อ่าน ‘ล้ม ลุก เรียน รู้’ หนังสือเล่มล่าสุดของ ‘ธนา เธียรอัจฉริยะ’ ไปได้ครึ่งเล่ม ผมก็คิดถึงตอนหนึ่งจากการ์ตูนเรื่อง ‘กล่องข้าวกับคุณครูข้าวกล้อง’ (Genmai Sensei no Bentoubako)
การ์ตูนเรื่องนี้มีตัวเอกชื่อ ยูกิ เก็มไม เป็นอาจารย์สอนวัฒนธรรมอาหารในมหาวิทยาลัย ยูกิไม่ได้สอนแค่ประวัติศาสตร์ เขาพยายามสอดแทรกปรัชญาชีวิตที่เรียนรู้จากวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่นให้ลูกศิษย์อยู่เสมอ
มีอยู่ตอนหนึ่ง อาจารย์ยูกิพูดถึงการดองอาหาร ซึ่งเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่น ตอนนั้นอาจารย์เห็นว่ามีลูกศิษย์สองคนที่เริ่มเก่งเรื่องอาหาร คนหนึ่งเรียนรู้เร็ว อีกคนใช้เวลาเรียนรู้นานกว่า
เพื่อไม่ให้ลูกศิษย์น้อยใจ เขาจึงสอนเรื่องนี้โดยเปรียบเทียบกับการดองผัก ผักแต่ละชนิดใช้เวลาในการดองให้อร่อยไม่เท่ากัน เช่นเดียวกับลูกศิษย์ แต่ละคนมีหนทางในการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองไม่เหมือนกัน เราไม่ควรน้อยใจกันเองว่าทำไมถึงเก่งไม่เท่าเพื่อน แต่ควรอยู่กับตัวเอง ทำความเข้าใจตัวเอง และตั้งใจเรียนรู้อย่างไม่ลดละ
……
หนังสือทั้งสองเล่มที่กล่าวมานั้น มีความคล้ายกันอยู่หนึ่งข้อ คือ การพูดถึงการพัฒนาตัวเองและการเรียนรู้ของมนุษย์
‘ล้ม ลุก เรียน รู้’ รวบรวมมาจากบทความที่ธนาเขียนไว้ใน Facebook page ชื่อ ‘เขียนไว้ให้เธอ’ เขาทำเพจนี้โดยตั้งใจว่าจะเขียนเรื่องราวสอนใจให้ลูกสาวสองคนได้อ่านในอนาคต เนื้อหาส่วนใหญ่พูดถึงการพัฒนาตัวเอง ทั้งในการดำเนินธุรกิจ และการใช้ชีวิตด้วยความเห็นอกเห็นใจความเป็นมนุษย์
ตอนหนึ่งของหนังสือ ธนาบอกว่านักเขียนที่มีอิทธิพลกับตัวเขามาก คือ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช และธนาอาจจะไม่รู้ตัวว่าหนังสือเล่มนี้มีบางสิ่งคล้ายคลึงกับเนื้อหาของ ‘หลายชีวิต’ หนึ่งในผลงานชิ้นเอกของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ เพราะธนามักจะเล่าปรัชญาและความรู้ที่เขาครูพักลักจำจาก ‘คนอื่น’ ทั้งบุคคลที่มีชื่อเสียง และคนธรรมดาที่เขาเคยพานพบ
ระหว่างการอ่านเราจึงได้พบกับชีวิตหลายชีวิตที่แวะเวียนเข้ามาในชีวิตของธนา ชีวิตที่มีพื้นเพต่างกัน แต่พวกเขามอบ ‘บางสิ่ง’ ให้ผู้เขียนได้เรียนรู้เสมอ ธนาเอ่ยชื่อคนที่มอบประสบการณ์ดีๆ ให้เขาด้วยความเต็มใจ ไม่ว่าจะเป็น ซิกเว่ เบรกเก้ บุญชัย เบญจรงคกุล จิระ มะลิกุล สัตยา นาเดลลา ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ไปจนถึงอีลอน มัสก์ ฯลฯ
