วันนี้ (5 ก.ย. 2562) ที่ห้องพิจารณา 903 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.1318/2561 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายณรงค์ศักดิ์ พลายอร่าม, นายชัชวาล ปราบบำรุง, นายทวีชัย วิชาคำ, นายสมศรี มาฤทธิ์ และนายพีรพงษ์ หรือธานินทร์ สินธุสนธิชาติ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐาน เจตนาฆ่าผู้อื่น, พ.ร.บ.อาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุน เครื่องยุทธภัณฑ์ ฯลฯ
คดีนี้เกิดเมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2557 ทั้งห้าคนถูกฟ้องว่า เวลากลางคืนจำเลยทั้งห้า กับพวกอีกหลายคนที่ยังหลบหนี ได้ร่วมกันใช้เครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 40 มิลลิเมตรหรือเอ็ม 79 กระสุนระเบิดชนิดสังหาร 6 ลูก ยิงใส่กลุ่ม ผู้ชุมนุม กปปส. บริเวณเวทีถนนแจ้งวัฒนะ ใกล้กับศูนย์ราชการ โดยมีเจตนาฆ่ากลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. และประชาชนทั่วไปให้ถึงแก่ความตาย โดยพวกจำเลยให้การปฏิเสธ ขอต่อสู้คดี
วันนี้ศาลเบิกตัวพวกจำเลยจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาศาล
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์จำเลยนำสืบแล้วเห็นว่า พยานโจทก์แต่ละปากต่างเป็นผู้ได้รับคำบอกเล่าจากจำเลยที่ 1 และ 5 และนายยงยุทธ หรือชินจัง บุญดี ทั้งสิ้น โดยจำเลยที่ 1 และ 5 เบิกความยืนยันหลังถูกจับกุมไว้ในค่ายทหารตามกฎอัยการศึกว่า ถูกทำร้ายร่างกาย ขู่เข็ญให้รับสารภาพ และนำเอกสารต่างๆ มาให้ลงชื่อโดยไม่ทราบข้อความ หลังจากจำเลยที่ 1 พ้นจากการควบคุมของทหาร จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ โดยมีผลการตรวจร่างกายจากโรงพยาบาลมายืนยัน
ด้านจำเลยที่ 5 ยืนยันถูกทำร้ายร่างกาย และทหารโน้มน้าวจูงใจให้ช่วยเหลือราชการโดยจะไม่ถูกดำเนินคดี ขณะที่นายยงยุทธ พยานเมื่อพ้นจากการควบคุมของทหารได้ให้การปฏิเสธ ยืนยันว่าไม่ได้สารภาพโดยสมัครใจ ส่วนจำเลยที่ 2-4 ให้การปฏิเสธตลอดมา พยานโจทก์ที่นำสืบมายังไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่าจำเลยทั้ง 5 กระทำความผิดตามฟ้องโจทก์ พิพากษายกฟ้อง
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2561 ศาลอาญายกฟ้องจำเลยทั้ง 4 คน คือนายชัชวาล ปราบบำรุง, นายสมศรี มาฤทธิ์, นายสุนทร ผิผ่วนนอกและนายทวีชัย วิชาคำ ในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าโดยเจตนา และครอบครองยุทธภัณฑ์ ตามพ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนฯ จากคดีระเบิดเวที กปปส. แจ้งวัฒนะ 3 ครั้งในช่วงต้นปี 2557 (8 ก.พ., 10 มี.ค. และ10 เม.ย.) โดยยกเหตุไม่มีประจักษ์พยานและจุดยิงที่ตำรวจสันนิษฐานมีทั้งทหารประจำจุดและแนวรั้วยางของผู้ชุมนุมอยู่หากมีการยิงตามจุดเหล่านั้นเจ้าหน้าที่ก็ติดตามจับกุมได้ อีกทั้งศาลยังรับฟังพยานปากสำคัญ นายยงยุทธ บุญดี หรือ “แดง ชินจัง” ว่าถูกเจ้าหน้าที่จูงใจให้สารภาพว่าร่วมก่อเหตุกับจำเลยคดีนี้แล้วจะไม่ดำเนินคดี
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2560 ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้ประหารชีวิตจำเลยทั้ง 4 แต่เนื่องจากรับสารภาพในชั้นสอบสวนเหลือโทษจำคุกตลอดชีวิต ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และพกพาอาวุธ โดยคำบรรยายฟ้องระบุว่า ทั้งสี่ได้ร่วมกันยิงกระสุนระเบิดขนาด 40 มม. ด้วยเครื่องยิง M79 ไปตกลงบริเวณที่ชุมนุมของ กปปส. ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ราชดำริ เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2557 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บสาหัส 9 ราย และได้รับอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจอีก 12 ราย และทำให้แผงร้านค้าและรถตุ๊กตุ๊กที่จอดอยู่ในบริเวณจุดเกิดเหตุได้รับความเสียหาย
ข้อมูลประกอบจาก
https://www.tlhr2014.com/?p=6187
https://www.tlhr2014.com/?p=4959
Tags: กปปส., ระเบิด, นปช.