“แม้ผมจะเป็นนักแสดง แต่งานหลักของผมคือนักร้อง ผมไม่อยากจะสร้างความเสียหายให้กับกิจกรรมในวงของผม ผมคิดว่า ผมมีทุกวันนี้ได้เพราะการเป็น EXO”

ข้อความข้างต้น คือความในใจจาก โด คยองซู (Do Kyungsoo) หรือดีโอ (D.O.) สมาชิก EXO บอยแบนด์สัญชาติเกาหลีใต้-จีน เจ้าของฉายาราชาแห่ง K-Pop และ Nation’s Pick ที่การันตีรางวัลความสำเร็จมากมายตลอดทั้ง 11 ปี

ในมุมหนึ่ง ใครหลายคนอาจจะรู้จักผู้ชายคนนี้ในฐานะ ‘นักแสดง’ ผ่านผลงานสุดฮิต ที่ฝากไว้ทั้งรูปแบบซีรีส์และภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็น It’s Okay that’s Love (2014),  Along with the Gods (2017), 100 Days My Prince (2018), Bad Prosecutor (2022) หรือผลงานล่าสุดที่แสดงศักยภาพอันล้นเปี่ยม คือ The Moon (2023) กับบทบาท ฮวัง ซอนอู (Hwang Seon-woo) นักบินอวกาศผู้พิชิตดวงจันทร์ (และอุปสรรคทุก 10 นาที)

ทว่าในมุมมองของ EXO-L (กลุ่มแฟนคลับของ EXO) คยองซูไม่ใช่แค่เพียงนักแสดงคนหนึ่ง แต่ยังเป็น ‘นักร้องเสียงหลักของวง’ ผู้มีความโดดเด่นในน้ำเสียงชนิดหาตัวจับยาก และเป็นหัวใจสำคัญในทุกบทเพลงของ EXO ร่วมกับเมนโวคอลอีก 2 คน คือ เฉิน (Chen) และแบคฮยอน (Baekhyun)

และวันนี้ คยองซู หรือดีโอ กลับมาอีกครั้งในฐานะศิลปินเดี่ยว และได้ถ่ายทอดความสวยงามของน้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ผ่าน Expectation (기대) มินิอัลบั้มชุดที่ 2 ซึ่งเป็นการคัมแบ็กในรอบ 2 ปี 1 เดือน 24 วัน หลังปล่อย Empathy (공감) มินิอัลบั้มชุดแรกในเดือนกรกฎาคม 2021

(ที่มา: SM True)

The Momentum ขอพา EXO-L และผู้อ่านทุกคน ดำดิ่งสู่ตัวตน ผลงานเพลง และอัลบั้มล่าสุดของ ดีโอ EXO ชายที่เป็นได้ทั้งนักแสดงเจ้าบทบาท และศิลปินชายน้ำดีที่มีน้ำเสียงเอกลักษณ์

ชมการแสดงของ ‘โด คยองซู’ และฟังเสียงร้องของ ‘ดีโอ’: ตัวตนและพัฒนาการสำคัญในอาชีพศิลปิน 

“ในอนาคต ผมก็ไม่มีความตั้งใจจะทิ้งชื่อ ‘ดีโอ’ หรือ ‘โด คยองซู’ เลย ไม่มีการจัดลำดับว่า ชื่อไหนต้องมาก่อน เพราะบทบาทที่ได้รับสำคัญทั้งคู่”

บทสัมภาษณ์ส่วนหนึ่งของคยองซูในโคเรียเฮรัลด์ (KoreaHerald) เมื่อเดือนสิงหาคม 2023 ที่ผ่านมา แสดงถึงความตั้งใจอันแน่วแน่ในการคงบทบาททั้ง โด คยองซู ในฐานะนักแสดง และ ดีโอ ในฐานะสมาชิก EXO กับศิลปินเดี่ยว ที่แม้ใครหลายคนจะมองว่าสองอาชีพนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง 

ในทางกลับกัน เมนโวคอลแห่ง EXO คนนี้ แสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาว่า ประสบการณ์การเป็นไอดอลกว่า 11 ปี ที่ได้ฝึกฝนอะไรมากมาย โดยเฉพาะการเต้น ทำให้เขาแสดงบทบาท ฮวัง ซอนอูใน The Moon ได้ง่ายขึ้น เมื่อต้องห้อยโหนกับสลิงและอยู่ในภาวะสุญญากาศ

