1

“เขาว่าเวลาเราตกหลุมรักใคร เราจะรู้สึกไปก่อนแล้วถึงค่อยคิดหาเหตุผล” เพื่อนสาวผู้กำลังผิดหวังในความรักเอ่ยขึ้น

ฉันคิดตามแล้วพยักหน้า ตอนนี้อายุขยับเข้าใกล้เลขสามเข้าไปทุกที ระบบสมองและหัวใจยังแทบไม่มีวิวัฒนาการ เราจะรู้ตัวว่าชอบก็ต่อเมื่อชอบไปแล้ว สมองจะลืมใคร่ครวญ เราถึงได้ตกหลุมรักคนที่ไม่น่าจะรัก ตกหลุมรักคนที่ไม่ตั้งใจ

“อือ ฉันยังเคยชอบคนเพี้ยน มันบอกว่ามันเป็นโปเกมอน”

คิดอะไรไม่ซับซ้อน (ช่างไม่พยายามเข้าใจเราเลย) อยากทำอะไรก็ทำ (แล้วเอาความต้องการฉันไปไว้ไหน) ชอบเล่นสนุก (ดูอารมณ์คนทางนี้ด้วย) แถมยังลืมง่าย (แต่ฉันจำไง!)

บางเวลาผู้หญิงผู้ชายช่างเหมือนสิ่งมีชีวิตคนละเผ่าพันธุ์ แล้วฉันก็ดันเป็นเทรนเนอร์ห่วยๆ ด้วย

“แล้วคบกับโปเกมอนเป็นไง” เธอซัก

จะยังไงต่อ เราอยู่ด้วยกันได้แค่แป๊บเดียวก็เลิกลากันไป ไม่ใช่เพราะนางเป็นโปเกมอนหรอก แต่นางเป็นแมวที่ต้องการอิสระสุดๆ ต่างหาก ความบ้าบอ ความไร้ระเบียบแบบแผน ความตลก คุณสมบัติที่ตัวฉันเองผู้คร่ำเคร่งมีได้แค่ในฝัน พอมันมาอยู่ในตัวผู้ชายตรงหน้า เขาก็กลายเป็นคนในฝันโดยไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ   

พอนึกเทียบกับเพื่อนผู้ชายสมัยมัธยมปลายที่ใจดี เล่นดนตรีเก่ง อบอุ่น มุ่งมั่น ที่ฉันไม่ได้รักตอบแล้วก็น่าสงสัย

เราจะตกหลุมรักคนที่ไม่น่าอยู่ร่วมกันในชีวิตจริงได้อีกสักกี่ครั้งกัน

2

ฉันตกหลุมรักและสมัครเป็นแฟนคลับทางใจของผู้หญิงชื่ออุรุดา โควินท์ จากหนังสือชื่อ ผู้ชายในฝัน พ็อกเก็ตบุ๊กในยุคกลางของเส้นทางการเขียนของเธอ ก่อนเธอจะดังสุดๆ ตอนเขียนถึงอดีตคนรักนักเขียนซีไรต์ออกมาเป็นหนังสือชื่อ หยดน้ำหวานในหยาดน้ำตา

เล่มหลังมันจริงแสนจริง แต่เล่มผู้ชายในฝันมันน่ารักแก่นเซี้ยว เธอเป็นนักเขียนคนแรกที่ทำให้ได้รู้ว่าแม้จะใช้ภาษาบอกเล่าแบบคนกันเองก็ออกมาเป็นวรรณกรรมอ่านสนุกรสกลมกล่อมได้เหมือนกัน  

แต่ละตอนเธอจะเขียนถึงผู้ชายในฝันคนนั้นคนนี้ ดาราบ้าง ศิลปินบ้าง ตัวละครบ้าง คนในชีวิตบ้าง เปิดเปลือยอารมณ์หญิงๆ อย่างแมนๆ ได้แสนพอดี แล้วก็บังเอิญชะมัดที่ฉันเคยคุยกับผู้ชายในฝันตัวจริงของเธอบางคน ตูน-บอดี้แสลมงี้ เป้-อารักษ์ งี้ (แต่เขาจำฉันไม่ได้หรอกนะ)

ความเป็นเด็กทำให้หน้าหล่อมากกลายเป็นความหล่อที่เข้าถึงง่าย เป้คือหนุ่มรูปงามที่บางเวลาเดินหลังค่อม หัวกระเซิง ใส่เสื้อคอย้วย และสิ่งสำคัญ เขาตลก

