แม้ Killers of the Flower Moon ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของ มาร์ติน สกอร์เซซี (Martin Scorsese) จะเพิ่งเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ได้เพียงแค่หนึ่งสัปดาห์ แต่ผลงานของผู้กำกับรุ่นลายครามก็เรียกเสียงตอบรับจากผู้ชมไปในทิศทางเดียวกันว่า สามารถถ่ายทอดประวัติศาสตร์ดำมืดของกลุ่มคนผิวขาวที่กระทำต่อชาวโอเซจ หรือชนเผ่าพื้นเมืองในรัฐโอคลาโฮมา ได้อย่างอำมหิตและชวนหดหู่ยิ่งนัก
แต่ถึงเนื้อหาในเรื่องจะเข้มข้นชวนติดตาม ทว่าอีกมุมหนึ่งผู้ชมกลับรู้สึกว่า จังหวะการเล่าเรื่องราวของสกอร์เซซี ใน Killers of the Flower Moon ช่างเนิบและยืดเยื้อเกินความจำเป็น จนทำให้หนังมีความยาวถึง 3 ชั่วโมง 26 นาที
ประเด็นดังกล่าว สกอร์เซซีอธิบายผ่านการสัมภาษณ์กับนิตยสาร Hindustan Times โดยระบุว่าความจริงแล้วภาพยนตร์ที่มีความยาว 206 นาที ไม่ควรเป็นอุปสรรคในการชมภาพยนตร์ โดยเฉพาะในยุคที่ผู้ชมสามารถชมซีรีส์ยาวติดต่อกันหลายชั่วโมง
“มีคนถามผมว่า สามชั่วโมงยาวเกินไปไหม ไม่เอาน่ะ ปกติคุณยังนั่งดูซีรีส์ที่บ้านยาวติดต่อกัน 4-5 ชั่วโมงได้เลย หรือในละครเวทีคุณก็สามารถนั่งดูนานกว่า 3 ชั่วโมงจนจบได้ นั่นเพราะอะไร เพราะคุณให้ความเคารพกับงานเหล่านั้นไง ผมเลยอยากให้สิ่งนี้เกิดขึ้นกับภาพยนตร์บ้าง” สกอร์เซซีกล่าว
นอกจากนี้ สกอร์เซซียังอธิบายถึงสาเหตุที่ผลงานล่าสุดของเขามีจังหวะการเล่าที่เนิบช้า ผ่านการสัมภาษณ์กับนิตยสาร The Irish Times ว่า เพราะได้แรงบันดาลใจจากหนังเรื่อง Midsommar (2019) และ Beau Is Afraid (2023) ของผู้กำกับ อารี แอสเตอร์ (Ari Aster)
“ผมชอบสไตล์และจังหวะของหนังสยองขวัญอย่าง Midsommar และ Beau Is Afraid ของแอสเตอร์นะ จังหวะแบบนี้ชวนให้ผมนึกถึงหนังอย่าง Cat People (1942) ของ วัล ลิวตัน (Val Lewton) หรือ I Walked With a Zombie (1943) ของ ฌาคส์ ตูร์เนอร์ (Jacques Tourneur) ที่บางจังหวะต้องช้าลงหน่อย เงียบลงหน่อย
“ดังนั้น ผมต้องยอมให้หลายฉากคงอยู่ภายในหนังแทนที่จะตัดมันออกไป โดยเฉพาะพวกวัฒนธรรมต่างๆ ของชาวโอเซจ เช่นการตั้งชื่อทารก พิธีศพ และพิธีแต่งงาน เพื่อที่คนดูจะสามารถตามเรื่องราวทัน และเข้าใจวัฒนธรรมของคนกลุ่มนี้มากยิ่งขึ้น ก่อนที่พวกเขาจะได้ดำดิ่งไปกับเรื่องราวในภาพยนตร์”
สำหรับ Killers of the Flower Moon เข้าฉายในโรงภาพยนตร์แล้ววันนี้ สามารถรับชมตัวอย่างได้ทาง https://youtu.be/7cx9nCHsemc
Tags: มาร์ติน สกอร์เซซี, Killers of the Flower Moon, ภาพยนตร์, Martin Scorsese, Entertainment