อย่างไรก็ตาม หากจะทำความรู้จักคยองซูในฐานะศิลปินเดี่ยว ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2012 เมื่อ EXO เดบิวต์ด้วย What is Love เพลงอาร์แอนด์บีร่วมสมัย เผยความแข็งแกร่งของเมนโวคอล EXO (หรือ EXO-K ในเวลานั้น) คือแบคฮยอนและดีโอ

ในเวลานั้น ศักยภาพของแบคฮยอนและดีโอ ต่างทำให้ใครหลายคนตกตะลึง เพราะไม่คิดไม่ฝันว่า ไอดอลหน้าใหม่จะร้องเพลงได้ในระดับ ‘เด็กจบใหม่ประสบการณ์ 10 ปี’ โดยเฉพาะน้ำเสียงแข็งแกร่ง และนุ่มนวลในเวลาเดียวกัน

 แม้จะมีบางอย่างติดขัดในช่วงแรกของการเดบิวต์ แต่ดีโอก็ทำได้ดีและพัฒนาตนเองมาตลอด โดยเฉพาะการรับหน้าที่เป็นนักร้องเสียงหลักของฝั่ง EXO-K คู่กับแบคฮยอน

 จนกระทั่ง การแสดงในงานประกาศรางวัล MNet Award Music Asian (MAMA) ปี 2014 ดีโอเผยศักยภาพศิลปินเดี่ยวในเพลง Tell Me (What Is Love) ซึ่งได้รับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2016 ร่วมกับ ยู ยองจิน (Yoo Yung-Yin) ปรมาจารย์แนวเพลงอาร์แอนด์บี แห่ง SM Entertainment ในเวลานั้น  

‘แยกเสียงกันไม่ออกเลย อันไหนเสียง ยู ยองจิน อันไหนเสียงคยองซู’

‘เมนโวคอล EXO ร้องเพลงได้ขนาดนี้เลยเหรอ’

ความเห็นส่วนหนึ่งของสาธารณชน เมื่อได้ฟังเพลงนี้ครั้งแรก และนับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ นำไปสู่สไตล์การร้องเพลงอาร์แอนด์บี อันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเขา 

อย่างไรก็ตาม ตัวตนในแนวเพลงของคยองซูค่อยชัดเจนเรื่อยๆ เมื่อเขามักเลือกร้องเพลงสากลบ่อยครั้ง หากต้องแสดงความสามารถในรายการวาไรตี้ หรือการแสดงเดี่ยวในคอนเสิร์ต 

ทั้งการออกเสียงภาษาอังกฤษชัดถ้อยชัดคำ รื่นหู น้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ ฟังสบาย นั่นจึงทำให้ใครหลายคนเริ่มคาดเดาว่า อนาคตในฐานะศิลปินเดี่ยวของ คยองซู อาจเน้นการทำแนวเพลงอาร์แอนด์บี หรืออะคูสติกเป็นหลัก 

ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริง คยองซูฝากผลงานในแนวเพลงอาร์แอนด์บี อะคูสติก ในฐานะศิลปินเดี่ยวภายใต้โปรเจกต์ SM Station ด้วยเพลง That’s Okay ในปี 2019 ก่อนที่จะต้องไปรับใช้ชาติในกรมทหารเกาหลีใต้

แม้จะใช้เวลาเผยศักยภาพเต็มตัวนานเป็นพิเศษ เมื่อเทียบนักร้องเสียงหลักคนอื่นๆ ของวง อย่าง เฉิน ที่ปล่อยมินิอัลบั้มชุดที่หนึ่ง April, and a Flower ในปี 2019 รวมไปถึงมินิอัลบั้มแรกของแบคฮยอนอย่าง City Lights ที่ปล่อยในปีเดียวกัน 

แต่ท้ายที่สุด คยองซูก็กลับมาในฐานะศิลปินเดี่ยว พร้อมกับมินิอัลบั้มชุดแรก Empathy ในปี 2021 โดยมี Rose เป็นเพลงไตเติลที่ทำให้ใครหลายคนพยักหน้าตามว่า เหมาะกับน้ำเสียงและตัวตนของเขาเป็นอย่างมาก

จาก Empathy สู่ Expectation: ตัวตนที่โตขึ้นของคยองซูในช่วงอายุ 30 ปี

สำหรับ EXO-L ผู้ที่คุ้นเคยกับคยองซูเป็นอย่างดี ปี 2023 นับว่าเป็นหมุดหมายสำคัญแห่งการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างสำหรับผู้ชายคนนี้ 

