ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเมืองไทยแบ่งเป็น 3 ขั้วหลักที่ชัดเจน นับจากนี้จะมี 3 พรรคใหญ่ที่คาดหมายว่าจะมีเสียง สส.เกิน 100 เสียง คือพรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย
ถึงวันนี้ทั้ง 3 พรรคต่างก็เปิดแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีครบถ้วน พร้อมสำหรับการเลือกตั้ง พร้อมสำหรับป้ายหาเสียง และพร้อมสำหรับเวทีดีเบต ซึ่งจะเริ่มคึกคักขึ้นนับตั้งแต่ช่วงหลังเทศกาลปีใหม่ 2569 ผ่านพ้นไป
แล้วแคนดิเดตนายกฯ ของทั้ง 3 พรรค มี ‘ไพ่’ ใบไหนให้เลือกบ้าง The Momentum จะมาเปิดไพ่ให้เห็น
1.ณัฐพงษ์/ ศิริกัญญา/ วีระยุทธ
ไพ่พรรคประชาชน – ไพ่บนความเสี่ยง

ในบรรดาพรรคการเมือง 3 พรรค พรรคประชาชนเริ่มเปิดรายชื่อแคนดิเดตตั้งแต่ไก่โห่ คนแรกคือ เท้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ที่เป็นหัวหน้าพรรคประชาชน นับตั้งแต่ยุบพรรคก้าวไกลเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2567 หลายคนวิจารณ์ว่า เขา ‘นิ่ง’ เกินไป ‘เนือย’ เกินไป แต่ในระยะหลัง หัวหน้าเท้งก็เล่นบทโหดมากขึ้น ท่ามกลางกระแสลุ้นของแฟนคลับว่าจะปั้นเท้งขึ้นหรือไม่
แคนดิเดตนายกฯ อีก 2 คนของพรรคมาเป็นแพ็กคู่ ได้แก่ ไหม-ศิริกัญญา ตันสกุล และต้น-วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร ไหมเป็น สส. 2 สมัย ดูแลฝ่ายนโยบาย และถูกวางตัวเป็นแคนดิเดตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมาตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่ ขณะที่ต้น นักวิจัย-อาจารย์ ดีกรีปริญญาเอกจาก University of Cambridge เป็นหนึ่งในทีม ‘คลังสมอง’ ของพรรคส้มมาตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่
ต้นสนใจเรื่องการ ‘ไล่กวด’ การปฏิรูปเรื่องอุตสาหกรรม-การสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่ ให้ตอบโจทย์อนาคตประเทศและ ‘เท่าทันโลก’
อุปสรรคของเท้ง ไหม และต้น แน่นอนว่าคือความเป็น ‘ตัวประหลาด’ ของระบบการเมืองไทย จับมือใครก็ยากลำบาก และครั้นจะมีใครมาจับมือด้วยก็ยากเช่นกัน
ขณะเดียวกันทั้งเท้งและไหมยังมีขวากหนามอยู่ เมื่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กำลังพิจารณาจริยธรรมร้ายแรงของพวกเขา กรณียื่นแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เมื่อหลายปีก่อน ซึ่งหาก ป.ป.ช.ชี้มูลส่งศาลฎีกา และศาลฎีกาเห็นว่าผิดจริยธรรมร้ายแรง เท้งและไหมก็อาจสิ้นสภาพการดำรงตำแหน่งทางการเมือง เหลือต้นเป็นแคนดิเดตเพียงคนเดียว
แต่หากยึดหลักให้แน่นๆ ก็ไม่มีใครควรผิดจริยธรรมร้ายแรงเพราะเข้าชื่อเสนอกฎหมาย ถูกไหม
2.อนุทิน/ สีหศักดิ์
ไพ่พรรคภูมิใจไทย – ไพ่ที่มีแต้มต่อ

