ยังคงอึมครึมต่อไปสำหรับโครงการจัดหาเรือดำน้ำของกองทัพเรือไทย ที่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีจุดจบ เรื่องของเรื่องคือ รัฐบาลจีนไม่สามารถส่งมอบเรือดำน้ำชนิด Yuan Class S รุ่น 26T ได้ ทั้งที่จ่ายเงินไปแล้ว เนื่องจากไม่สามารถติดตั้งเครื่องยนต์จากเยอรมนีได้ เพราะเยอรมนีไม่สามารถส่งเครื่องเพื่อติดตั้งในเรือดำน้ำจีน ทำให้เรื่องดังกล่าวยังคาราคาซังต่อไป
เรื่องของ ‘เรือดำน้ำ’ เขี้ยวเล็บสำคัญของกองทัพเรือ ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวอันด่างพร้อยที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย และสะท้อน ‘ความล้มเหลว’ ตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่โครงการนี้เริ่มต้น เพราะเหตุใดประเทศไทยถึงมีเรือดำน้ำสักลำได้ยากนัก เพราะเหตุใดโครงการจัดซื้อนี้จึงผิดปกติตั้งแต่ต้น และจนถึงวันนี้ก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ The Momentum ชวนย้อนกลับไปอ่านเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นทาง
-
กองทัพเรือกับความฝันมี ‘เรือดำน้ำ’ เยอรมัน
อันที่จริงกองทัพเรือไทยวาดหวังจะมีเรือดำน้ำเป็นของตัวเองมาโดยตลอด ในรอบ 50 ปีที่ผ่านมา นายทหารเรือจำนวนไม่น้อยถูกส่งไปเรียนต่อยังต่างประเทศ ไปศึกษาดูงาน เพื่อจะจัดกองเรือดำน้ำเป็นของตัวเอง เพื่อป้องกันผลประโยชน์ทางทะเลที่กินพื้นที่กว่า 3.2 แสนตารางกิโลเมตร ขณะเดียวกันเพื่อนบ้านแถบนี้ไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ต่างก็มีเรือดำน้ำประจำการทั้งหมดแล้ว
เสียแต่ว่า ในห้วงเวลา 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมา ยังไม่มีช่วงเวลาที่ ‘เศรษฐกิจดี’ มากพอ ที่จะใช้เงินเพื่อจัดซื้อเรือลำละกว่าหมื่นล้านบาทมาใช้ กระทั่งมาสบโอกาสช่วงรัฐบาลทหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ซึ่งการจัดซื้ออาวุธเป็นไปได้ง่ายกว่ารัฐบาลพลเรือน
แน่นอนว่า กองทัพเรือเสนอซื้อเรือดำน้ำจากเยอรมนี ชาติแรกๆ ที่มีเรือดำน้ำเป็นอาวุธเชิงยุทธศาสตร์ อีกทั้งยังมีบริษัทต่อเรือชั้นนำ มีเทคโนโลยีเรือดำน้ำใหม่ๆ เป็นจุดหมายแรก ที่ทหารเรือไทยถูกส่งไปศึกษา และแน่นอนว่าเมื่องบประมาณจัดซื้อเรือดำน้ำผ่าน ชาติแรกๆ ที่ควรจะติดโผก็คือเยอรมนี
-
แต่เรื่องไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ไทยตัดสินใจซื้อเรือดำน้ำจีนแทน
แม้จะมีเสียงคัดค้านจำนวนมาก แต่รัฐบาล คสช.ที่มี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตัดสินใจเลือกของจีน โดยให้เหตุผลขณะนั้นว่า เป็นเรื่องของ ‘ราคา’ โดยจีนเสนอราคาอยู่เพียง 1.35 หมื่นล้านบาท ถูกกว่าชาติยุโรปและเกาหลีใต้ที่ให้ราคาสูง อีกทั้งยังมี ‘โปร’ ตั้งแต่การผ่อนยาวๆ การถ่ายทอดเทคโนโลยี รับบุคลากรไปฝึก สร้างศูนย์ซ่อมบำรุงเรือดำน้ำให้ พร้อมทั้งยืนยันว่า เรือดำน้ำ S26T เป็นเทคโนโลยีชั้นสูง สามารถใช้งานกับระบบเยอรมันได้ ใช้กับเครื่องยนต์เยอรมันได้
