“จุดเริ่มต้นของงานนี้ เกิดจากความตั้งใจที่เราอยากพาทีมลิเวอร์พูลมาฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีกในรอบสามสิบปีของพวกเขาที่เอเชีย แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ในตอนนั้น ทำให้โปรเจกต์นี้ต้องพับเก็บไป จนในปีนี้ (2022) ที่เอเจนซีของลิเวอร์พูลติดต่อมาว่า พวกเขาพร้อมแล้ว ผมก็มานั่งคิดว่าจะให้ฉลองแชมป์ตอนนี้คงช้าไปแล้ว จึงลองเปลี่ยนวิธีคิด เปลี่ยนคอนเซปต์ใหม่”
“ถ้าทีมลิเวอร์พูลเตะกับทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เป็นศึกแดงเดือดครั้งแรกในทวีปเอเชีย จะเป็นไปได้ไหม”
วินิจ เลิศรัตนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด เล่าถึงเหตุการณ์สำคัญเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งนักเตะและทีมงานของสโมสรลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เดินทางมาประเทศไทย เพื่อร่วมแข่งขันในงาน The Match Bangkok Century Cup 2022 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งถือเป็นนัดอุ่นเครื่องก่อนเปิดฤดูกาล และที่สำคัญ เป็น ‘ศึกแดงเดือด’ ครั้งแรกในทวีปเอเชีย
ในวันนั้น บรรยากาศเต็มไปด้วยความครึกครื้นของแฟนฟุตบอลชาวไทยหลายหมื่นชีวิตที่ร่วมกันร้องเพลงเชียร์กันอย่างสนุกสนาน รวมถึง ‘ความฟิน’ ของเหล่า ‘อากาเซ่’ ที่ได้ชมการแสดงช่วง Opening Ceremony ของ แจ็กสัน หวัง (Jackson Wang) และความสะใจของแฟนคลับผีแดง หลังจากแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดสามารถเอาชนะการแข่งขันไปได้ 4-0 ประตู และถือเป็นความสำเร็จของ บริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด ที่สามารถจัดงานระดับ Mega Event ได้สำเร็จลุล่วง
แต่ก่อนจะเป็นโปรเจกต์ใหญ่ระดับนี้ เบื้องหลังการจัดงานตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมานั้นเต็มไปด้วยปัญหารอบด้านและความกดดันตลอดเวลา ที่หากมองแค่เรื่องขาดทุนและกำไร วินิจบอกว่าจะไม่มีทางสามารถจัดงานแบบนี้ให้เกิดขึ้นได้
“มันไร้สาระและน้ำเน่ามาก ภาษาแย่ๆ คือ Bullshit ไม่มีทางที่เรื่องนี้จะเกิดขึ้นถ้าเป็นนักธุรกิจ แต่ผมไม่ใช่นักธุรกิจ ผมไม่ใช่นักลงทุน ผมเป็นนักอะไรก็ไม่รู้ แต่ผมตัดสินใจด้วยชีวิตผมดีกว่า…
“ผมเปิดเผยเรื่องนี้ที่ The Momentum เป็นครั้งแรก ไม่เคยพูดกับลูกกับเมีย ไม่เคยพูดกับลูกน้อง ไม่เคยพูดกับคนในบริษัทใดๆ ทั้งสิ้น…”
เกิดเรื่องราวอะไรขึ้นบ้างในะระยะเวลา 3 ปี ก่อนที่จะสำเร็จเป็น The Match Bangkok Century Cup 2022 งานระดับ Mega Event ประวัติศาสต์งานหนึ่งของประเทศไทย
คุณเริ่มหลงใหลฟุตบอลตั้งแต่เมื่อไร
คงต้องย้อนไปตั้งแต่สมัยโทรทัศน์ยังเป็นสีขาวดำครับ สมัยฟุตบอลโลกปี 1978 ที่ประเทศอาร์เจนตินาเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก ซึ่งทีมชาติอาร์เจนตินาตอนนั้นมีนักเตะอย่าง มาริโอ เคมเปส (Mario Kempes) และนักฟุตบอลคนอื่นที่ตัวใหญ่แข็งแรงมาก แล้วก็เล่นฟุตบอลด้วยลีลาที่สวยงาม สนุก ผมก็เลยเริ่มตามเชียร์มาตั้งแต่ตอนนั้น
จากนั้นการดูฟุตบอลก็ต่อเนื่องมาเรื่อยๆ จนกระทั่งปี 1990 ที่มีโอกาสไปดูฟุตบอลโลกที่อิตาลี ตอนนั้นจำได้ว่ามีบริษัททัวร์ในประเทศไทยไปได้ตั๋วมา แล้วจัดแพ็กเกจทัวร์พาคนไทยชุดแรกเลยไปดูฟุตบอลโลกในต่างประเทศ ผมเองก็ซื้อทัวร์นั้นนะ ไปดูสามเกม ทั้งในสนามสตาดีโอจูเซปเปเมอัซซา (Stadio Giuseppe Meazza หรือ San Siro) ซึ่งทีมชาติอาร์เจนตินาเป็นยุคของ ดิเอโก มาราโดนา (Diego Maradona) ต้องเตะกับทีมชาติแคเมอรูนเพื่อป้องกันแชมป์ แล้วก็ในเมืองตูรินเกมหนึ่ง และสนามลุยจิเฟอร์ราริส (Stadio Comunale Luigi Ferraris) เป็นสนามสุดท้าย
