิสต์ Booker Prize ปีเดียวกันด้วย เล่าเรื่องราวของหญิงสาว 2 คนในประเทศเนเธอร์แลนด์ ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ต้องอาศัยอยู่ร่วมบ้านเดียวกันในฐานะพี่สะใภ้-น้องสาวของแฟนหนุ่ม ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัดในเมืองเล็ก 

ในฐานะผู้หญิงเควียร์ที่ตรวจร่างกายเจอตอนอายุ 13 ปีว่าตนเองเพศกำกวม (Intersex) ยาเอล แวน เดอ วูเดน (Yael van der Wouden) เขียนนิยายเล่มนี้ด้วยสำนวนที่ละเอียดอ่อนทว่าเยือกเย็น สำรวจทั้งธีมความรัก ความกลัว ความหวัง ตลอดจนการเป็นตัวเองในโลกที่ยังไม่เท่าเทียม 

เพราะเราอยู่กันบนโลกคนละใบ (裏ヴァージョン/Ura Version)

ผู้เขียน: Rieko Matsuura

ผู้แปล: มุทิตา พานิช

หมวดหมู่: นิยายรัก-ดราม่าสะท้อนสังคม

สำนักพิมพ์: เอิร์นเนส พับลิชชิ่ง

ความยาว: 228 หน้า

นวนิยายที่ประกอบร่างขึ้นจากเรื่องสั้นจำนวน 17 เรื่องที่ตัวเอก มาซาโกะ เขียนให้เพื่อนคนหนึ่งอ่าน แลกกับการอาศัยอยู่ในบ้านฟรีๆ ระหว่างตกงาน โดยฝ่ายเพื่อนสาวจะเขียนคอมเมนต์ทิ้งไว้ท้ายแต่ละเรื่อง กลายเป็นการโต้ตอบกันในความเงียบระหว่างผู้หญิง 2 คนที่อาศัยอยู่บ้านเดียวกัน

ริเอโกะ มัตซึอุระ (Rieko Matsuura) นับเป็นนักเขียนญี่ปุ่นเพียงไม่กี่คนที่ใช้ชีวิตหญิงเควียร์อย่างเปิดเผยและเขียนงานธีมแซฟฟิกเป็นหลักอย่างภาคภูมิมาตั้งแต่ยุค 90s นิยายอีกเล่มหนึ่งของเธอที่มีชื่อเสียงโด่งดังกว่า อีกทั้งยังชนะรางวัล Mishima Yukio Prize คือ ฉันถามหาหน้าตาของความรัก (The Apprenticeship of Big Toe P ฉบับแปลไทยจัดพิมพ์โดยเอิร์นเนส พับลิชชิ่ง เช่นกัน)

The Tradition

ผู้เขียน: Jericho Brown

หมวดหมู่: กวีนิพนธ์

สำนักพิมพ์: Copper Canyon Press

ความยาว: 110 หน้า (ภาษาอังกฤษ)

ผลงานบทกวีรวมเล่มที่คว้ารางวัล Pulitzer สาขากวีนิพนธ์ไป ทำให้ เจริโก บราวน์ (Jericho Brown) กลายเป็นกวีผิวดำคนสำคัญแห่งทศวรรษ 2020

The Tradition เต็มไปด้วยคำกลอนที่ทั้งงดงามและโหดร้ายในเวลาเดียวกัน บราวน์เขียนถึงร่างกายของชายผิวดำ ความรุนแรงของรัฐ การใช้ชีวิตเป็นเกย์ และความกล้าหาญที่จะรักในโลกที่พยายามบ่อนทำลายสายสัมพันธ์ระหว่างผู้มีความหลากหลายทางเพศ โดยชื่อของคอลเลกชันนี้มาจากวรรคทองจากกลอนบทหนึ่ง ที่ต้องการจะตั้งคำถามต่อความรุนแรงต่อคนดำที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ เป็นธรรมเนียมประเพณี (Tradition) ที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นจนกลายเป็นสิ่งปกติ

Tags: , , , , , ,