อย่างไรก็ตามยังมีเรื่องที่มองไม่เห็นอีกคือ จีนทำราคาได้ดีกว่า พร้อมของแถมมากมาย เนื่องจากในห้วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงรัฐบาลทหารที่ไม่ว่าจะเยอรมนีหรือฝรั่งเศสไม่ได้เสนอราคา ไม่ได้ตั้งใจขายจริงจังหรือทำโปรโมชันที่แข่งขันได้มากนัก เนื่องจากเห็นว่า เป็นช่วงเวลารัฐบาลจากการรัฐประหาร และหากนับจุดเริ่มต้นจากการรัฐประหาร ช่วงนั้นกองทัพสนใจอาวุธจากจีนเป็นพิเศษ เพราะอยากผูกสัมพันธ์กับ ‘พี่ใหญ่’ ที่ไม่สนเรื่อง ‘เผด็จการ’ ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
แต่ที่ยังมองไม่เห็นก็คือ ไม่มีใครรู้ว่ามีนักธุรกิจคนใด หรือบรรดา ‘บิ๊กทหาร’ คนไหน ได้ผลประโยชน์จากการซื้อเรือดำน้ำจีนหรือไม่ ‘เงินทอน’ จากโครงการมูลค่าหลายหมื่นล้านนี้มีจริงไหม
แน่นอนว่าเรื่องดังกล่าวสร้างปัญหาตามมาอีกยืดยาว
-
เมื่อจีนไม่สามารถส่งมอบเครื่องเยอรมันได้
ปี 2565 เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น เมื่อเยอรมนี ประเทศต้นทาง ผู้ผลิตเครื่องยนต์ MTU ในเรือดำน้ำ ซึ่งมีชื่อเสียงระดับโลก ทั้งในแง่ความเงียบ ความทนทาน ประหยัดพลังงาน และใช้ในเรือดำน้ำจากหลากหลายชาติ เกิดไม่สามารถส่งมอบให้จีนนำไปติดตั้งในเรือดำน้ำที่ไทยสั่งต่อไว้ได้
เพราะในห้วงเวลาดังกล่าว ความสัมพันธ์ระหว่างจีน สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป เริ่มไม่สู้ดีนัก ท่าทีจีนเริ่มแข็งกร้าวมากขึ้นทั้งในกรณีทะเลจีนใต้ ฮ่องกง และไต้หวัน ทำให้จากเดิมที่จีนเคยสามารถสั่งซื้อเครื่อง MTU ผ่าน ‘ตัวกลาง’ แล้วนำมาติดตั้งในเรือดำน้ำจีนได้ ก็กลายเป็นไม่ได้อีกต่อไป เมื่อเยอรมนีตีความว่า เครื่องเรือดำน้ำถือเป็น ‘อาวุธ’ อย่างหนึ่ง กลายเป็นสินค้าควบคุมการส่องออกทางการทหาร
เมื่อเป็นดังนั้นรัฐบาลไทยระบุว่า เป็นเหตุ ‘สุดวิสัย’ จริงๆ แต่คำถามที่ตามมาคือ จีนได้บอก ‘ความเสี่ยง’ ข้อนี้ให้กับไทยตั้งแต่แรกหรือไม่ หรือสักแต่จะขายอาวุธเพียงอย่างเดียว
ถึงตรงนี้คำว่า ‘เรือดำน้ำไม่มีเครื่อง’ จึงเป็นคำติดปากของคนไทย เมื่อ สส.ฝ่ายค้าน ซึ่งในเวลานั้นคือพรรคเพื่อไทย เคลื่อนไหวเรื่องนี้อย่างหนัก พร้อมกับให้หาคนรับผิดชอบดีล ‘เรือดำน้ำไม่มีเครื่อง’ อาจเป็นเรื่องตลกของคนไทย แต่เป็นเรื่องขมขื่นของกองทัพเรือ ที่รอโอกาสจะกลับมามีเรือดำน้ำ (อีกครั้ง) นานหลายทศวรรษ
เรื่องดังกล่าวควรจบลงด้วยการ ‘ยกเลิกสัญญา’ เพราะเท่ากับ ‘ผู้ขาย’ ไม่สามารถส่งมอบของที่ตรงสเป็กให้กับผู้ซื้อได้ แต่พ่อค้าอย่างจีนกลับไม่คิดเช่นนั้น จีนพยายามขายเรือดำน้ำแบบเดิม แต่โน้มน้าวให้ใช้เครื่องจีนรุ่น CHD620 ทดแทนเครื่องเยอรมัน โดยจีนระบุว่า มีประสิทธิภาพไม่ย่อหย่อนไปกว่ากัน ผ่านการทดสอบในประเทศแล้ว ใช้งานได้ดี
แต่กองทัพเรือไทยก็มีประเด็นเช่นกัน เครื่องจีนรุ่น CHD620 ยังไม่เคยใช้งานในสเกลส่งออกนอกประเทศเลยแม้แต่ครั้งเดียว เท่ากับทหารเรือไทยจะเป็น ‘หนูทดลอง’ นอกน่านน้ำจีนเป็นครั้งแรก แน่นอนว่า นายดีๆ คงไม่อยากให้ลูกน้องไปเสี่ยง
