ลองเอ่ยถึงจุดชมวิวที่มีเอกลักษณ์และความสวยงามในประเทศไทย คงมีนานับเกินนิ้วมือนับไหว แต่ถ้าตีกรอบจำกัดจุดชมวิวใกล้เมืองหลวงที่สามารถมองทิวทัศน์ถนัด คงมีไม่มากนัก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ‘อุทยานการเรียนรู้และหอชมเมืองสมุทรปราการ’

แลนด์มาร์กดังกล่าวตั้งตระหง่านอยู่ ณ อำเภอเมือง ตำบลปากน้ำ จังหวัดสมุทรปราการ ลักษณะเป็น ‘หอคอยยักษ์ทรงกระบอก’ มีทั้งสิ้น 23 ชั้น โดยชั้นบนสุดเป็นห้องกระจกใส เมื่อมองออกไปเห็นทัศนียภาพรอบปากแม่น้ำเจ้าพระยา 360 องศา

น่าสนใจกว่านั้น คือสถานที่แห่งนี้ยังหลงเหลือร่องรอยประวัติศาสตร์และเค้าโครงเศษซากสถาปัตยกรรมเดิมของ ‘เรือนจำกลางสมุทรปราการ’ เมื่อ 87 ปีก่อน แม้บริเวณจะถูกเปลี่ยนแปลงเท่าทันสมัยก็ตาม

ทีมงาน The Momentum ยังปักหลักอยู่ในจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อสำรวจหอชมเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘แลนด์มาร์ก’ แห่งเมืองปากน้ำ ซึ่งด้านในมีดีกว่าแค่ความสวยงาม แต่เป็นแหล่งเรียนรู้และอีกหนึ่ง ‘จิ๊กซอว์’ ปะติดปะต่อประวัติศาสตร์ชาติไทย

อุทยานการเรียนรู้และหอชมเมืองสมุทรปราการมีขนาดความสูงเหนือจากพื้นดินราว 179 เมตร เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 2555 สร้างขึ้นบนพื้นที่ 13 ไร่ แต่เดิมเป็นพื้นที่ของเรือนจำกลางสมุทรปราการ

ก้าวเท้าไปในตัวอาคารได้ไม่นานจะพบกับเจ้าหน้าที่ตรงจุดลงทะเบียน ก่อนไม่กี่อึดใจเจ้าหน้าที่จะพาเราเดินตรงสู่ภายในนิทรรศการ ‘ร้อยเป็นเรื่องเมืองปากน้ำ’ บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของจังหวัดสมุทรปราการ ตั้งแต่ครั้งเป็นเมืองท่าค้าขายในสมัยกรุงศรีอยุธยา กระทั่งแปรสภาพเป็นด่านหน้าปกป้องชาติ ในสมัยรัตนโกสินทร์

“หลังประตูบานนี้ ทุกท่านจะได้รู้เกี่ยวกับเรื่องราวของเมืองปากน้ำ”

สิ้นเสียงจากเจ้าหน้าที่ประจำจุด ไม่ช้า ที่นั่งรูปทรงเรือข้ามฟากขนาดยักษ์พลันสั่นโคลงเคลง ราวกับเรือลำนี้กำลังแล่นบนผืนน้ำเจ้าพระยา เพื่อพาสำรวจสถานที่สำคัญรอบเมืองปากน้ำ ว่าแล้วก็คับคล้ายกับเครื่องเล่น ‘4DX’ ตามสวนสนุกชื่อดัง หากใครเมาเรือคงต้องระวังกันหน่อย เพราะความสมจริงของเรือลำนี้ทำให้ผู้โดยสารบางคนถึงกับต้องดมยาดม 

ขณะที่ภาพบนจอโปรเจกเตอร์ตรงหน้าตัดสลับภาพไปมา พร้อมฉายวิดีทัศน์ชื่อ ‘ปากน้ำ เมื่อนานมา’ เล่าเรื่องราวของเมืองปากน้ำในอดีตที่มีบทบาทสำคัญ ทั้งในฐานะหน้าด่านการค้าและหน้าด่านป้องกันประเทศ โดยแต่ละบทบาทเปลี่ยนไปตามบริบทของยุคสมัยนั้นๆ 

ต่อมา คือโซนจัดแสดงที่ 2 ‘เข้าท่าเมืองหน้าด่าน’ ภายจำลองบรรยากาศ ‘นิวส์อัมสเตอร์ดัม’ สถานีการค้าที่ชาวฮอลันดา (เนเธอร์แลนด์) ในสมัยพระเอกาทศรถ ปัจจุบัน สถานที่นี้ตั้งอยู่บริเวณหมู่ 1 ซอยสุขสวัสดิ์ 55 ถนนสุขสวัสดิ์ ตำบลปากคลองบางปลากด อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ 