อีกประเด็นในเล่มนี้ก็คือ การเผยถึงความล้มเหลวของตัวเองต่อหน้าสาธารณชน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมันทั้งเจ็บปวดและน่าอับอาย แต่ธนาไม่ได้ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง ไม่ได้ตั้งตนเป็นกูรู แม้ว่าความสำเร็จที่ผ่านมาของเขา สามารถทำให้เขาอวดว่าตัวเองเป็นกูรูได้ไม่ยาก แต่เปล่าเลย — เขาเขียนหนังสือเล่มนี้อย่างถ่อมตัว ไร้คำโอ้อวดใดๆ แปดสิบเปอร์เซ็นต์ของเนื้อหา เขาพูดถึงความผิดพลาดของตัวเอง จากวัยหนุ่มที่เคยประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานอย่างรวดเร็ว จนรู้สึกว่า ‘กูเก่ง กูแน่’ แต่มาถึงวันนี้ เขาตระหนักชัดและไม่ลืมว่าความสำเร็จในหน้าที่การงานของเขา มาจากการร่วมมือร่วมใจของคนหลายคน ไม่ใช่เครดิตของเขาแต่เพียงผู้เดียว
ก็เหมือนที่ Ray Dalio เขียนไว้ในตอนหนึ่งของหนังสือ Principles ว่ามนุษย์ต้องเจ็บปวดก่อนจึงจะได้เรียนรู้บางสิ่ง ธนาก็เช่นเดียวกัน เขาแชร์ประสบการณ์การล้ม–ลุก–เรียน–รู้ ของตัวเองอย่างชัดเจน อย่างไม่เทศนา ไม่ตัดสิน แต่เป็นน้ำเสียงของการแบ่งปัน ทำให้เรารู้สึกว่าคนเขียนอยู่เคียงข้างผู้อ่านด้วยความเห็นอกเห็นใจ
การอ่านหนังสือเล่มนี้ได้อารมณ์เหมือนกำลังนั่งกินข้าวปรับทุกข์กับรุ่นพี่ เราระบายความทุกข์ของตัวเอง เขารับฟังอย่างตั้งใจ และให้คำแนะนำบางอย่างที่น่าจะเป็นประโยชน์กับตัวเราด้วยความปรารถนาดี
…..
ด้วยเนื้อหาที่มองโลกในแง่บวก อ่านง่าย น่าชื่นใจ และให้พลัง ไม่แปลกที่ ‘ล้ม ลุก เรียน รู้’ จะได้รับการตอบรับที่ดี พิมพ์ครั้งที่สองอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ดี หนังสือเล่มนี้อาจไม่เหมาะกับทุกคน คนที่ไม่ชอบเนื้อหาในแง่บวกอาจไม่คลิกกับสิ่งที่ธนาต้องการสื่อสาร แต่คงจะใจร้ายเกินไป — หากใครจะนำสิ่งนี้มาตัดสินคุณค่าของหนังสือ
คนเราไม่เหมือนกัน เติบโตด้วยวิถีและวิธีการที่ต่างกัน ก็เหมือนกับปรัชญาการดองผักของอาจารย์ยูกิที่ว่า ผักแต่ละชนิดจะดองให้อร่อยใช้เวลาไม่เท่ากัน คนแต่ละคนก็มีเส้นทางการเติบโตไม่เหมือนกันเป็นธรรมดา
‘ล้ม ลุก เรียน รู้’ เป็นหนังสือที่เหมาะกับใครก็ตามที่กำลังท้อถอย ต้องการกำลังใจในการฝ่าฟันอุปสรรคในชีวิต เพราะถึงแม้ความล้มเหลวจะทำให้เราเจ็บปวด แต่เราก็สามารถนำสิ่งนี้มาเรียนรู้เพื่อเติบโตและก้าวต่อไป
และเป็นเหตุผลว่าความล้มเหลวจำเป็นมากแค่ไหนกับชีวิตของเรา
Fact Box
- ล้ม ลุก เรียน รู้ / ธนา เธียรอัจฉริยะ เขียน / สำนักพิมพ์ KOOB / ราคา 395 บาท