พอกลับมาจากทัวร์ครั้งนั้นคือชีวิตเปลี่ยนเลย หลังจากนั้นผมตั้งเป้ากับตัวเองว่าจะไปดูฟุตบอลโลกทุกสี่ปี จนกระทั่งปี 1994 ที่สหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าภาพ ผมก็วางแผนส่วนตัวเลย ไปจองตั๋วเครื่องบินเอง จองแพ็กเกจตั๋วโดยตรงกับฟีฟ่า ไม่จองผ่านเอเจนซี แล้วก็ตามดูทีมที่ชอบเองทั้งหมด ทีมชาติบราซิล ทีมชาติเนเธอแลนด์ ทีมชาติอาร์เจนตินา ทีมชาติเยอรมนี ทีมชาติอิตาลี ซึ่งการจะตามดูทีมเหล่านี้ได้ครบทุกสายในกลุ่ม ผมก็จำเป็นจะต้องซื้อตั๋วแบบ Platinum Package จำได้ว่าผมซื้อไปประมาณสี่ถึงห้าแพ็กเกจ ซึ่งจะเข้าชมได้ตั้งแต่รอบแรกจนถึงรอบสิบหกทีมสุดท้าย แล้วเท่าที่จำได้ผมก็ซื้อรอบก่อนรองชนะเลิศมาด้วยอีกแพ็กเกจหนึ่ง เรียกได้ว่าตามดูทีมรักแทบทุกนัดตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนกว่าๆ ไปกันสองคนกับภรรยา ก็ถือเป็นการดูบอลครั้งสำคัญของตัวเอง
ที่น่าสนใจคือฟุตบอลโลกครั้งนั้น ช่วงพักเบรกระหว่างครึ่งของการแข่งขันจะมีโชว์ของ The Eagles reunited มีโชว์ของ Pink Floyd ที่สนาม Giant Stadium ในเมืองนิวยอร์ก คือปีนั้นเราได้เห็น Sports Entertainment เป็นครั้งแรก และได้รู้ว่าสองสิ่งนี้มันไปด้วยกันได้ตั้งแต่ตอนนั้น
จากจุดนั้นทำให้มุมมองในการชมกีฬาของคุณเปลี่ยนแปลงไปใช่ไหม
ใช่ครับ ไม่ใช่แค่ทัวร์นาเมนต์ใหญ่อย่างฟุตบอลโลกเท่านั้นนะ กีฬาประจำชาติของเขาอย่างอเมริกันฟุตบอล บาสเกตบอล พอผมไปดูที่สหรัฐอเมริกา ก็ได้ดูโชว์เหล่านี้ตลอด
ที่ผมมาเริ่มสังเกตว่าการเปลี่ยนแปลงเริ่มขึ้นจริงๆ ในช่วง 1990 ที่ผมไปดูบอลแหละ ก่อนหน้านั้นฟุตบอลโลก 1986 ที่ประเทศเม็กซิโกก็ยังเป็นพิธีเปิดธรรมดาอยู่เลย แต่ในปี 1990 ที่อิตาลีเป็นเจ้าภาพ เขาเพิ่ม Opening Ceremony เพิ่มงานดีไซน์ มีเพลง To Be Number One เป็น Theme Song ของฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก ซึ่งมันบันทึกทุกอย่างของงานครั้งนั้นเอาไว้ ผมเองยังมีแผ่นเสียงสิบสองนิ้วของเพลงนี้อยู่เลย รวมถึงพวกงานอาร์ตต่างๆ จิ๊กซอว์ ธงชาติ ผมเก็บมาหมด
เอาเข้าจริง ก่อนหน้านี้ผมก็ตั้งคำถามอยู่เหมือนกันนะว่า ทำไมฟุตบอลเกมเดียวมันต้องมีโชว์ยิ่งใหญ่ มันต้องมีเพลง มีงานอาร์ตอะไรต่างๆ ซึ่งในท้ายที่สุดผมก็ให้คำตอบกับตัวเองว่ามันเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับงาน ทำให้มหกรรมกีฬา Scale Up งานของตัวเองให้ใหญ่มากขึ้นได้
มันทำให้คุณมองเห็นโอกาสในการเป็นผู้จัดงานแบบ Sports Entertainment ในประเทศไทยด้วยไหม
เรื่องการเป็นผู้จัด ผมขอย้อนไปปี 2008 ที่ประเทศจีนเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก อันนั้นเป็นแรงบันดาลใจ เป็นความรู้สึก เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ระเบิดอารมณ์ส่วนตัวเลยว่า วันหนึ่งผมจะต้องเป็นแบบนั้น วันหนึ่งผมจะต้องทำงานในลักษณะนี้ให้ได้ ทำให้หลังจากนั้นผมก็เริ่มศึกษาดูงานของ จาง อี้โหมว (Zhang Yimou) ที่ทำให้กับงานโอลิมปิก อยากจะรู้ว่าสิ่งที่จาง อี้โหมว ทำให้โลกหันมาสนใจจีนทั้งแผ่นดิน มันคืออะไร วิธีคิดของเขา วิธีการใช้เทคนิคต่างๆ การสร้างจินตนาการในแต่ละโชว์ คือมันเกิดขึ้นได้โดยที่เราไม่ได้คาดการณ์มาก่อนว่ามันสามารถที่จะเกิดขึ้นได้
เท่านั้นแหละชีวิตผมเปลี่ยนเลย หลังจากนั้นก็เริ่มเก็บข้อมูล ศึกษาหาพาร์ตเนอร์ต่างๆ จากหลายแหล่ง จากต่างประเทศบ้าง จากซัพพลายเออร์ที่ทำงานกับ จาง อี้โหมว บ้าง จากทีมงานที่มีองค์ความรู้ของหลายคอนเทนต์ที่เกิดขึ้นในงานโอลิมปิกครั้งนั้น
