การเปลี่ยนแปลงของเทรนด์ถือเป็นหนึ่งในกฎของแฟชั่นที่สำคัญที่สุด
โลกแฟชั่นไม่เคยหยุดนิ่ง มันมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ พอๆ กับที่มักมีการนำสไตล์เก่าๆ ที่ถูกลืมไปนานกลับมาฟื้นฟูอีกครั้ง
ในอดีต มีคำกล่าวที่ว่า เทรนด์ของแฟชั่นเก่ามักจะกลับมาอีกครั้งหลังเวลาผ่านไป 30 ปี แต่ทุกวันนี้ เมื่อจังหวะชีวิตของผู้คนเร็วขึ้น เทรนด์ก็เปลี่ยนไปเร็วตาม ทำให้วงจร ‘การกลับมา’ ของเทรนด์แฟชั่นเก่าเหลือแค่ 20 ปี หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘The 20 Year Rule’ หลายคนจึงมองว่า ต้องขอบคุณเวลา 20 ปีนี้ ที่ทำให้เทรนด์ที่มีแนวโน้มสูญหายไปตามกาลเวลา ได้กลับมาผงาดอีกครั้ง
เจอรัลดีน วาร์รี (Geraldine Wharry) นักวิเคราะห์เทรนด์ นักออกแบบ และนักอนาคตศาสตร์ ผู้คร่ำหวอดในวงการแฟชั่นมาหลายสิบปีเคยกล่าวไว้ว่า “แฟชั่นเป็นเรื่องของการเล่าเรื่อง ชีวิต และการแสดง ดังนั้น มันจึงมีองค์ประกอบของการดึงเรื่องราวจากอดีต และเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับนักออกแบบทั้งหลายที่จะมองหาการอ้างอิงในอดีต เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ เพราะมันมีบางอย่างที่ทำให้รู้สึกคุ้นเคยและสบายใจ เมื่อมองย้อนกลับไป”
เมื่ออ้างอิงจาก ‘กฎแฟชั่น 20 ปี’ จึงไม่น่าแปลกใจที่หากผู้คนในปี 2022 จะหวนคิดถึงแฟชั่นจากปี 2000 ซึ่งเป็นปีแห่งการก้าวเข้าสู่สหัสวรรษใหม่ของมนุษยชาติ ยุคแห่งการฝันถึงอนาคตที่สว่างโชติช่วง ยุคแห่งการมาถึงของอินเทอร์เน็ตและการก้าวเข้าสู่ยุคของเทคโนโลยี ที่สิ่งเหล่านี้ต่างก็เป็นแรงบันดาลใจที่สะท้อนออกมาผ่านทุกสิ่ง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องของแฟชั่น
แน่นอนว่าหนึ่งในแวดวงที่แฟชั่นมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งคือ ‘อุตสาหกรรมดนตรี’ ซึ่งวันนี้เห็นได้ชัดว่ากำลังนำแฟชั่น Y2K กลับมาผงาดอีกครั้ง
Y2K?
Y2K ย่อมาจากคำว่า ‘Year 2000’ ซึ่งเป็นศัพท์ที่แทนปัญหาที่เกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ในยุคก่อนปี 2000 โดยผู้คนในยุคนั้นกังวลว่าปัญหาอาจเกิดขึ้นหลังจากเที่ยงคืนของวันที่ 31 ธันวาคม 1999 และเข้าสู่วันที่ 1 มกราคม 2000 เนื่องจากระบบคอมพิวเตอร์เดิมจะบันทึกตัวเลข 2 หลักท้ายมาตลอด และละสองหลักแรกคือ 19 และ 20 ไว้ในฐานที่เข้าใจ แต่หากเข้าสู่ปี 2000 แล้วระบบจะบันทึกเลขเป็น 00 ทำให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ผิดเพี้ยน เพราะยังตีความว่าเป็นปี 1900 เหมือนเดิม ดังนั้นการคำนวณเกี่ยวกับระยะเวลา เช่น การคำนวณอายุ การคำนวณระยะเวลา การชำระหนี้และการเรียงลำดับข้อมูลจึงผิดพลาดหมด ซึ่งอาจส่งผลกระทบถึงเครือข่ายต่างๆ ทั้งแวดวงธุรกิจ การธนาคาร การแพทย์ และการทหาร รวมถึงอาจทำให้ระบบสาธารณูปโภค เช่น ไฟฟ้า โทรศัพท์ ระบบอาณัติสัญญาณ ถึงขั้นหยุดการทำงาน
แฟชั่นแบบ Y2K จากความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
แฟชั่นแบบ Y2K ถือว่ามีความโดดเด่นอย่างมาก เพราะได้รับแรงบันดาลใจจากช่วงกลางทศวรรษ 1990 และต้นทศวรรษ 2000 ซึ่งเป็นยุคที่อินเทอร์เน็ตได้รับความนิยมมากขึ้น และผู้คนกำลังมองถึงเส้นทางแห่งอนาคตที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตจากเทคโนโลยีเหล่านี้ ดังนั้น แฟชั่น Y2K จึงค่อนข้างดูล้ำสมัย ทั้งการใช้วัสดุที่แวววาว หรือสีเมทัลลิก เช่น สีดำมันวาว สีเทา โดยเสื้อผ้าในยุคนี้มักถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้มีสีเข้ม สะท้อนแสง อาทิ เสื้อแจ็กเก็ตสีเมทัลลิก ขณะเดียวกันก็มีความย้อนยุคเล็กน้อย เช่น ชุดวอร์มกำมะหยี่ กางเกงยีนส์ขาบาน กางเกงเดนิม หรือเสื้อยืดตัวจิ๋ว และเครื่องประดับอย่างแว่นกันแดดขนาดใหญ่หรือกระเป๋าบาแกตต์
อาจมองได้ว่า แฟชั่น Y2K มีความหลากหลายมาก เพราะเป็นยุคที่ทุกคนกำลังสนุกสนานกับการลองผิดลองถูกในแฟชั่นการแต่งตัว
แฟชั่นเหล่านี้ถูกออกแบบเป็นเสื้อผ้าให้กับเหล่าศิลปินที่กำลังโด่งดัง อาทิ บริตนีย์ สเปียร์ส ในช่วงยุคต้น 2000s รวมถึงเซเลบดังๆ อย่าง ปารีส ฮิลตัน หรือคอสตูมในภาพยนตร์เรื่อง The Matrix และ Mean Girls ที่บ่งบอกความเป็นแฟชั่นและการออกแบบในยุค Y2K ได้เป็นอย่างดี
เมื่อแฟชั่น Y2K กลับมาแวววาวอีกครั้ง
เมื่อถึงเวลาที่กระแสแฟชั่น Y2K ถูกหยิบยกให้กลับมาเป็นเทรนด์ ผ่านกลุ่มคนมีชื่อเสียงในสังคม โดยเฉพาะเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ ไอดอล ศิลปิน มีอิทธิพลต่อวัยรุ่นทั้งเจน Z และมิลเลนเนียลส์ในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก ขณะที่แพลตฟอร์มของโซเชียลมีเดียที่กลายมาเป็นความบันเทิงส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของวัยรุ่นทั่วโลก และเชื่อมทั้งโลกให้ต่อเข้าถึงกันได้ง่ายดาย ทั้ง Facebook, Instagram หรือ TikTok จึงไม่น่าแปลกใจที่แฟชั่นแห่งปี 2000 จะกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง
ยิ่งในยุคที่ ‘เคป็อป’ ทรงอิทธิพลอย่างมากในอุตสาหกรรมดนตรี การที่ศิลปินเคป็อปเลือกหยิบจับเสื้อผ้าแบบไหนมาแต่งกาย ก็เสมือนจะกลายเป็น ‘Trendsetter’ หรือผู้นำเทรนด์ให้เป็นที่นิยมในวงกว้างทันที ซึ่งก็มีศิลปินเคป็อปจำนวนไม่น้อยในปัจจุบันที่เลือกใช้แฟชั่น Y2K มาเป็นเครื่องแต่งกายในชีวิตประจำวัน หรือใช้เป็นแฟชั่นคอนเซปต์ในการทำเพลง
หนึ่งในศิลปินไอดอลที่เป็นที่รู้จักจากความชื่นชอบในการแต่งกายแบบแฟชั่น Y2K คือเจนนี่ วงแบล็กพิงก์ ที่มักสวมแจ็กเก็ตพัฟ เสื้อครอปสีสันสดใส และกางเกงยีนส์ทรงหลวม หรือศิลปินอย่างแทยอน และนายอน วงทไวซ์ ที่ก็ใช้คอนเซปต์ของแฟชั่น Y2K มาเป็นเครื่องแต่งกาย
หรือวงใหม่ๆ อย่าง ITZY และล่าสุดกับ NewJeans ที่เห็นชัดว่าได้อิทธิพลจากแฟชั่น Y2K แบบเต็มๆ ตั้งแต่เสื้อผ้าไปจนถึงองค์ประกอบของการออกแบบอาร์ตไดเรกชั่นในมิติต่างๆ ทั้ง ฟอนต์ ภาพ เอ็มวี และตัวอัลบั้ม เรียกได้ว่า Y2K กันให้สะใจไปเลย
เมื่อบวกกับมายด์เซ็ตของคนในยุคใหม่ที่เปิดกว้างทางความคิดมากขึ้น ชอบทดลองสิ่งใหม่ๆ จึงน่าสนใจว่าแฟชั่น Y2K ที่ดั้งเดิมก็เกิดมาจากการทดลองแต่งตัวของคนในยุคนั้น เมื่อรวมกับเทรนด์ใหม่ๆ ของยุคปัจจุบัน มันจะนำพาแฟชั่นแบบ Y2K ไปถึงจุดใด และมันจะสนุกมากขึ้นขนาดไหน
แฟชั่นที่ชวนคิดถึงอดีตคือเทรนด์ที่คงที่ที่สุด
ไม่ว่าโลกจะก้าวหน้าไปมากขนาดไหน เมื่อถึงยุคสมัยหนึ่ง เราก็จะเห็นเทรนด์แฟชั่นจากอดีตกลับมาฮิตอีกครั้งเสมอ เหมือนที่ เวนดี เบนโดนี (Wendy Bendoni) นักวิเคราะห์เทรนด์ระดับนานาชาติ แห่งมหาวิทยาลัย Woodbury University กล่าวว่า “ความคิดถึงคือความเชื่อมโยงที่เรามีกับความทรงจำ แต่กับสิ่งที่เราตัดสินใจสวมใส่ โดยทั่วไปแล้วมันเชื่อมโยงกับอารมณ์เชิงบวกที่เราแสดงออกผ่านแฟชั่น
“นักวิเคราะห์เทรนด์ สไตลิสต์ ผู้บริโภค และผู้ค้าปลีก ต่างรู้ดีว่าสไตล์ที่ชวนให้นึกถึงอดีต เป็นเทรนด์ที่คงที่ที่สุดที่เราเห็นทุกปี”
Tags: Trendsetter, NewJeans, Entertainment, Y2K, Y2KFashion