ถึงวันนี้ภูมิใจไทยกลายเป็นพรรคที่ใหญ่ที่สุด เพราะสามารถ ‘ดูด’ สส.จากทั่วสารทิศมารวมกันได้ ทั้ง สส.เก่า บ้านเล็ก บ้านใหญ่ ต่างเลือกมารวมตัวกันที่บ้านนี้ทั้งหมด ด้วยพลังอำนาจพิเศษที่อยู่เบื้องหลังคอยสนับสนุนทั้งแบบลับๆ และแบบโจ่งแจ้ง
แต่ด้วยคณิตศาสตร์การเมืองก็ยังคงเป็นเรื่องยาก ที่พรรคภูมิใจไทยจะเป็นพรรคอันดับหนึ่ง ก่อนหน้านี้พรรคภูมิใจไทยมี สส.เพียง 70 คน และในจำนวนนี้มี สส.แบบบัญชีรายชื่อเพียง 3 คน ขณะเดียวกันเรื่อง ‘กระแส’ ก็ยังเป็นรองพรรคอื่นอยู่มากโข
ฉะนั้น ก่อนรับสมัคร สส. อนุทินจึงพลิกเกม เปิดตัว แต๋ม-ศุภจี สุธรรมพันธุ์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รักษาการรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และอ้วน-สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมองคาพยพ ‘ภูมิใจไทยพลัส’ หวังจะดันคะแนนด้านกระแสให้พุ่งขึ้น เสริมทัพจากการเป็นผู้นำสู้รบกับกัมพูชาด้วยท่าทีขึงขัง
เดิมพันของไพ่ที่มีแต้มต่อของอนุทิน คือเลือกตั้งรอบนี้ต้องเป็นพรรคอันดับหนึ่งเท่านั้น เพราะหากแพ้พรรคประชาชนแล้วรวมพรรคอื่นขึ้นเป็นนายกฯ ก็ดูจะไม่สง่างามเท่าไรนัก เพราะฉะนั้นต้องอาศัยแรงผลักจากเรื่อง ‘การต่างประเทศ’ ให้ท่านทูตอ้วนมาช่วยดึงคะแนน เสริมทัพจากบรรดาทีมงานมืออาชีพ
คำถามคือในระยะยาว ภูมิใจไทยยังมีจุดขายอะไรอีก คำถามคือในระยะยาว บรรดา ‘มุ้ง’ ทั้งหลายทั้งมุ้งเดิม มุ้งใหม่ จะอยู่อย่างสงบสุขหรือไม่
เพราะในอดีต พรรคที่รวมกันหลากหลายมุ้งด้วยวิธีผิดธรรมชาติ มันจะจบไม่สวยสักราย
3.ยศชนัน/ สุริยะ/ จุลพันธ์
ไพ่พรรคเพื่อไทย – ไพ่รองที่ลุ้น ‘จั่ว’ เพิ่ม

สำหรับพรรคเพื่อไทย เกมในกระดานอำนาจปี 2569 ไม่ได้เริ่มจากตำแหน่ง ‘ตัวเต็ง’ แบบในอดีตอีกต่อไป ส่วนหนึ่งคือจากจำนวน สส.ที่ไหลออกจากพรรคจำนวนมาก ขณะที่คดีความที่เกี่ยวพันกับ ทักษิณ ชินวัตร ก็ดูจะไม่เป็นคุณกับพรรคเท่าไรนัก
แต่การเปิดตัว เชน-ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ เป็นการเคลื่อนไหวที่หลายคนยกนิ้วให้ แม้เชนเชื่อมโยงโดยตรงกับเจ้าของพรรค แต่ก็พูดจารู้เรื่อง ตอบคำถามในสนามต่างๆ ได้ดี เรียกได้ว่าเปิดตัวไม่กี่วัน คนก็จำหน้าได้ รู้จักกันทั่วประเทศแม้ผลงานในรัฐบาลเพื่อไทยไม่ได้โดดเด่นมากนัก แต่ฐานเสียงเดิมยังคงหนาแน่น การคิดและเปิดตัวนโยบายที่หวือหวา ผ่านการคิด วิเคราะห์ มาอย่างดี น่าจะยังเป็นจุดขายในการเลือกตั้งรอบนี้ต่อไป ขณะที่จุดยืนประชาธิปไตยก็เป็นสิ่งที่ต้องเติมเต็ม เพื่อให้ความเป็นนักสู้ของคนพรรคนี้แข็งแรงขึ้น ไม่ให้หนังเรื่องเดิมต้องจบแบบเดิม
ความท้าทายของพรรคแดงคือ ไพ่เกมนี้เป็นเกมที่แพ้ไม่ได้ เพราะหากแพ้ก็รับรองว่า สส.จะแตกไปคนละทิศละทาง สูญเสียอำนาจนำ อำนาจรัฐที่เคยมีไปอีกระยะหนึ่ง ฉะนั้นการเปิดไพ่ทุกใบ การวางจังหวะจะโคน จึงมีความหมายอย่างยิ่งในอีก 1 เดือนข้างหน้า และยังต้องลุ้นว่าการจั่วเพิ่ม เติมไพ่ในมือ จะส่งผลให้พรรคแดงกลับมายิ่งใหญ่อย่างในอดีตได้หรือไม่
บทสรุปสุดท้ายจึงอยู่ที่ว่า หลังปีใหม่ 2569 ใครจะสามารถคุมจังหวะเกมบนเวทีดีเบตและครองใจมวลชนได้มากกว่ากัน ระหว่าง ‘ความสดใหม่ที่เสี่ยงสูง’ ของค่ายส้ม ‘อำนาจจัดการที่เบ็ดเสร็จ’ ของค่ายน้ำเงิน หรือ ‘ชั้นเชิงนโยบายที่เก๋าเกม’ ของค่ายแดง
แต่หากไม่มีอะไรผิดพลาด วิเคราะห์กัน ณ วันนี้ ต้องมีใครสักคนในหน้าไพ่ที่เปิดเหล่านี้ ได้เป็นนายกฯ คนต่อไปแน่นอน
Tags: House of Cards, ศิริกัญญา ตันสกุล, เกมอำนาจ, ไพ่, จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์, เลือกตั้ง2569, สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, พรรคประชาชน, ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ, วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร, เลือกตั้ง, สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว, พรรคเพื่อไทย, ยกเครื่องเพื่อไทย, พรรคภูมิใจไทย, ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์, อนุทิน ชาญวีรกูล