แล้วก็เกิดเป็นงานของผมเอง คืองาน 4D Visual Light & Sound ‘พ่อ… The Greatest of the Kings The Greetings of the Land’ ที่พระที่นั่งอนันตสมาคม เมื่อปี 2009 จากนั้นก็ค่อยๆ พัฒนาเป็นงานละครเพลงเฉลิมพระเกียรติ ‘MAHAJANAKA the Phenomenon Live Show’ บนทะเลสาบ จนไปสู่การสร้างงานที่เป็นปรากฏการณ์อย่าง ‘องค์บากไลฟ์’ ที่ใช้เวลา 1 ชั่วโมงอธิบายหนังทั้งเรื่อง หรือพิธีสวนสนามที่ค่ายอดิศรครั้งแรกในรัชสมัยของพระเจ้าแผ่นดิน รัชกาลที่ 10
ทั้งหมดนี้คือการใช้แรงบันดาลใจสร้างเป็นผลงาน และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ตั้งแต่ช่วงปี 1990 ของผม
โชว์ที่คุณทำ มีอะไรบ้างที่เป็นจุดเด่นแตกต่างไปจากโชว์อื่นๆ
มันเป็นอย่างนี้ครับ เวลาผมเริ่มทำงานอะไรจะพยายามไม่ทำเรื่องที่เคยทำมาแล้ว ก็คือไม่ทำเรื่องเดิม หรือถ้าเกิดจะเป็นคอนเทนต์ใกล้เคียงอันเดิม มันจะต้องเป็นเรื่องใหม่เสมอ อย่างเช่นงาน Thailand Countdown ปี 2016 ก็เป็นครั้งแรกที่ทำให้งานเคานต์ดาวน์ประเทศไทยอยู่ในปฏิทินโลกสำเร็จเป็นครั้งแรก งานนี้ก็เกิดจากความตั้งใจว่า จะทำอย่างไรให้คนมาที่เมืองไทยในวันเคานต์ดาวน์กันมากขึ้น ซึ่งในปีต่อมาๆ ที่ทำผมก็พยายามทำอะไรใหม่ๆ ให้ต่างจากเดิม ให้ดูน่าสนใจมากขึ้น
ในที่สุดก็คุณก็ได้เริ่มงานที่แฟนบอลไทยทุกคนไม่คิดไม่ฝันว่าจะเกิดในประเทศ คืองาน The Match Bangkok Century Cup 2022 ที่ผ่านไปแล้ว อยากรู้ว่าอะไรคือจุดเริ่มต้นของงานนี้
จริงๆ ตอนแรกมีคนชวนให้ทำเยอะเลย เช่น เอาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาเตะกับทีมเอเชีย ทีมชาติไทย ทีมไทยลีกชุดผสม ซึ่งเอาเข้าจริงอะไรแบบนี้มีคนทำมาหมดแล้ว ผมก็เลยปฏิเสธทันทีว่าผมจะไม่ทำ ลิเวอร์พูลก็มีดีลแบบนี้มาเหมือนกัน ผมก็จะไม่ทำ ก็ปฏิเสธมาโดยตลอด
แต่จุดเริ่มต้นที่มีงานนี้ขึ้นมา มันเริ่มจากการที่ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในปี 2020 ซึ่งเป็นแชมป์ในรอบสามสิบปีของสโมสร ในวันนั้นผมเห็นปฏิกิริยาของแฟนฟุตบอลลิเวอร์พูลทั่วโลกมันตื่นตัวมากๆ ผมก็เลยคิดว่าจะทำอย่างไรหากลิเวอร์พูลได้แชมป์แล้วจะต้องมีการฉลองแชมป์ ขอให้การฉลองแชมป์นอกเกาะอังกฤษครั้งแรกเป็นประเทศไทย ผมคิดอย่างนี้ก่อน
ผมมีโอกาสได้คุยกับทางเอเยนต์ของสโมสรว่าผมอยากทำดีลนี้ ผมทำได้ไหม ส่วนมาเตะกับใครอีกเรื่องหนึ่ง แต่ในใจตอนนั้นผมคิดว่าจะเตะกับดาราเอเชีย คือเชิญนักเตะไทยสัก 2 คน นักเตะเวียดนามสัก 2 คน เป็นการรวมตัวของดาราเอเชีย ซึ่งยังไม่เคยมีคนทำแบบนี้ เป็นโจทย์ที่ผมตั้งไว้ที่จะทำ ดีลมันก็เลยเกิดขึ้นตั้งแต่สามปีที่แล้ว
ตอนนั้นเราเริ่มดีล กำลังจะเซ็น MOU (Memo of Understanding) แล้ว ดีลก็เกือบจบแล้ว โควิด-19 ก็มาพอดี จำได้ไหมครับ
หลังจากที่ผมทำงานพิธีสวนสนามที่ค่ายอดิศร โควิด-19 ก็เริ่มมา เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งสนามในอังกฤษเริ่มไม่มีคนแล้ว นั่นก็เป็นสัญญาณว่าสงสัยไม่น่ารอดแล้ว ก็เลยต้องพับเก็บในลิ้นชักก่อน
พอผ่านมาสองปี เอเยนต์ทีมก็มาเจรจาใหม่ว่าลิเวอร์พูลพร้อมจะมาเมืองไทยแล้วนะ แต่ตอนนั้นผมไม่พร้อมแล้ว เพราะมันเลยจังหวะที่มันพอดีมาแล้ว ผมก็เลยเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ ก็ลองตั้งโจทย์ดูว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกับลิเวอร์พูลไม่เคยมาเตะฟุตบอลที่เมืองไทยเลย ก็บอกเขาไปว่าผมอยากเอาสองทีมนี้มาเตะเมืองไทยได้ไหม
‘ศึกแดงเดือด’ ครั้งแรกในทวีปเอเชีย ฟังแล้วไม่น่าจะเป็นเรื่องง่ายเลย
ไม่ง่ายเลยครับ ทางเอเยนต์ยังบอกเลยว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว เขาพูดคำนี้เลย Impossible ไม่มีทางเป็นไปได้
