***บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของซีรีส์***

เวลานี้ใครได้ดูซีรีส์เรื่องสงคราม ส่งด่วน ทาง Netflix คงได้เห็นฉากที่ สันติ (ไอซ์ซึ-ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์) ตรากตรำทำงานจนซื้อคุกกี้เป็นของขวัญวันคริสต์มาสส่งไปให้แม่บนดอย แต่พอจะส่งพัสดุกลับพบว่า ค่าส่งคิดตามน้ำหนัก และเริ่มต้นที่ 35 บาท ต่อให้เอากล่องคุกกี้ที่หนักหลายขีดออกไป เขาก็มีเงินไม่เพียงพอสำหรับค่าส่งพัสดุอยู่ดี กลายเป็นจุดเริ่มต้นในการทำธุรกิจขนส่งพัสดุในราคาถูกลงเพื่อให้ทุกคนเข้าถึงได้ 

หนึ่งในฉากเล่าชีวิตบนดอยที่น่าจดจำ คือช่วงที่สันติบอกว่า อาหารหรูที่สุดในวัยเด็กคือ ‘มาม่า’ ซองละ 7 บาท ที่ต้องเก็บเงินซื้อจากพ่อค้ามอเตอร์ไซค์ที่ขึ้นมาขายบนดอย แต่วันหนึ่งเมื่อมีโอกาสลงไปร้านชำด้านล่างก็พบว่า มาม่าราคาจริงแค่ 5 บาท ความจริงนี้ทำให้เขาตั้งคำถามว่า ทำไมคนจนในพื้นที่ห่างไกลกลับต้องจ่ายแพงกว่า

หลายคนอาจมองว่า การจ่ายเพิ่มเพียงแค่ 2 บาทไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะเป็นเงินจำนวนน้อยนิด แต่หากลองคำนวณเป็นเปอร์เซนต์ นั่นคือการจ่ายเพิ่มถึง 40% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ไม่น้อยเลย  และในวันนี้ แม้มาม่าจะขายซองละ 7 บาทในร้านสะดวกซื้อ แต่หากซื้อยกลังรวม 40 ซองในราคา 270 บาท จะตกซองละ 6 บาท ในขณะเดียวกันหลายคนกลับไม่มีเงินก้อนซื้อทีเดียวทั้งลังเสียด้วยซ้ำ 

ยิ่งจน ยิ่งจ่ายมากกว่า

มองกลับมาในชีวิตประจำวันของใครหลายคน เรามักซื้อของไซซ์เล็กราคาต่ำกว่าไซซ์ใหญ่ อย่างเช่น ยาสีฟันหลอดเล็ก น้ำยาปรับผ้านุ่ม โลชันทาผิว หรือครีมซองต่างๆ หากลองเทียบราคาต่อปริมาณในบางยี่ห้อจะพบว่า ซื้อไซซ์เล็กมีราคาแพงกว่า 

ตัวอย่างเช่น แชมพูสูตรเดียวกันขนาดใหญ่ 430 มิลลิลิตร ราคา 189 บาท แต่ไซซ์เล็กขนาด 140 มิลลิลิตร ราคา 45 บาท หากต้องการประหยัดเราอาจตัดสินใจซื้อแบบเล็ก แต่หากลองเทียบแล้วไซซ์ใหญ่จะมีราคา 2.2 บาทต่อมิลลิลิตร แต่ขวดเล็กราคา 3.1 บาทต่อมิลลิลิตร หากเราซื้อขวดเล็กมาตลอดก็เท่ากับจ่ายแพงกว่า 1 บาทต่อมิลลิลิตร แม้จะรู้อย่างนี้แล้ว แต่ก็ไม่อาจกลั้นใจซื้อไซซ์ใหญ่ได้ เพราะตอนนี้มีเงินน้อยนิด จึงแบ่งมาซื้อได้คราวละเล็กละน้อย

อย่างไรก็ตามสินค้าอุปโภคบริโภคในแต่ละยี่ห้อทั้งไซซ์เล็กกับไซซ์ใหญ่ อาจมีราคาต่อปริมาณเท่ากัน หรือไซซ์เล็กอาจถูกกว่าก็ได้ ซึ่งผู้บริโภคสามารถตัดสินใจเลือกได้

แต่ยังมีอีกสิ่งที่ต้นทุนชีวิตต่ำ แต่ต้องจ่ายแพงกว่าและหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือจ่ายให้กับคุณภาพชีวิต เพราะยิ่งต้นทุนชีวิตต่ำเท่าไร ยิ่งมีสิ่งที่ต้องจ่ายเพิ่มเท่านั้น

เคยคิดเล่นๆ ไหมว่า หากบ้านเราไกลจากที่ทำงาน หรือต้องขึ้นรถไฟฟ้าและขนส่งสาธารณะทุกวัน ราคาที่จ่ายอาจแพงกว่าการซื้อรถ 1 คันรวมค่าน้ำมันก็ได้ แต่สุดท้ายหลายคนก็ไม่มีเงินพอจะดาวน์รถได้อยู่ดี หรือคนต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงานในเมือง เพราะไม่มีโอกาสในบ้านเกิด ก็ต้องเช่าที่พักอาศัยในเมือง เงินเดือนที่ได้มาเกือบครึ่งถูกจ่ายไปกับอสังหาฯ ที่เราไม่มีวันได้เป็นเจ้าของ และยังเก็บเงินก้อนไม่ได้เสียที ที่สำคัญเม็ดเงินที่สูญไปไม่ได้นำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างแท้จริงด้วยซ้ำ

และหากบอกให้คนต้นทุนต่ำเลือกประหยัดกับเรื่องคุณภาพชีวิต อย่างการตื่นแต่เช้ามืดเพื่อขึ้นรถเมล์ไปทำงานหรือเช่าที่พักราคาถูกมากๆ ซึ่งมาพร้อมความปลอดภัยต่ำ สุดท้ายราคาที่ต้องจ่ายอาจเป็นสุขภาพกายหรือจิตใจที่ย่ำแย่ และอาจต้องแลกด้วยชีวิต

สุดท้ายแล้ว สิ่งที่คนต้นทุนชีวิตต่ำต้องจ่ายแพงกว่า อาจไม่ใช่แค่เงินอย่างที่ใครๆ คิด

Tags: , , ,