นิวส์อัมสเตอร์ดัมอยู่ในความดูแลของ ‘บริษัทอินเดียตะวันออกของฮอลันดา’ (VOC) มีบทบาทเป็นพ่อค้าคนกลางคอยแลกเปลี่ยนสินค้ากับอาณาจักรต่างๆ ทั่วทุกมุมโลก เช่น หนังสัตว์ นอแรด งาช้าง ดีบุก ไม้จันทน์ ไม้หอม และข้าว ทั้งนี้ ชาวตะวันตกในยุคสมัยนั้นนิยมข้ามน้ำข้ามทะเล เพื่อซื้อขายสินค้าประเภทข้าว สุรา หนังกวาง ช้าง สมุนไพร เครื่องเทศ ไม้หอมต่างๆ จนถึงอาวุธปืนคาบศิลา สินค้าที่กล่าวมาทั้งหมดจัดแสดงแบบจำลองอยู่ในนิทรรศการ

เขยิบมาส่วนจัดแสดงที่ 3 นั่นคือ ‘ปรากฏเป็นปราการ’ โซนนี้จะพาลัดเลาะขอบกำแพงป้อมปราการ ร่วมสำรวจเมืองปราการปากน้ำอย่าง ‘นครเขื่อนขันธ์’ ในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ผ่านวีดิทัศน์ที่ฉายบนผืนผ้าสีขาว แสดงการเกิดขึ้นของแต่ละป้อมและความสำคัญในฐานะเป็นเมืองหน้าด่านเพื่อป้องกันศัตรู

ที่น่าสนใจคือโมเดลจำลอง ‘องค์พระสมุทรเจดีย์’ ที่ผ่าให้เห็นองค์เจดีย์เดิมซ่อนอยู่ตั้งแต่แรกสร้างจนถึงปัจจุบัน ถือเป็นปูชนียสถาน คู่บ้าน คู่เมือง และเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดสมุทรปราการ โดยมีป้ายนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับการบูรณะและประเพณีเก่าแก่อย่างประเพณี ‘ห่มผ้าแดง’

พร้อมกันนั้น ผู้เข้าชมสามารถสัมผัสวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวมอญ จีน และมุสลิม ที่เป็นกำลังสำคัญและมีส่วนพัฒนาเมืองปากน้ำ ผ่านการจัดแสดงหุ่นคนจำลอง บ้านเรือน และสถาปัตยกรรมในแง่มุมศาสนา เช่นรูปหล่อพระพิฆเนศที่เชิญมาประดิษฐาน ณ นครเขื่อนขันธ์ หรืออำเภอพระประแดงในปัจจุบัน

รวมถึงแบบจำลอง ‘เสาหลักเมือง’ ที่สร้างจากไม้ชัยพฤกษ์ บริเวณยอดเสาแกะสลักเป็นรูปดอกบัวตูมที่เพิ่งบูรณะเมื่อปี 2529 สถานที่ทั้ง 2 แห่งนี้นับเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวสมุทรปราการมานานกว่า 200 ปี

เดินลัดเลาะป้อมกำแพงและแบบจำลองพระสมุทรเจดีย์ก็จะพบกับโซนจัดแสดงที่ 4 ‘ปราการ ป้องแผ่นดิน’ ที่ฉายวิดีทัศน์จำลองเหตุการณ์ ‘วิกฤตการณ์ ร.ศ. 112’ ด้านหน้าจอติดตั้งแบบจำลอง ‘ป้อมปืนเสือหมอบ’ อีกหนึ่งยุทโธปกรณ์สำคัญของกองทัพสยาม ที่มีบทบาทสำคัญในการต่อต้านกองทัพเรือฝรั่งเศส

ความพิเศษของวิดีทัศน์ข้างต้นไม่ใช่แค่เล่าเหตุการณ์วิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 เป็นเส้นตรง แต่ยังจำลองบรรยากาศการรบเสมือนจริง หลายครั้งต้องเผลอเอี้ยวตัวหลบลูกกระสุนปืนใหญ่ จนเผลอนึกว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของการรบครั้งนั้น

ผ่านพ้นความระทึกจากยุทธนาวี โซนต่อมาพาเราพบกับอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนของสยาม ไปสู่การพัฒนาระบบคมนาคมตามชาติอารยะ กับเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อระหว่างกรุงเทพฯ กับสมุทรปราการ ระหว่างทางเจ้าหน้าที่จะคอยเล่าประวัติเส้นทางรถไฟสายนี้ให้ฟัง เคล้าเสียงขบวนล้อเหล็กบดกระทบรางรถไฟเป็นระยะ