ด้วยเหตุผลหลายอย่างผมเชื่อเขานะ คือเรื่องกำหนดการแข่งขันช่วงปิดฤดูกาล Pre-season มันถูกวางแผนมายาวนาน แล้วแต่ละทีมก็มีกำหนดการคนละส่วน คนละเจ้าภาพ คนละสถานที่ การหมุนเวียนมาเจอกันมันไม่เคยเกิดขึ้นในรอบร้อยสี่สิบสี่ปีของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และในรอบร้อยสามสิบปีของลิเวอร์พูล ที่สำคัญคือทั้งสองทีมไม่เคยโคจรมาเจอกันในเอเชียเลยตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรขึ้นมา
ดังนั้น เราจึงเข้าใจว่าเป็นไปไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตามผมก็ยังมีหวังอยู่นะ ก็ยังคิดอยู่ว่ามันต้องได้สิ ถ้าเราอยากทำ ก็เลยลองไปเจรจาดู
สุดท้ายแล้ว คุณนำอะไรไปเสนอจนทั้งสองทีมตอบตกลงมาแข่งร่วมกันเป็นครั้งแรกในทวีปเอเชีย
ผมมองว่าอาจจะเป็นจังหวะเวลาด้วยนะ พอมันเป็นช่วงโควิด-19 ที่ทั้งสองทีมไม่ได้ทัวร์ โปรแกรมก็ยังไม่ได้วาง รวมไปถึงการสื่อสารก็คล่องขึ้น เวลาเรามี Meeting เราคุยกันผ่านแอปพลิเคชัน ZOOM ได้ ก็เลยมีการพูดคุยและนัดแนะกันได้สะดวกขึ้น
ในขณะที่ทั้งสองทีมยังไม่มีแผนในการทัวร์ Pre-season ผมติดต่อไปช่วงเดือนกันยายนปี 2021 ก็นำเสนอไปว่าเรามีแผนแบบนี้ บริษัท Fresh Air Festival คืออะไร เคยทำอะไรมาแล้วบ้าง แล้วประเทศเรามีความพร้อมแบบนี้ ก็พยายามเจรจาและทำให้เห็นว่าภายใต้เงื่อนไขต่างๆ ของทั้งสองสโมสร เราสามารถทำได้ทุกข้อ
ตามสภาพความเป็นจริงแล้ว ในวันนั้นประเทศไทยพร้อมกับการจัดการแข่งขันแค่ไหน
หลังจากนั้นสองอาทิตย์ คริสโตเฟอร์ โคแมน ซึ่งเป็น Tour Manager ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็บินมาที่เมืองไทยเลย มาตรวจสอบว่าเราพร้อมแค่ไหน ซึ่งผมก็พาไปดูสภาพสนามศุภชลาศัย
โอ้โห หลังวันนั้นเราได้การบ้านมาเพียบเลย สภาพสนามเราก็ไม่ได้ พื้นสนามไม่ต้องพูดถึง สนามซ้อมมีไหม สิ่งอำนวยความสะดวกเป็นอย่างไร โรงแรมที่พักอยู่ตรงไหน การรักษาความปลอดภัยดีหรือเปล่า อาหารการกิน โลจิสติกส์ คำนวณเวลาจากสนามฟุตบอลไปโรงแรมกี่นาที สนามราชมังคลาฯ มีห้อง VIP อยู่แค่สองถึงสามห้อง จุได้แค่สามสิบถึงสี่สิบคน แต่ Requirement ของเขาจะต้องมีที่จุแขกจากทั่วโลกได้ประมาณหนึ่งพันคน ก็คือสโมสรละห้าร้อยคน ของเราไม่มี เราต้องสร้างใหม่
อันนี้ก็เป็นเงื่อนไขที่เราจะต้องทำการบ้าน
เรื่องไหนดูเป็นปัญหาใหญ่สุดสำหรับคุณวินิจในการจัดงานครั้งนี้
อันแรกเลยก็คือความเป็นห่วงเรื่องสถานการณ์โควิด-19 ก่อน ตอนนั้นการเข้าประเทศ การตรวจสอบความปลอดภัยต่างๆ ถ้าไม่เคลียร์ ก็เข้ามาไม่ได้ หมายความว่าจะต้องมีการ Quarantine ซึ่งมันเป็นความเสี่ยงมากเลย เพราะในเดือนกันยายน 2021 เรายังไม่รู้เลยว่าสถานการณ์จะเป็นแบบไหน และ Due Date คือวันที่ 12 กรกฎาคม 2022 แต่ผมก็ต้องตัดสินใจทำตั้งแต่ตอนนั้นก่อน เพราะว่าถ้าเราไม่ตัดสินใจทำ ก็ทำไม่ทัน แต่มันก็เต็มไปด้วยความเสี่ยงจริงๆ มีสิบถึงยี่สิบข้อ เราสอบตกทุกข้อครับ นักลงทุนนี่กระโดดหนีกันหมด
แต่ถ้าผมไม่ตัดสินใจทำวันนั้น เราก็จะไม่มีโอกาสทำในวันที่ 12 กรกฎาคม แล้วก็จะไม่มีโอกาสอีกเลย จบชีวิตไปเลย ผมไม่มีโอกาสทำเรื่องนี้อีกแล้ว จนสุดท้ายมีผมวันแมนโชว์อยู่คนเดียวที่ทำให้ดีลนี้เกิด
เรียกว่าคุณเอาธุรกิจส่วนตัวไปเดิมพันกับงานครั้งนี้เลยได้ไหม
งานนี้ผมเสี่ยงคนเดียว ถ้าผมเป็นนักธุรกิจ ผมไม่มีโอกาสทำงานนี้ แล้วถ้าเป็นนักธุรกิจก็จะไม่ทำงานแบบนี้ เพราะมันไร้สาระจริงๆ น้ำเน่ามาก มันเป็นเรื่องที่ไม่มีทางจะเกิดขึ้นถ้าเป็นนักธุรกิจตัวจริง แต่ผมไม่ใช่นักธุรกิจ ผมไม่ใช่นักลงทุน ผมเป็นนักอะไรก็ไม่รู้ แต่ผมตัดสินใจด้วยชีวิต
