ในหนังเรื่องรถไฟฟ้า มาหานะเธอ (2552) ‘เหมยลี่’ สาวโสดวัย 30 ปี นางเอกของเรื่องที่ไม่เคยมีแฟน ไม่มีใครมาจีบ และยังเข้าใจผิดว่าแม่ห้ามไม่ให้จีบผู้ชายก่อน ทำให้พลาดช่วงเวลาที่จะได้มีปั๊ปปี้เลิฟ (Puppy Love) ตอนวัยเรียน และจนกระทั่งวัยทำงานก็ยังไม่เคยปลูกต้นรักสักต้น แม้ครอบครัวของเหมยลี่ไม่ได้ห้ามเธอมีแฟน แต่การหาคนถูกใจในวัยทำงานก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เธอเริ่มเกิดความเหงากับรู้สึกไม่มั่นคงในจิตใจเมื่อเพื่อนในวัยเดียวกันต่างทยอยแต่งงานกันไปจนหมด
หญิงสาวแบบเหมยลี่อยู่ในสังคมไทยทุกยุค เพราะมีหลายครอบครัวที่ยังมองความสัมพันธ์ของวัยรุ่นเป็นเรื่องเสียเวลาและไร้สาระ ทำให้ผลการเรียนตกต่ำหรือทำให้ไขว้เขวได้ พ่อแม่หลายคนเลยห้ามลูกมีแฟน หรือไม่ได้ห้ามมีแฟน แต่บอกกับลูกว่า “เรียนให้จบก่อนค่อยมีแฟน” ประหนึ่งเป็นยันต์กันผี ซึ่งลูกก็เชื่อฟัง เพราะแน่นอนว่าไม่มีความจำเป็นต้องมีความสัมพันธ์โรแมนติกในเวลานั้น แต่จนเวลาผ่านไปหลายปี เข้าสู่วัยทำงานที่แท้จริงแล้วพบว่า ตัวเองผ่านโลกมาโดยไม่เคยมีความรักโรแมนติก และถึงจะมีความพร้อมทั้งความเป็นผู้ใหญ่ เวลา หรือการเงิน แต่มันเป็นเรื่องยากเหลือเกินที่จะเริ่มต้นความสัมพันธ์กับใครสักคน
ในบรรดาคนรอบตัวของเราอาจมีเหมยลี่สักหนึ่งคน รวมถึงมีเหมยลี่ในสัญชาติอื่นๆ ด้วย ซึ่งเมื่อ 11 ปีที่แล้ว มีคนตั้งกะทู้ในเว็บไซต์ Reddit ในคอมมูนิตี้ ‘AsianParentStories’ หรือเรื่องราวของพ่อแม่ชาวเอเชีย เพื่อเล่าปัญหาครอบครัวที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งมีแต่ชาวเอเชียด้วยกันที่เข้าใจ โดยกระทู้นั้นเล่าว่า
“ฉันคิดว่าพ่อแม่คงไม่อนุญาตให้ฉันออกเดตจนกว่าฉันจะเรียนจบมหาวิทยาลัย หรือไม่ให้มีเพื่อนผู้ชายเลยด้วยซ้ำ ฉันไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องปกติของพ่อแม่ชาวเอเชียหรือเปล่า คือทุกครั้งที่ฉันพูดถึงเรื่องแฟนหรือความสัมพันธ์ พ่อแม่มักจะตำหนิฉันเสมอ”
แต่ด้วยความที่เป็นกระทู้ไม่ระบุตัวตน เราจึงไม่อาจรู้ได้ว่าคนตั้งกระทู้อาศัยอยู่ในสังคมเอเชียเข้มข้นเหมือนสังคมไทยหรือไม่ แต่ในกระทู้นั้นยังมีคนเข้ามาคอมเมนต์เพื่อแสดงตัวตนว่า พ่อแม่เขาก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน เช่น “ตอนเรียนอยู่ก็ห้ามมีแฟนจนกว่าจะเข้ามหาวิทยาลัย พอเข้ามหาวิทยาลัยได้ก็บอกว่าห้ามมีแฟนจนกว่าจะมีงานทำ พอทำงานแล้วก็มาถามว่าทำไมยังไม่แต่งงานอีก”
และเด็กที่จะต้องโตมาเป็นเหมยลี่ก็ยังมีอยู่ไม่จบสิ้น เพราะในเว็บไซต์ Quora เมื่อ 3 ปีที่แล้วยังมีคนตั้งกระทู้ถาม ‘พ่อแม่ห้ามไม่ให้ฉันออกเเดตกับใคร จนกว่าจะเรียนจบมหาวิทยาลัยหรือได้งานทำ มันเป็นอายุที่สมเหตุสมผลในการเริ่มออกเดตหรือเปล่า หรือว่ามันสายเกินไปแล้ว’ นี่เป็นกระทู้คำถามไม่ระบุตัวตน และมีผู้ใหญ่เข้ามาตอบคำถามอยู่บ้าง โดยคอมเมนต์อันดับหนึ่งบอกว่า
