หากวันหนึ่งคุณพบว่า ตนเองไปปรากฏอยู่ในฝันของผู้คนทั่วโลกยามค่ำคืน เช้าหลังจากนั้น ชีวิตคุณจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร

เหล่านี้คือสารตั้งต้นสำคัญของ Dream Scenario ภาพยนตร์จากค่าย A24 ที่บอกเล่าเรื่องราวสุดประหลาดเมื่อ พอล แมตธิวส์ (แสดงโดย นิโคลัส เคจ) ชายวัยกลางคนที่โด่งดังไปทั่วโลกเพียงชั่วข้ามคืน หลังพบเหตุบังเอิญที่ตัวเขากลับไปปรากฏอยู่ในความฝันของผู้คนทั่วโลกอย่างไร้สาเหตุ

เหตุผลที่ผู้กำกับ คริสตอฟเฟอร์ บอร์กลี (Kristoffer Borgli) พล็อตหนังที่เพี้ยนและล้ำลึกเช่นนี้ เขาเผยสาเหตุส่วนหนึ่งว่า อยากทำการถ่ายทอดชีวิตของคนที่โด่งดังชั่วข้ามคืน ว่าสังคมจะปฏิบัติกับเขาเช่นไร รวมไปถึงตัวบุคคลนั้นจะได้รับผลกระทบจากชีวิตที่เปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง

จุดที่น่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้ คือการรับบทนำของ นิโคลัส เคจ นักแสดงฮอลลีวูดวัยเก๋า ผู้เป็นเจ้าของบทบาทดังมากมาย ที่ครั้งหนึ่ง ใบหน้าของเขาจากภาพยนตร์เรื่อง Vampire’s Kiss (1988) ถูกชาวโซเชียลฯ นำไปทำเป็นมีม (Meme) ที่ชื่อว่า You Don’t Say? รวมไปถึงการที่มีคนทำคลิปรวมฉากที่เขาระเบิดอารมณ์ต่างๆ เผยแพร่บนยูทูบ โดยใช้ชื่อว่า Nicolas Cage Losing His Shit จนเรียกเสียงฮาและถูกพูดถึงบนโลกอินเทอร์เน็ตจวบจนปัจุบัน

อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของเคจกลับไม่เคยรู้สึกชอบใจนัก กับการที่ใบหน้าตนเองกลายเป็นเรื่องขำขันของผู้คน

“ปัญหาคือมีมพวกนี้ เกิดขึ้นจากการผสมใบหน้าของผมจากบทบาทในหนังเรื่องต่างๆ ปนเปไปหมด โดยที่ไม่มีการกล่างถึงบริบทใดๆ ของหนังเรื่องนั้นแม้แต่น้อย แล้วกลายเป็นว่า คนก็มาตีตราว่า ผมเป็นคนประเภทโมโหร้าย (Cage Rage) ซึ่งมันก็น่าหงุดหงิดไม่น้อยเลย

“มีมนั่นทำให้หนังเรื่องนั้นที่ผมแสดง (Vampire’s Kiss) ได้รับผลกระทบ ผมคิดแบบนั้นนะ เพราะหนังเรื่องนั้นถูกบิดเบือนบริบท จนผู้คนแทบไม่เข้าใจเนื้อหา ส่วนในมุมของผม ก็มีปัญหาตรงที่ผู้คนกลับจำภาพผมเป็นนักแสดงหัวร้อนเพียงด้านเดียว ทั้งที่ผมเองก็มีการแสดงอีกหลายแง่มุมที่น่าสนใจอยู่เหมือนกัน” เคจกล่าวถึงเรื่องมีมของเขา ระหว่างการให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Indiewire

น่าสนใจที่ในวันนี้ เรื่องราวการเป็นมีมของเคจ ถูกนำไปประยุกต์ผ่าน ‘ภาพฝัน’ และกลายเป็นพล็อตหนังเรื่องล่าสุดของตัวเขา ราวกับจะบอกเป็นนัยว่า หนังแบบนี้และพล็อตแบบนี้ บทนำต้องเป็นของ นิโคลัส เคจ เท่านั้น เพื่อถ่ายทอดปัญหาของการเป็นบุคคลที่ใบหน้าแพร่ระบาดอยู่ทุกมุมโลก

ในการมารับบทนำครั้งนี้ เคจให้สัมภาษณ์กับ Entertainment Weekly ว่า “ย้อนกลับไปตอนนั้น ผมไม่เข้าใจหรอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง กับการที่วันหนึ่งตื่นขึ้นมาแล้วพบว่า มีคนนำใบหน้าเราไปตัดแปะในเหตุการณ์ต่างๆ ทั่วทุกมุมโลก เอาเข้าจริงตอนนั้นผมยังไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำว่ามีมคืออะไร

“ที่สำคัญคือผมหยุดมันไม่ได้ด้วย และนับวันหน้าผมก็ยิ่งถูกตัดต่อ บิดเบือน เพื่อให้มันตลกมากยิ่งขึ้นไปอีก ดังนั้น ในวันนี้ที่ผมได้รับบนำจาก Dream Scenario ก็เลยอดคิดไม่ได้ว่า ถึงเวลาแล้วที่เรื่องบ้าๆ ของผม จะกลายมาเป็นโอกาสสู่ความสำเร็จบ้างเสียที” ดาราเจ้าบทบาททิ้งท้าย

Tags: , , , , , ,