ผมพูดแบบนี้จะดีกว่า ถ้าผมเดินได้คือไปต่อ ถ้าผมล้มก็คือหมดเลย ล้มทั้งกระดานตั้งแต่ผมเริ่มต้นทำงานมา ล้มตั้งแต่ผมก่อร่างสร้างตัวมา ผมก็จะกลับไป Set Zero ผมอาจจะติดลบมากกว่านั้นด้วยซ้ำไป
นี่ผมเปิดเผยที่ The Momentum เป็นครั้งแรก ไม่เคยพูดกับลูกกับเมีย ไม่เคยพูดกับลูกน้อง ไม่เคยพูดกับคนในบริษัทใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าเดินได้ก็เดิน ถ้าเดินไม่ได้ผมก็จบ ติดลบอีกเยอะ แล้วก็ไปเริ่มต้น Restart ใหม่
แต่สุดท้าย The Match Bangkok Century Cup 2022 ก็เกิดขึ้นมาได้ตามที่วางแผน ช่วงนั้นคุณรู้สึกอย่างไรบ้าง
จำได้ว่าตอนช่วงหนึ่งเดือนก่อนแข่ง สามอาทิตย์ก่อนแข่ง สองอาทิตย์ก่อนแข่ง ที่เวลาค่อยๆ ไล่เข้ามา ผมนอนไม่หลับเลย บางช่วงผมไม่ได้นอนสองวัน คนในบ้านนึกว่าผมหลับ แต่ความจริงผมนั่งคิดอยู่กับมันตลอด
มันเป็นความรู้สึกทั้งตื่นเต้น ทั้งเร้าใจ ทั้งเป็นกังวล บางช่วงก็ถามตัวเอง ‘เราฝันไปหรือเปล่าวะ มันจริงหรือวะ’ พูดตรงๆ ไม่ได้อายเลย แม้กระทั่งก้าวแรกที่สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเหยียบแผ่นดิน เครื่องบินแตะที่ดอนเมือง ก็ยังเกิดความรู้สึกประมาณว่า ‘เฮ้ย กูฝันไปหรือเปล่า’ อยู่เลย แล้วพอลิเวอร์พูลเดินทางตามมา ความรู้สึกแบบนี้ก็มาอีก ช่วงนั้นคือจะรู้สึกแบบนี้วนเวียนอยู่ตลอดเวลา
เป็นความรู้สึกประมาณว่า ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
ใช่ มันไม่เชื่อจริงๆ แม้กระทั่งสิ่งที่เห็นในสนามวันนั้น ผมสัญญากับตัวเอง สัญญากับแฟนๆ สัญญากับทั้งสองสโมสรว่า สนามราชมังคลาฯ ผมจะเปลี่ยนโฉมมันหมดเลย เอาเป็นว่าก้าวแรกที่เข้ามาในสนาม ควรจะจำไม่ได้ว่านี่คือราชมังคลาฯ
ซึ่งหลายๆ คนก็รู้สึกอย่างนั้นจริง แฟนฟุตบอลในอาเซียน ผู้บริหารสโมสร บอร์ดบริหารของทั้งสองทีม พอเขาเห็นของจริงก็ตกใจว่าทำไมเปลี่ยนไปจากภาพ Reference ที่ส่งให้ตอนแรก
ในช่วงวันแข่งขัน คุณวินิจใช้อะไรในการประเมินว่างานนี้ประสบความสำเร็จแล้ว
เสียงของแฟนฟุตบอลที่อยู่ในสนาม แล้วก็การมีส่วนร่วมในเกม
เอาเข้าจริงผมไม่ได้ดูเกมเลยนะ ผมนั่งดูอากัปกิริยาของผู้คน ทั้งตอนที่อยู่ในงานแล้วก็หลังงาน เขาดูมีความสุขแล้วก็รู้สึกว่าเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตจริงๆ สมกับที่เขารอคอย อันนั้นเป็นโมเมนต์ที่ผมมีความสุขที่สุด ที่เห็นปฏิกิริยาและเสียงของคนไทยที่อยู่ในสนาม ถึงแม้ว่าฝนจะตก ถึงแม้ว่าจะมีอุปสรรค แต่บรรยากาศที่เกิดขึ้นโดยรวมในขณะนั้นมันทำให้อะดรีนาลีนของผมหลั่งและมีความสุขสุดๆ
อีกส่วนหนึ่งนอกจากแฟนฟุตบอลแล้ว การร่วมมือร่วมแรงของทีมงานของผมที่ทำงาน ผมใช้ทีมงานประมาณเกือบสามพันคนที่เข้าไปเซตอัปเวทีและสนาม เพื่อให้เกิดโชว์ในแต่ละช่วงได้ ซึ่งพอเขาทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ นั่นถือว่าเป็น Key Success ที่ทำให้ผมมีความสุขมาก พูดตามตรงว่าตอนนั้นไม่ได้คิดแล้วว่าปิดบัญชีครั้งนี้แล้วผมจะบวกเท่าไร ปิดบัญชีแล้วจะลบอย่างไร ไม่มีเลย มีแต่โมเมนต์ที่ทุกอย่างมันอยู่ตรงหน้าเท่านั้น
หลังจากงานจบลงแล้ว ทั้งสองสโมสรพูดถึงงานครั้งนี้อย่างไรบ้าง
ทั้งบอร์ดบริหาร ตัวโค้ช และนักเตะเอง ผมไปส่งเขาถึงบันไดเครื่องบินตอนขากลับ ทุกคนขอบอกขอบใจมาก บอกว่าเป็นความทรงจำที่วิเศษ เขาบอกว่ามันเหลือเชื่อมากกับสิ่งที่เขาได้สัมผัสในเมืองไทย เพราะบรรยากาศโดยรวมเขาคิดไว้อีกแบบหนึ่ง แต่พอเขามาถึงเมืองไทย มันเป็นความรู้สึกอีกแบบหนึ่ง เขาไม่คิดว่าเราจะทำได้ดีขนาดนี้ หลังจากนั้นก็มีส่งอีเมลมาพูดคุย ขอบคุณ ชื่นชมถึงจนกระทั่งวันนี้ด้วยซ้ำไป เขาก็บอกว่า ถ้ามีโอกาสเขาอยากจะกลับมาเมืองไทยอีก
ถ้าถามว่าในอนาคต บิ๊กแมตช์แบบนี้จะเกิดขึ้นได้อีกไหม