“ฉันกังวลว่ามันคงสายเกินไปแล้ว ในฐานะพ่อแม่ฉันกังวลเกี่ยวกับการศึกษาทั้งในแง่สังคมและด้านวิชาการ เพราะฉะนั้นฉันเลยอยากให้ลูกได้เรียนรู้การเข้าสังคมกับคนอื่นๆ ฉันจึงสนับสนุนให้เธอไปเที่ยวเล่นกับเพื่อน หรือไปบ้านเด็กคนอื่นๆ บ้าง เพราะการให้ลูกหลีกเลี่ยงการเข้าสังคม หรือยืดระยะเวลาออกไปมันอาจส่งผลเสียในระยะยาว” นี่เป็นคำตอบของสตีฟ (Steve) จากรัฐเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
ยังไม่หมดเท่านี้เพราะใน The Student Room บอร์ดเล่าเรื่องชีวิตนักเรียนจากประเทศอังกฤษ ยังมีคนเขียนกระทู้เมื่อ 6 เดือนที่ผ่านมานี้เองว่า ‘พ่อแม่ไม่อนุญาตให้ฉันออกเดตในมหาวิทยาลัย’ อ่านแค่นี้หลายคนคงเริ่มสงสารอนาคต ‘เหมยลี่เจน Z’ ขึ้นมาจับใจ
“ฉันอยากเรียนหมอ ดังนั้นฉันน่าจะเรียนจบตอนอายุประมาณ 24-25 ปี แต่พ่อแม่หวังให้ฉันแต่งงานตอนอายุ 25-26 ปี มันจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อเขาไม่ให้ฉันออกเดตกับใคร แล้วฉันจะแต่งงานกับคนที่คบกันได้แค่ปีเดียวได้อย่างไร พอฉันบอกว่าอยากแต่งงานตอนอายุ 28-29 ปี พ่อแม่ก็บอกว่าแต่งช้าเกินไปแล้ว” นี่คือเนื้อหาบางส่วนของกระทู้
สิ่งที่คนวัยทำงานทราบกันดีคือ การหาแฟนที่ถูกใจในวัยผู้ใหญ่นั้นไม่ง่าย เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่คนที่มีแฟนแล้ว ซึ่งหลายคู่ก็เริ่มต้นคบกันตั้งแต่สมัยเรียน เพราะฉะนั้นคนที่ยังโสด และมีไลฟ์สไตล์ตรงกันกับเราคงมีเท่าหยิบมือ แถมสังคมของเรายังแคบลงเรื่อยๆ ชนิดที่แทบไม่ได้เจอคนใหม่ๆ เลย จนกระทั่งเกิดกระแสในโซเชียล ประชดประชันว่า อยากโดนจับคลุมถุงชนให้รู้แล้วรู้รอด เพราะเหมยลี่ในหนังยังมีพ่อแม่ที่พยายามหาคู่แต่งงานให้ แต่ในชีวิตจริงคงหมดหวังที่จะหาแฟนเอง
ในรถไฟฟ้า มาหานะเธอ เหมยลี่ยังโชคดีที่เป็นนางเอกหนังรอมคอม ได้พบรักกับคนหล่ออย่างลุง (เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์) แต่ตัดภาพมาที่ชีวิตจริง การห้ามไม่ให้ลูกสร้างความสัมพันธ์ในห้วงเวลาแรกแย้ม ก็อาจส่งผลให้เหี่ยวแห้งไปตลอดชีวิตทั้งที่ลูกไม่ได้ต้องการแบบนั้นเลย เพราะช่วงเวลาของการเป็นวัยรุ่นคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการฝึกเข้าสังคม พูดคุยทำความรู้จักคนใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆ โดยไม่หวังผลประโยชน์ใดๆ และมันจะมีความหมายเมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ เพราะยังดีกว่านั่งย้อนนึกถึงความรักสมัยเรียนแล้วมีแต่ความว่างเปล่าจนเกิดความเหงาและตั้งคำถามกับตัวเอง
อ้างอิง
– https://www.thestudentroom.co.uk/showthread.php?t=7505952
Tags: ครอบครัว, family, Valentines Day, Family Tips, ออกเดต, ความรัก, วาเลนไทน์