จริงๆ นะ ผู้ชายน่ะ  หาได้เซ็กซี่เพราะกล้ามเนื้อหรือแววตา อารมณ์ขันต่างหาก ที่ทำให้คุณน่าเสน่หา คุณทำให้ฉันหัวเราะมากเท่าไหร่ ฉันก็อยากกอดคุณมากเท่านั้น

ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้สมัยที่ยังเด็กกว่านี้ และจำสิ่งที่เธอเล่าได้แม่นยำมากว่า ฝันกลางวันหาใช่เรื่องจริง เราจะเลือกฝันถึงใครก็ได้ แต่สิ่งที่น่ากลัวคือฝันตอนกลางคืนต่างหาก ฝันนั้นคือจิตใต้สำนึก และนั่นแปลว่ามันไม่ใช่แค่ฝัน เราอาจกำลังถวิลหาใครคนนั้นจริงๆ หรือไม่มันก็มีความหมายอะไรสักอย่าง

ตลกดีที่ฉันแทบไม่ฝันกลางวัน รู้ตัวดีว่าต่อให้ฝันก็คือสิ่งไร้สาระ แต่ในฝันตอนกลางคืน ฉันเคยเห็นพ่อ เห็นเจ้านายเก่า เห็นคนที่ชอบและได้กอดหรือจูบ แม้กระทั่งวันที่ใครคนนั้นกลายเป็นคนรักเก่า เขาก็ยังมาหาในฝัน

เราอาจทะเลาะหรือยิ้มให้กัน และฉันก็อาจร้องไห้หรือรู้สึกปีติในห้วงเวลานั้น ฝันบอกใบ้ว่าฉันจดจำอดีตคนรักในรูปแบบใด และฝังใจกับความรักครั้งก่อนแค่ไหน

อาจเพราะความเชื่อมโยงนี้ ฉันเลยชอบตอนที่อุรุดาเรื่องวางตำแหน่งตัวละครผู้ชายในฝันให้เป็นคนรักเก่า ถ้าเลือกได้ ฉันอยากพบแฟนเก่าในฝันเหมือน ‘เธอ’ พบอดีตคนรักอย่าง ‘เก่ง’ อีกครั้งในสนามกีฬา

เก่งคืออดีตหนุ่มนักฟุตบอลที่ไม่เหลือคราบความหล่อจนเธอยังตกใจ แต่ภายใต้บทสนทนาสั้นๆ เธอก็ได้รู้ว่าเขากลายเป็นพ่อ เป็นผู้บริหาร เป็นผู้ชายที่ยังมีจิตใจของนักกีฬาไม่เปลี่ยนแปลง แล้วทั้งคู่ก็แค่นั่งจิบเบียร์กันหลังเธอวิ่งเสร็จ พลางนั่งเม้าธ์ถึงนมใหญ่ๆ ของแฟน เอ็มมานูเอล เปอตีต์ นักฟุตบอลที่ทั้งคู่เป็นแฟนคลับเหมือนกัน

บางทีชีวิตเราก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านี้ อดีตไม่ได้หอมหวานเหมือนเคย แต่ก็ไม่ได้ขมขื่นอีกต่อไป

ฉันไม่อยากฝันแบบที่ต้องเจอ ‘ต้อม’ อดีตสามีสถาปนิกฝีมือดีที่ ‘เธอ’ ในเรื่องเคยฝันอยากมีบ้านแบบบาวาร่วมกัน เขารับปากจะเป็นคนสร้างให้เธอ แต่ก่อนเจฟฟรี่ บาวา ตายไม่กี่ปี คำว่าเราของพวกเขาก็พลัดปลิวหายไป

ฉันยังเคยเลือกเขาเลย ฉันเลือกเขาเป็นเพื่อน เป็นสถาปนิกประจำตัว และเป็นคู่ชีวิต ฉัน (ตอนนั้น) มั่นใจว่าเราเหมาะสมกันที่สุด ฉันอยากได้คนแบบนี้ แล้วฉันก็เจอ ใช่เลย ไม่มีใช่ไปมากกว่านี้อีกแล้ว

แต่ความจริงฉันอยากอยู่กับบาวาต่างหาก ฉันอยากแต่งงานกับบาวา อยากอยู่ในบ้านริมน้ำหลังนั้น

เราตัดสินใจเร็วเกินไป ตัดสินใจโดยไม่รอถามวันเวลา ว่าเราอยากอยู่ด้วยกันจริงๆ หรือเปล่า เรารักกันจริงๆ หรือเปล่า

ถ้าฉันรักเขาจริง ฉันต้องอดทนได้มากกว่านี้

และถ้าเขารักฉัน เขาก็คงไม่ทำอย่างนั้น

นี่เป็นตัวอย่างว่างานอุรุดาเนี่ยอ่านไปเพลินๆ เถอะ ระวังจะเผลอสะดุดกับบางประโยคที่จริงแสนจริง ทำให้เพลิดเพลินแล้วก็แอบกระชากอารมณ์ให้เรากลับมามองรอยแผลในตัวตน

แต่ก็เพราะแบบนี้แหละมั้ง เราถึงได้ลืมไม่ลง

ทั้งหนังสือ ทั้งผู้ชาย

3

“ทำไมคนที่ฉันชอบมักเป็นคนเว้าๆ แหว่งๆ ไปเสียทุกคนเลย คนที่ร่าเริงที่สุด ตลกที่สุดก็ไม่เว้น”

“มีใครไม่แหว่งด้วยเหรอวะ” เพื่อนย้อนถาม

ฉันก็แค่เปรยๆ เท่านั้นแหละ นึกไปนึกมาแล้วไม่อยากเพิ่มจำนวนแฟนเก่าเพราะความเปราะบางของตัวเอง ก็เลยอยากให้ใครคนนั้นมีหัวใจที่ใหญ่และแข็งแกร่งกว่าสักนิดก็เท่านั้น

แต่มันบ้าตรงที่พอใครสักคนเปิดเผยด้านไม่สมบูรณ์แบบให้ฉันเห็น ยากชะมัดที่จะไม่อยากรักเขา

รู้ดี ผู้ชายในฝันมีแต่ในฝัน ไม่ว่าฝันกลางวันหรือกลางคืน ในความจริงแล้ว ด้านมืดของพระจันทร์ในตัวเขาต่างหากที่ทำให้อยากกอบเก็บ แม้สุดท้ายเราจะทิ่มแทงกันจนลาจาก แต่ฉันห้ามหัวใจไม่ได้ ภาพผู้ชายในฝันจะเกิดขึ้นใหม่และสลายลงไปนับครั้งไม่ถ้วน นี่คือสัจธรรมที่ต้องเป็นไป

แล้วฉันก็ลืมไปเลย ว่าฉันเคยเป็นอย่างไร ฉันลืมไปว่า ฉันไม่ชอบหวัง เพราะไม่อยากผิดหวัง เหมือนที่ฉันไม่ค่อยเชื่อ เพราะไม่อยากถูกหักหลัง ฉันกลัวความสูญเสียขึ้นสมอง ไม่อยากเห็นใครเดินจากไปอีกไม่ว่าจะแบบเป็นหรือตาย

ช่างหัวมัน ที่พร่ำมาทั้งหมดนั่นน่ะ ฉันโยนทุกอย่างให้พ้นทาง แล้วเอาแต่จ้องดวงตาซึ่งมีนรกอยู่ข้างใน

ถ้าโชคดี เราจะยังอยู่ด้วยกันอย่างปราศจากภาพฝัน

ถ้าโชคไม่ดี อย่างน้อยพวกเขาจะหลงเหลือเศษส่วนตัวตนไว้ในชีวิตจริงของเรา และมันอาจทำให้ความเว้าแหว่งในตัวเราลดน้อยลงบ้าง

“แกต้องเลิกมองหาความขาวความดำในชีวิตได้แล้ว ปล่อยให้มันเทาๆ บ้างดิวะ” โปเกมอนตัวนั้นได้เคยเอ่ย (ด่า) ไว้ ตอนนั้นเพอร์เฟกชั่นนิสต์อย่างฉันฟังแล้วสะอึก แล้วเราก็วางสายเพราะคุยกันไม่รู้เรื่อง

แต่พอผ่านไปหลายๆ ปีจนฉันกล้าด่ากลับ (อย่างรักใคร่) ผ่านโทรศัพท์หรือแชทเฟซบุ๊กบ้าง มันช่างเป็นประโยคโรแมนติก โรแมนติกยิ่งกว่าคำใดสมัยรักฟุ้งจนมองไม่ชัดสักอย่าง

ผู้ชายในฝันไม่เคยมีอยู่จริง มีก็แต่โปเกมอนเท่านั้นแหละ

Tags: , ,