ผมจะไม่ทำเรื่องซ้ำครับ แต่ผมจะทำเรื่องใหม่ ถ้าจะทำเรื่องประเภทนี้อีก ผมจะทำให้มันดีกว่านี้อีก
ผมตอบได้ว่าถ้ามีคราวหน้าอีก ก็คงไม่ได้มีแค่เกมเดียว แล้วมันคงไม่ใช่แค่เกมเดียวในประเทศไทย ผมมองว่าอย่างน้อยต้องประมาณการจัดงานซีเกมส์ในสามประเทศ อะไรแบบนี้เป็นต้น ส่วนเรื่อง Opening Act ก็น่าจะมีอะไรที่ใหญ่ขึ้นกว่านี้ แต่คงต้องดูจังหวะเวลาตรงนั้นด้วยที่มันจะเป็นไปได้
คุณมีความเห็นต่อแวดวงกีฬาบ้านเราอย่างไรบ้าง หลังจากผ่านงานใหญ่นี้มาแล้ว มีอะไรบ้างที่ต้องปรับปรุง หากประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมกีฬาระดับโลก
สำหรับแวดวงกีฬา ผมมองว่าเราควรจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาสิ่งที่มีอยู่ในประเทศ สิ่งอำนวยความสะดวก ความพร้อมของสนามกีฬาในบ้านเรา ปัจจุบันมีอยู่แค่นี้เอง มันต้องใช้เวลาอีกเยอะที่จะต้องพัฒนา ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง
เราได้ยินอยู่บ่อยๆ ว่าเราอยากจะเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬา ผมคิดว่าสิ่งที่พูดมันเป็นเรื่องสนุกขำๆ ไปอย่างนั้น มันยังไม่ได้มีการวางแผนและการทำแบบจริงจังสักที ยังไม่มีเลยนะครับ เรามีแต่จินตนาการ มีแต่คิดไปเอง บางคนก็เผลอคล้อยตามไป คิดเอาเองว่าเราเป็นเจ้าภาพได้ ซึ่งในความเป็นจริงผมว่าเรายังอีกไกล ถ้านับหนึ่งถึงสิบ เรายังไม่ถึงหนึ่งเลย เรายังไม่พร้อมเลย โลจิสติกส์เรายังไม่ได้เลย สนามกีฬาที่มีคุณภาพก็ยังไม่เกิดขึ้นเลย สนามที่มีอยู่ก็เก่าและโบราณมากแล้ว
ถ้าผู้บริหารระดับสูงจะจริงจังในสิ่งนี้ มันต้องเริ่มทำแล้ว ต้องมีมากกว่านี้แล้ว มันต้องไม่ได้มีอยู่แค่ที่เราเห็น ไม่อย่างนั้นเราก็ไปไหนไม่ได้ แล้วทุกวันนี้รอบบ้านเราพัฒนาไปหมดแล้วนะ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และอื่นๆ อย่างกัมพูชา สนามซีเกมส์สำหรับปีหน้ามีความจุถึงห้าหมื่นคน สมบูรณ์พร้อม แต่ของเรายังไม่มีเลย ของเรายังไม่ไปถึงไหนเลย แล้วจะไปเป็นเจ้าภาพได้อย่างไร ผมว่ามันน้ำเน่า
เรื่องแรกก็คืออย่าพูดอย่างเดียว อย่าโกหก มันต้องทำด้วย มันต้องจริงใจที่จะทำ แต่สิ่งที่ผมได้ยิน คือคำโกหกคำโตอยู่ตลอดเวลาว่าจะทำนู่นทำนี่ แต่ก็ไม่เห็นจะทำอะไรสักอย่างเลย ยิ่งถ้าในวงการกีฬา ทำอะไรบ้าง ทำไปถึงไหนแล้ว
ผมเองไม่ได้บอกว่าตัวเองดี แต่ถ้าผมคิดว่าผมจะทำ ผมทำจริง แล้ววันนี้ก็พิสูจน์แล้วตัวเราเองแค่นี้ยังทำได้ขนาดนี้ แต่ศักยภาพขององค์กรที่ใหญ่กว่า ถ้าจะทำ และหากเขาทำมันจะได้มากกว่าที่วินิจทำอีกเป็นพันเท่า แต่จะทำหรือเปล่าเท่านั้นเอง
ดังนั้น ถ้าคิดจะทำ ทำเลย อย่ามัวแต่พูด (เงียบครู่หนึ่ง) พูดเรื่องนี้ไปเดี๋ยว มีคนมากระทืบผมอีก
กลับมาที่งาน The Match Bangkok Century Cup 2022 ในแง่หนึ่งคือประสบการณ์ที่ดีของแฟนบอลชาวไทย แต่ในอีกมุมหนึ่งก็ดูจะมีคำถามถึงงานนี้อยู่หลายประเด็น เช่น ราคาบัตรขั้นต่ำสุด 5,000 บาท ที่จัดว่าสูงมากเมื่อเทียบกับรายได้เฉลี่ยของคนทั้งประเทศ ทำให้แฟนบอลไม่น้อยพลาดโอกาสครั้งนี้ไป คุณวินิจมีความเห็นอย่างไร
ถ้าพูดกันตามตรง หากเราได้รับการช่วยเหลือครบทุกภาคส่วน ราคาบัตรจะไม่ถึง 5,000 บาทนะ มันจะอยู่ที่ 3,000 บาทเท่านั้นเอง แต่เนื่องจากในระหว่างทางที่เราเดินไป เรากลับได้รับการสนับสนุนที่ไม่ครบถ้วนตามที่วางแผนไว้
ดังนั้น มันได้แค่นี้จริงๆ เราตัดสินใจเดินหน้าไปแล้ว ถ้าให้เราถอยมาหรือล้มเลิกมันก็เป็นไปไม่ได้ สิ่งที่เราทำได้เต็มที่ก็คือ หาทางออกอื่นเพื่อที่จะประคองให้งานเกิดขึ้นได้
หรือกรณีที่มีอินฟลูเอนเซอร์แจกบัตรฟรี ประเด็นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