โดยเฉพาะการริเริ่ม ‘ทำ’ ในสิ่งที่หลายคนไม่คิดมาก่อน นับตั้งแต่การเปิดแอ็กเคานต์อินสตาแกรม (Instagram) การออกรายการวาไรตี้อย่างจริงจัง ได้แก่ No Math School Trip และ KongKongPatPat ที่กำลังจะออนแอร์ รวมถึงการเผยเสน่ห์ ‘เซ็กซี่’ ฉบับผู้ใหญ่ในการคัมแบ็กครั้งล่าสุดของ EXO จากอัลบั้ม EXIST 

อัลบั้ม Expectation ก็ได้รับอิทธิพลจากการเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตของคยองซูเช่นกัน แม้จะทิ้งกิมมิกที่เหมือน Empathy มินิอัลบั้มแรก คือการเล่นกับตัว E หรือ ㄱ ในภาษาเกาหลี ทว่าแนวเพลง ท่วงทำนอง เรื่องราว และการปรากฏตัวต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

Expectation เปิดตัวด้วย I Do เพลง Pre-release แนวป็อปอะคูสติกที่มีเนื้อหาน่ารัก เป็นภาคต่อของเพลง That’s Okay เมื่อชีวิตธรรมดาของผู้ชายขี้เหงาคนหนึ่ง กลายเป็นวันที่แสนพิเศษ หลังได้เจอคนที่รักและต้องการอยู่ไปทั้งชีวิต

“ผมเลือกเพลงนี้เป็นเพลง Pre-release เพราะเนื้อเพลงมีความสวยงาม ตอนผมฟังนี้ ผมมีความสุขมากๆ และก็หวังว่าทุกคนจะรู้สึกเหมือนกัน” คยองซูเผยสาเหตุที่เขาเลือกเพลง I Do ใน D.O. ‘Expectation’ Live Video ในวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา 

ขณะที่ทีเซอร์รูปภาพของคยองซู ก็เผยให้เห็นด้านใหม่ๆ ที่โตขึ้นใน 4 ลุก 4 สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นภาพลักษณ์ที่หลุดออกมาจากภาพยนตร์ของ หว่อง กาไว (Wong Kar Wai) หนุ่มดอกไม้ ผู้ชายที่มีความเรียบง่าย และหนุ่มวัยใส รักแรกของใครหลายคน

(ที่มา: SM True)

นอกจากนี้ มินิอัลบั้มชุดที่สองยังตอกย้ำความหวานปนขม ด้วยเรื่องราวจาก Highlight Medley โดยคยองซูรับบทเป็นพระเอกด้วยตนเอง คู่กับ คิม มินฮา (Kim Min-ha) นักแสดงสาวดาวรุ่งจากซีรีส์ปาจิงโกะ (Pachinko) 

 นับว่า Highlight Medley ถ่ายทอดตัวตนและกลิ่นอายของอัลบั้ม Expectation ได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะความสามารถในการแสดง เคมีของคู่พระนาง และองค์ประกอบในฉากที่แอบแปรเปลี่ยนทีเซอร์อัลบั้มเพลง เป็นหนังสั้นว่าด้วยความรักที่ลืมไม่ลงของผู้ชายคนหนึ่ง

ทว่าหลังพายุโหมกระหน่ำ ท้องฟ้าย่อมสดใส ผู้ชายคนนั้นสามารถเริ่มต้นใหม่ในเพลง Somebody เพลงไตเติลของอัลบั้มแนวโฟลก์ป็อบ แต่ยังคงจุดเด่นในเสียงกีตาร์อะคูสติกเหมือนเดิม โดยมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการคาดหวังและ ‘ตัวตนที่แท้จริง’ ในการรักใครสักคน

ความพิเศษของมิวสิกวิดีโอนี้ ยังมีนางเอกเอ็มวีคนแรกในบรรดาเพลงไตเติลทั้งหมดอย่างเป็นทางการ โดย อี แจอิน (Lee Jae-in) นักแสดงที่ฝากผลงานใน Who Are You: School 2015 (2015), Undercover (2021) และ Racket Boys (2021) ร่วมถ่ายทอดเรื่องราวกับคยองซู เมื่อผู้ชายคนหนึ่งตกหลุมรักใครอีกคนด้วยตัวตนที่ไม่ปรุงแต่ง แม้จะไม่สมบูรณ์แบบก็ตาม

ซึ่งก็เรียกเสียงฮือฮาจาก EXO-L ทั้งบทเพลงที่ออกมาดีเยี่ยมสมกับการคาดหวัง และเรื่องราวน่ารักๆ ในเอ็มวี ทำให้หลายคนอยากตกหลุมรักหรือมีแฟนตามกันไป ขณะที่คยองซูก็แสดงความเห็นว่า อยากให้ทุกคนฟังเพลงนี้อย่างสบายๆ

“เวลาที่ควรฟังเพลง Somebody เหรอ? ตอนพระอาทิตย์ตกดิน ตอนขับรถ ตอนดื่มกาแฟ ผมคิดว่าเพลงนี้เหมาะกับช่วงเวลานี้ คุณสามารถฟังอย่างสบาย” เขาแสดงความคิดเห็นในไลฟ์ 

ตัวตนที่โตขึ้นของคยองซูยังเผยเห็นผ่านเพลง B-Side อื่นๆ ในอัลบั้ม ไม่ว่าจะเป็น Wonder เพลงโฟล์กผสมจังหวะเรกเก้ ให้กลิ่นอายเหมือนเพลง Rose ในเวอร์ชันที่โตขึ้น หรืออย่างใน Ordinary Days เพลงป็อปจังหวะช้าๆ ทำให้นึกถึงแนวเพลงอินดี้ของเกาหลีใต้ 

รวมถึง The View แนวเพลงป็อปอะคูสติก ให้ความรู้สึก Dramatic ราวกับการเสพหนังดีๆ สักเรื่องหนึ่ง ปิดท้ายด้วยเพลง Lost ทั้งเวอร์ชันธรรมดาและเวอร์ชันอะคูสติก ที่เพิ่มความเข้มข้นน้ำเสียง ในการถ่ายทอดอารมณ์สูญเสียคนรัก

ทั้งหมดนี้จึงนับว่าเป็นอีกหนึ่งผลงานที่ดีเยี่ยมจากคยองซู ในฐานะศิลปินเดี่ยว สมกับการรอคอยและความคาดหวังตามชื่ออัลบั้ม แสดงให้เห็นจากการคว้าอันดับหนึ่งบนชาร์ตเพลงต่างๆ ทั้ง Hanteo Chart, QQ Music, Kyobo Book Centre, Worldwides Itunes Album และ Itunes Top Album อีก 42 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย 

(ที่มา: SM True)

อย่างไรก็ตาม อาจจะต้องกล่าวถึงปัญหาเดิมๆ ในการดำเนินงานของต้นสังกัด (ซึ่งเกิดขึ้นกับ EXO ในระยะหลังด้วยเช่นกัน) เมื่อคยองซูไม่ได้รับการโปรโมตที่เพียงพอ ทั้งความล่าช้า ความพิถีพิถันในงาน และการโปรโมตที่น้อยนิด 

โดยเฉพาะการออกรายการเพลง ที่ EXO-L รอคอยตั้งแต่อัลบั้ม Empathy กลับไม่มีแผนอย่างชัดเจน เนื่องจากแผนงานชนกับการแข่งขันเอเชียนเกม (Asian Game) และเทศกาลชูซ็อก (Chuseok)

ยังไม่รวมแนวโน้ม ‘การคอลแลปส์’ กับลาวฟ์ (Lauv) ที่อาจไม่ได้รับการตอบรับเหมือนครั้งที่ผ่านมา เมื่อนักร้องหนุ่มแท็กหาแอ็กเคานต์ออฟฟิเชียล @weareoneEXO และฟอลโลวอินสตาแกรม หลังคลิปวิดีโอที่คยองซูร้องเพลง Steal the Show กลายเป็นไวรัลทั่วโลกออนไลน์

“เหมือน SM ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรกับความสามารถของเขา” คอลัมนิสต์ในเว็บ The Bias List ผู้รีวิวเพลง Rose แสดงความคิดเห็นกับสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อเสียงร้องของคยองซู โดยเฉพาะความโดดเด่นในการร้องเพลงแนวอาร์แอนด์บี ควรจะได้ฉายแสงต่อโลกภายนอกมากกว่านี้

นั่นจึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย หากความตั้งใจ โอกาส และศักยภาพที่ล้นเปี่ยมของศิลปินคนหนึ่ง จะถูกปิดกั้นจากสาเหตุและความผิดพลาดบางอย่าง ที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่อาจให้อภัยได้

อ้างอิง

https://twitter.com/dyonigiri/status/1698175938289373626

https://n.news.naver.com/entertain/article/119/0002740345

https://www.koreaherald.com/view.php?ud=20230802000560

https://thebiaslist.com/2019/07/01/song-review-d-o-exo-thats-okay/

https://twitter.com/ksooheartsmile/status/1703690144929501188

https://thebiaslist.com/2021/07/26/song-review-d-o-exo-rose/

Tags: , , , , , , , , , , , , , , , , , ,