จุดนี้มีกิมมิกน่ารักให้เราแวะถ่ายรูปกับเครื่องใช้ของคนเดินทางด้วยรถไฟในสมัยนั้น ไม่ว่าจะกระเป๋าสาน หมวกปีกกว้าง ชะลอม จนถึงแบบจำลองร้านขาย ‘ขนมจาก’ ของฝากยอดนิยมที่สถานีสมุทรปราการ

ลงจากรถไฟแล้วเดินต่อมาถึงโซนจัดแสดงที่ 5 ‘หน้าด่านสานเศรษฐกิจ’ เรียนรู้ก้าวสำคัญของสมุทรปราการสู่การเป็นเมืองหน้าด่านทางเศรษฐกิจ ที่มีศักยภาพรอบด้าน ทั้งเกษตรกรรม ภาคการท่องเที่ยวที่มีอัตลักษณ์ และการจัดการพื้นที่สีเขียวควบคู่ไปกับอุตสาหกรรมที่เข้มแข็ง ภายใต้บทบาทการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ที่สำคัญในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

โดยการเล่าเรื่องเมืองสมุทรปราการผ่านจอภาพภายในต้นโพทะเล ไม้มงคลพระราชทานประจำจังหวัดสมุทรปราการ รวมทั้งมีเกมให้เราสวมบทพนักงานโลจิสติกส์

เรื่อยมาถึงโซนสุดท้าย ‘มอง (กาล) ไกลไปหน้าด่าน’ เล่าถึงการก้าวสู่อนาคตที่มั่นคงด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดสมุทรปราการ แผ่นหมุดหมายแห่งอนาคตที่มุ่งส่งเสริมระบบโลจิสติกส์ เพื่อเป็นประตูด่านแรกของประเทศไทยที่พร้อมเชื่อมต่อทุกพื้นที่บนโลก 

ความน่าสนใจของโซนนี้ คือการเดินบนกระจก Sky Walk ก้มมองผังเมืองจังหวัดสมุทรปราการที่เก็บรายละเอียดได้อย่างดีเยี่ยม ไปจนถึงสัมผัสประสบการณ์การนั่งกระเช้าลอยฟ้าที่น่าตื่นเต้นไม่แพ้กัน

หลังเดินดูนิทรรศการจบทั้ง 6 โซน ก็ขึ้นลิฟต์ต่อไปชั้นที่ 23 จะเจอกับพื้นที่ชมวิวแบบ 360 องศา มองเห็นวิวเมืองสมุทรปราการและวิวแม่น้ำเจ้าพระยาโดยรอบ มีกล้องส่องทางไกลหยอดเหรียญ 10 บาท เพื่อส่องวิวจุดสำคัญๆ เช่น สถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีปากน้ำ ป้อมพระจุลจอมเกล้า วัดพิชัยสงคราม ปากอ่าว ป้อมผีเสื้อสมุทร พระสมุทรเจดีย์ เกาะสีชัง ฯลฯ

นิทรรศการร้อยเป็นเรื่อง เมืองปากน้ำ จัดแสดงขึ้นอย่างสวยงามและสร้างสรรค์ ร้อยเรียงเรื่องราวของเมืองปากน้ำ และส่งต่อผู้คนได้อย่างครบครัน พร้อมกันนั้นยังมีกิจกรรมมากมายให้ผู้เข้าชมทำ ถูกใจนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ หรือแม้กระทั่งคนในพื้นที่ ที่พากันแวะเวียนเข้ามาชมนิทรรศการไม่ขาดสาย จนเจ้าหน้ากล่าวติดตลกกับเราว่า บางคนมาบ่อยจนแทบจำหน้าได้

หอชมเมืองสมุทรปราการไม่เพียงแต่เป็นแลนด์มาร์ก และแหล่งท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจสำคัญ แต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชน ที่ทำให้ผู้คนตระหนักและหวงแหนอนุรักษ์ถิ่นเกิดแท้จริง

ใครที่สนใจแวะชมอุทยานหอชมเมืองสมุทรปราการ สามารถเดินทางด้วยช่องทางขนส่งสาธารณะ เช่น รถบัสประจำทางสาย 25, 536, 511, 142, 102 และ 145 รวมถึงรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีปากน้ำ









Fact Box

  • อุทยานหอชมเมืองสมุทรปราการ เปิดทุกวันอังคาร-อาทิตย์ หยุดวันนักขัตฤกษ์และปิดบริการวันจันทร์ เวลา 10.00-17.00 น. รับผู้ชมรอบสุดท้ายเวลา 15.00 น.
  • นิทรรศการใช้ระยะเวลาในการเข้าชม 2 ชั่วโมงต่อรอบ โดยจุดชมวิวที่บริเวณชั้น 23 และนิทรรศการ ‘เรื่องเที่ยว เรื่องใหญ่’ ชั้น 25 สามารถเดินดูได้อิสระ
Tags: , ,