คือในฐานะโปรโมเตอร์ การที่เราจะดูแลลูกค้าหรืออะไรต่างๆ แน่นอนว่าเราจะต้องดูแลให้ดีที่สุด การซื้อบัตรเป็นเรื่องปกติ แต่การทำโปรโมชันก็เป็นเรื่องปกติของกลไกทางการตลาด ของผู้สนับสนุน มันก็เป็นสิทธิของผู้สนับสนุนที่จะนำบัตรไปทำโปรโมชัน การที่เขาเอาไปลดแลกแจกแถม หรือเอาไปแจกฟรี นั่นเป็นสิทธิอันพึงมีของเขา ซึ่งเขาจะต้องทำได้เลย
แต่ในฐานะของผมเองซึ่งเป็นโปรโมเตอร์ ขอยืนยันว่าไม่ได้เอาบัตรราคา 5,000 ไปลดราคาเหลือ 3,000 หรือเอาไปแจกฟรีในวันสุดท้าย มันไม่ได้ อันที่เห็นคือลูกค้าของเราเอาไปทำ แล้วก็ไม่ได้เป็นโควตาที่มากด้วย เพียงแต่ว่าพอมันเป็นจำนวนหนึ่ง คนก็ไปตีความเอาเองว่ามันมีจำนวนมากมายเหลือเกิน เลยทำให้เกิดความเข้าใจผิดกัน
ยืนยันว่าบัตรฟรี บัตรลดราคา ไม่ได้มาจากทางคุณในฐานะผู้จัดแน่นอน
ไม่มี บัตรแจกฟรีผมไม่มีเลย มีแต่คนมาฝากซื้อตั๋ว ถ้าแบบนั้นได้ แต่ผมไม่มีสิทธิเอาตั๋วไปลดแลกแจกแถม เพื่อทำให้คนเสียความรู้สึกว่าซื้อไป 5,000 ทำไมนายวินิจเอาตั๋วมาลด 50% แบบนั้นมากระทืบเราได้เลย เราทำไม่ได้ด้วย เพราะในระบบมันถูกล็อกราคาเอาไว้อยู่แล้ว ไม่สามารถที่จะลดราคาให้ใครได้เลย
อีกเรื่องที่เป็นประเด็นพูดถึงกัน คือ Opening Ceremony ของ แจ็กสัน หวัง ที่แฟนฟุตบอลส่วนใหญ่ไม่น่าจะใช่แฟนคลับของศิลปินคนนี้ ถือเป็นการใช้กลยุทธ์เพื่อดึงดูดฐานแฟนคลับของศิลปินมาร่วมงานนี้ด้วยหรือไม่
งาน The Match Bangkok Century Cup 2022 นี้ ผมวางแผน Opening Ceremony มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว มันอยู่ในแผนอยู่ตั้งแต่เริ่มทำ เดิมเราคิดว่าเราจะมี Halftime Show แต่เนื่องจากถ้าเป็นแบบนั้นเราจะมีเวลาแค่ 15 นาที ซึ่งไม่พอสำหรับการเซตอัปเวทีแบบงาน Super Bowl Halftime แน่นอน เลยต้องทำเป็น Opening Ceremony แทน
ส่วนคำถามที่ว่าทำไมไม่เลือกศิลปินคนนั้น ทำไมไม่เลือกนักร้องคนนี้ ผมต้องถามพวกคุณก่อน สมมติไปดูมหกรรมกีฬาหนึ่ง ผมมีโอกาสเลือกไหมว่าผมอยากดูศิลปินคนไหน อย่าง Super Bowl Halftime Show 2022 ที่เอาศิลปินฮิปฮอปมา ผมก็ไม่ชอบ แต่ผมก็ไม่สามารถทำอะไรได้ Halftime Show ถือว่าเป็น Entertainment Bonus เป็น Value Added Benefits ให้กับผู้ชม เพราะสิ่งที่ผู้ชมซื้อคือเกมฟุตบอล
ส่วนการเลือกศิลปิน คนแรกที่ผมเริ่มผมคิด มีตั้งแต่วงคาราบาวมาเล่นเปิดสนาม คิดถึงวง Bodyslam คิดถึงโจอี้บอย คิดถึงคนนั้นคนนี้ไล่มาเรื่อยเลย ซึ่งมันก็มีคำถามตามมาในหัวหมด เดาไปว่าต้องมีคนตั้งคำถามกับการตัดสินใจของเรา
คาราบาวมันเกี่ยวอะไรวะ เอาเพื่อชีวิตมาเกี่ยวกับฟุตบอลอีก หรือฮิปฮอปมันเข้ากับฟุตบอลที่ไหน อะไรแบบนี้
หลังจากนั้นผมก็ลองดูรายชื่อศิลปินที่น่าสนใจในช่วงเวลานั้น ลิซ่า วง Black Pink ก็อยู่ในลิสต์นะครับ ติดต่อไปแล้ว แต่ว่าคิวไม่ได้ อเดล (Adele) ก็อยู่ในลิสต์ วง Spice Girls ก็ด้วย เอ็ด ชีแรน (Ed Sheeran) ก็อยู่ ผมติดต่อไปหมดเลย ซึ่งทุกคนก็มีเงื่อนไขที่ไม่สามารถทำให้เกิดโชว์ร่วมกับเราได้
สุดท้ายก็มี แจ็กสัน หวัง ที่เป็นตัวเลือกและว่างอยู่ ยอมรับตามตรงว่าตอนแรก ผมก็ไม่รู้จักนะ คือใครวะ เพลงก็ไม่เคยรู้จัก แต่พอไปนั่งไล่เช็กก็เห็นว่า โอเค คนนี้ได้ สามารถเอ็นเตอร์เทนคนได้ในเวลาห้าสิบนาที กำลังดีเลย เวทีเซตอัปได้ ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ จึงเป็นคำตอบว่าทำไมจึงกลายเป็นแจ็กสัน หวัง