เรื่องกินเวลานานหลายปี มีผู้บัญชาการทหารเรือบางคนที่บอกว่าให้ ‘รับไปก่อน’ แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่เห็นว่า ไม่ควรเอาชีวิตทหารเรือไทยไปเสี่ยงกับเครื่องยนต์ที่ไม่เคยใช้งานจริง
ในเวลานั้น ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร สส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายเรื่องนี้อย่างดุเดือด เตรียมเอาผิดทุกคนที่เกี่ยวข้อง กระทั่งกองทัพเรือแจ้งความ ‘หมิ่นประมาท’ พร้อมกับระบุว่า ยุทธพงศ์บิดเบือนข้อมูล
-
ทางไปต่อของ ‘เรือดำน้ำ’ ไม่มีเครื่อง
จนถึงวันนี้ผ่านเวลามา 3 ปี เรื่องของเรือดำน้ำไม่มีเครื่องยังไปไม่ถึงไหน รัฐบาลพรรคเพื่อไทยซึ่งคุมกระทรวงกลาโหมไม่กล้าทั้งยกเลิกสัญญาเรือดำน้ำจีน และไม่กล้าไปต่อกับเรือดำน้ำเครื่องจีนเช่นกัน
ยุค สุทิน คลังแสง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความพยายามยกเลิกดีลเรือดำน้ำ ไปเป็นการต่อเรือฟริเกตแทน ทว่าดีลดังกล่าวจำเป็นต้องจัดหางบประมาณเพิ่มเติม และกองทัพเรือก็ไม่ได้เห็นดีด้วยเท่าไร
ยุค ภูมิธรรม เวชยชัย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เปิดดีลใหม่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ขอซื้อเครื่องยนต์จากเยอรมนีแยกมา แล้วมาบรรจุใส่เรือดำน้ำเอง ซึ่งสุดท้ายเยอรมนีก็ไม่อนุมัติดีลนี้
เพราะฉะนั้นทางไปต่อจึงเหลือไม่มากนัก เหลือเพียงยกเลิกสัญญา ไม่ไปต่อกับจีน แล้วเริ่มขั้นตอนจัดหาเรือดำน้ำรอบใหม่ ซึ่งแน่นอนว่า ด้วยการจัดซื้อแบบเดิมที่เป็นแบบ ‘รัฐต่อรัฐ’ จะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีนไม่น้อย และอาจเกิดแรงกระเพื่อมจากบรรดานายทหารพาณิชย์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับดีลนี้ตั้งแต่ต้น
หรืออีกโจทย์คือยอมใช้เรือดำน้ำจีน เครื่องจีน เพื่อรักษาสัมพันธ์กับแดนมังกรที่มีมาช้านาน ด้วยวิธีนี้ทำให้กระบวนการจัดหาที่ผ่านมาไม่เสียเปล่า แต่แน่นอนว่า ทหารเรือย่อมไม่พอใจกับการเอากำลังพลไปเสี่ยงกับเครื่องยนต์เรือดำน้ำที่ทั่วโลกไม่มีใครใช้นอกจากในจีน
ไม่ว่าอย่างไรเรื่องนี้ความเสียหายได้เกิดขึ้นแล้ว และหากสาวกันให้ลึกก็อาจชัดขึ้นว่า มีผู้ได้ประโยชน์จากดีลนี้มีใครบ้าง จนส่งผลให้สูญงบประมาณสูญไปฟรีๆ เสียเวลาไปนานนับสิบปี โดยที่ไม่ได้อะไรกลับมาแม้แต่น้อย
แต่สุดท้ายเรื่องนี้จะจบแบบไทยๆ ไม่มีใครต้องรับผิด ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจ พลเรือน นักการเมือง หรือทหาร เพราะเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นในยุค ‘คนดี’ ที่ตรวจสอบไม่ได้
และ ‘คนดี’ ไม่มีทางผิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม
อ้างอิง:
– https://themomentum.co/internalaffairs-submarine-thaigovernment/
– https://themomentum.co/report-submarine-chd620/
Tags: กระทรวงกลาโหม, เรือดำน้ำจีน, เรือดำน้ำ, กองทัพเรือ