ผมขอยืนยันเลยว่าไม่ได้เอาเขามาช่วยขายบัตรที่เหลือ การตัดสินใจเซ็นสัญญาพาแจ็กสัน หวัง มาเล่น มันมีค่าใช้จ่ายนะครับ ผมต้องใช้เงินกับแจ็กสัน หวัง เพื่อจะมาโชว์อีกสามสิบล้านบาท ซึ่งในความเป็นจริงผมไม่จ่ายก็ไม่มีคนรู้ ผมจะไม่มีโชว์เปิดงาน แล้วให้แฟนฟุตบอลเข้ามาทำกิจกรรมอินุงตุงนังฉิ่งฉับกันไปก็ได้ จะมีใครด่าผมไหม ก็ไม่มี ทำไมผมต้องจ่ายอีกสามสิบล้านวะ ทั้งค่าตัว ค่าโปรดักชัน มันไร้สาระหรือเปล่า หลายคนรอบข้างบอกว่าเฮียไม่ต้องหรอก ทำไมต้องไปจ่ายอีกเยอะ คนไม่รู้จักเลยว่าแจ็กสันหวังคือใคร ไม่ต้องมีโชว์ก็ได้
คำถามสำคัญ The Match Bangkok Century Cup 2022 ไม่ขาดทุนใช่ไหม
ก็น่าจะยังมีติดลบนิดหน่อย
สามารถใช้คำว่าขาดทุนได้เลยไหม
ได้ครับ
ซึ่งคุณก็รับได้กับตัวเลขที่เกิดขึ้น
อย่างที่ผมบอกไปว่า โมเมนต์ในสนามมันคือความสุขที่สุดของผมแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้คิดอะไรเลย พูดกันตามตรง ผมไม่เคยคิดอะไรเลยนะ ในวินาทีที่ผมตัดสินใจทำ ผมไม่ได้คิดว่ามันจะกำไรขาดทุนเท่าไร ไม่เคยคิดว่าตัวเลขมันจะต้องสวยหรูเลย มันผ่านไปแล้ว แล้วก็พูดกับตัวเองว่า ถึงแม้วันนั้นคำนวณแล้วมันจะขาดทุนถึงร้อยล้าน ผมก็ยังจะทำงานนี้
มีคนตั้งข้อสังเกตว่าตัวเลขที่ติดลบจากงานนี้ มันถึงขั้นทำให้คุณต้องขยับธุรกิจบางส่วน เช่น การถอนทุนกับสื่อบางสำนักที่คุณร่วมลงทุนไว้
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกันเลย การลงทุนในสื่อก็เป็นส่วนอื่น ในงานครั้งนี้เป็นการลงทุนของบริษัท Fresh Air Festival ที่ดำเนินงานตามลำพังเลย ไม่ได้ข้องเกี่ยวกัน ผมมีบริษัทที่ทำอยู่ตั้งหกถึงเจ็ดที่ในปัจจุบัน ดังนั้นเรามีกิจการที่แยกธุรกรรมกันออกไป
จากงานนี้ อย่างน้อยที่สุดคนทั้งโลกก็ได้รู้จักคุณในฐานะผู้จัดงานแดงเดือดครั้งแรกในเอเชีย จะว่าไปก็ถือว่าคุ้มค่าไม่น้อย
ถูกครับ ก็คือหลังจากงานผ่านมาไม่นาน ก็เป็นไปตามที่เราคิดไว้เหมือนกัน คือมีความร่วมมือในหลายส่วนจากโปรโมเตอร์ต่างประเทศ ทั้งออสเตรเลีย สิงคโปร์ หรือแม้กระทั่งอิตาลี ก็จะบินมานัดหมายกันในหลายๆ โปรเจกต์
หรือในความเป็นจริง กระทั่งก่อนเริ่มงานวันที่ 12 กรกฎาคม พอหลังจากที่เราได้ทำสัญญาเรียบร้อย ก็มีการติดต่อทาบทามจากหลายประเทศ เพื่อเสนอตัวเป็นเจ้าภาพให้เราย้ายไปจัดที่นั่น ซึ่งโชคดีที่ตอนนั้นประเทศไทยสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้นแล้ว เพราะถ้ายังต้องนั่นเว้นระยะห่าง 1 ที่นั่งอยู่ ผมก็จะย้ายประเทศจัดเลย
หลังจบงานครั้งนี้ มันทำให้แนวคิดหรือตัวตนของคุณเปลี่ยนไปบ้างไหม
คือผมมองว่าหลังจากนี้ ถ้าคิดจะทำอะไรแล้ว มันเป็นไปได้ มันทำให้เราเชื่อในการตัดสินใจ มีความกล้าหาญ และไม่มีอะไรมาหยุดเราได้ อย่างที่ผมบอกว่าถ้าเป็นนักธุรกิจคงไม่มีโอกาสได้ทำดีลนี้
ทุกวันนี้ผมก็กลายเป็นคนแบบนี้ คือการตัดสินใจบนพื้นฐานความเชื่อส่วนตัว กลายเป็นธรรมชาติของตัวเราไปแล้ว
Fact Box
- ก่อนจะผันตัวเป็นนักธุรกิจ วินิจ เลิศรัตนชัย เป็นนักจัดรายการวิทยุชื่อดังจากหลายรายการ ทั้งซันเดย์ แก๊ป, โลกสวยด้วยเพลง ในสถานีวิทยุไนท์สปอต และรายการสไมล์เรดิโอ ของสถานีวิทยุมีเดียพลัส นอกจากนี้ เขายังมีผลงานในวงการบันเทิงหลากหลายด้าน ทั้งผลงานละครโทรทัศน์เรื่องวนิดา (2534) และลอดลายมังกร (2535) งานพิธีกรและผู้บรรยายในรายการท้าพิสูจน์และรายการมิวสิกเกม
- บริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด เป็นบริษัทจัดอีเวนต์ ซึ่งมักมีผลงานเกี่ยวกับการเทิดพระเกียรติสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้ง 4D Visual Light & Sound ‘พ่อ…The Greatest of the Kings The Greetings of the Land’, ละครเพลงเฉลิมพระเกียรติ ‘MAHAJANAKA the Phenomenon Live Show’ และภาพยนตร์แอนิเมชัน คุณทองแดง ดิ อินสไปเรชั่นส์ ซึ่งร่วมสร้างกับสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล