ถ้าจู่ๆ มีคนบอกคุณว่าขนมสุนัขจะสามารถผลักดันแนวคิด Circular Economy ทั้งยังสามารถแก้ไขปัญหา Food Waste ได้ถึงเดือนละ 5 ตัน ปฏิกิริยาตอบกลับส่วนใหญ่คงหนีไม่พ้นสีหน้างุนงง พลางประหลาดใจว่าทั้งสามสิ่งนี้เกี่ยวข้องกันได้จริงหรือ?
ข้อสงสัยข้างต้นถูกคลี่คลายกระจ่างทันทีที่เราได้พบกับ โด่ง-อิทธิกร เทพมณี และเพชร-พชรพล อัฉริยะศิลป์ สองผู้ก่อตั้ง ‘JAIKLA’ แบรนด์ขนมสุนัขจากโปรตีนแมลง ที่เชื่อว่าการดูแลรักษาโลกสามารถทำได้ในฐานะ Dog Lover
เกริ่นเพียงเท่านี้ก็น่าสนใจแล้ว คอลัมน์ Behind the Brand ขออาสาพาไปทำความรู้จักกับ Co-Founder ทั้งสอง ที่มาพร้อมกับมาสคอตประจำแบรนด์ ‘โกจิ’ สุนัขพันธุ์คอร์กี้ และ ‘สมิง’ สุนัขพันธุ์บีเกิล ไม่แน่ว่าหลังอ่านจบ บรรดาทาสหมาอาจต้องหาขนมยี่ห้อนี้ไปป้อนเพื่อนซี้สี่ขา ให้เริงร่า ขนสวย สุขภาพดี ก็เป็นได้
(ขวา) โด่ง-อิทธิกร เทพมณี และ (ซ้าย) เพชร-พชรพล อัฉริยะศิลป์ สองผู้ก่อตั้ง JAIKLA
เมื่อคู่หู Dog Lover ลงมือเปลี่ยนโอกาส ‘รักษ์โลก’ ให้กลายเป็นโอกาสสร้าง ‘ธุรกิจ’
“ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน แทบไม่มีใครสนใจเรื่องปัญหา Food Waste อย่างมากก็แค่รู้ว่าพลาสติกหรือผลิตภัณฑ์ Single-Use คือตัวการของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เราจึงเห็นโอกาสการทำธุรกิจจากเศษอาหารในชีวิตประจำวันที่ผู้คนมองข้าม”
โด่งเริ่มอธิบายให้เราฟังถึงจุดเริ่มต้นของแบรนด์ JAIKLA ว่า เกิดจากการเห็นช่องว่างของปัญหา Food Waste ดังข้อมูลที่องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the United Nations: FAO) ระบุว่า ถ้าเรานำอาหารส่วนเกินทั่วโลกมากองรวมกันเป็นประเทศหนึ่ง ประเทศนั้นจะมีการปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นอันดับ 3 รองจากจีนและสหรัฐฯ เพราะการย่อยสลายเศษอาหารแต่ละครั้งย่อมมาพร้อมกับก๊าซมีเทนปริมาณมหาศาล ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวการที่ก่อให้เกิดภาวะเรือนกระจก
อย่างไรก็ตาม เทรนด์ธุรกิจ ณ เวลานั้น มัวสนใจกับการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่สามารถลดการใช้พลาสติกเสียมากกว่า จนลืมนึกว่าเศษอาหารหน้าตาไม่น่าอภิรมย์แท้จริงล้ำค่าเพียงใด
และด้วยความที่โด่งกับเพชรต่างมีแพสชันในฐานะ Dog Lover พวกเขาจึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำ กระโจนเข้าสู่ตลาดอาหารสัตว์ โดยมีเรื่องของ Food Waste เป็น Key Message ดึงดูดกลุ่มผู้บริโภคที่รักสุนัขและรักษ์โลก
โด่งและเพชรใช้เวลาศึกษาข้อมูลอยู่พักหนึ่ง กระทั่งค้นพบว่าแมลงที่ชื่อว่า ‘Black soldier fly’ นี่แหละคือคำตอบสุดท้าย เพราะแมลงชนิดที่ว่าสามารถช่วยย่อยเศษอาหารได้รวดเร็ว ทั้งเป็นแหล่งโปรตีนแมลงชั้นเลิศ (Insect-Based) ในขนมสุนัข อีกแง่หนึ่ง Black soldier fly ยังเหมาะแก่การดำรงชีวิตในสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย จึงเป็นข้อได้เปรียบด้านต้นทุนกว่าประเทศอื่นที่คิดจะเลี้ยงแมลงชนิดนี้เป็นวัตถุดิบ นับเป็นการบรรลุตามหลัก Circular Economy ได้ครบถ้วน
Black soldier fly ก่อนถูกนำไปแปรสภาพเป็นโปรตีน
ไม่ใช่แค่ถูกหลัก Circular Economy แต่ต้องถูกปากเจ้าตูบด้วยเช่นกัน
“ช่วงแรกเราเอาบิสกิตสูตรแรกไปให้น้องหมาลองชิมแถว K Village ปรากฏว่าเขาไม่ยอมกินเพราะกลิ่นไม่เตะจมูก แถมปล่อยไว้นานเนื้อบิสกิตก็ฝ่อเป็นขุยอีก พอนำไปปรับปรุงก็หายเป็นขุย แต่พอเราลองชิมเองรสชาติดันฝืดคอ ก็ทดลองเปลี่ยนสูตรไปมาไม่ต่ำกว่า 30 ครั้ง จนผลิตภัณฑ์มาลงตัวเป็นเวอร์ชันปัจจุบัน
“ตอนนั้นเปิดโลกมากเลยนะ ตารางอาหารหมาทำไมมันเจาะลึกขนาดนี้ มีโปรตีน 30-40 ชนิด มีหน่วยย่อยแยกไปอีก ใส่ปริมาณวัตถุดิบเท่าไรจึงจะได้คุณค่าทางโภชนาการตามต้องการ เคยมีเจ้าของสุนัขมาบอกเราด้วยนะว่า ช่วยผลิตขนมที่ลูกเขากินแล้วไม่อ้วน (หัวเราะ) แต่สุดท้ายพอสินค้ามันออกมาดีตามความคาดหวังเราก็ภูมิใจ”
โด่งอมยิ้มพลางรื้อฟื้นความหลังให้เราฟัง ว่าไม่ใช่แค่มนุษย์ที่พิถีพิถันเรื่องรสชาติอาหาร ดังนั้น หน้าที่หลักของ JAIKLA จึงไม่ใช่แค่การผลิตขนมสุนัขจากโปรตีนแมลงที่แก้ไขปัญหา Food Waste แต่ต้องทำอย่างไรให้ถูกปากและดีต่อสุขภาพสุนัข
โจทย์หินดังกล่าวทีม JAIKLA ได้รับการช่วยเหลือจากนักโภชนาการสัตว์เลี้ยง จากกองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนทุนอุดหนุนสมทบบางส่วน (TED Fund) เพื่อช่วยคำนวณปริมาณสารอาหารสำหรับสุนัข ทั้งกรดอะมิโน วิตามินอี วิตามินซี ฯลฯ ด้วยการผสมโปรตีน Black soldier fly เข้ากับผักชนิดต่างๆ รวมไปถึงน้ำมันปลา โดยปัจจุบัน ขนมสุนัขของ JAIKLA มีด้วยกันทั้งหมด 3 สูตร คือ
1.สูตร WAGGING GREEN – ควบคุมน้ำหนักและเผาผลาญไขมันส่วนเกิน
2.สูตร COTTON TOUCH – บำรุงสุขภาพผิวและขน
3.สูตร HAPPY VITAMINS – วิตามินสูง เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
ส่วนใครที่กังวลว่า Black soldier fly จะนำพาหะแบคทีเรียมาเหมือนแมลงวันบ้าน ทีม JAIKLA ยืนยันจากผลงานวิจัยของ FAO ว่า แมลงชนิดนี้เป็นแหล่งโปรตีนที่ปลอดภัย 100% ผนวกกับการเลี้ยงดูในระบบฟาร์มปิด อาหารที่ใช้เลี้ยงก็มาจากผัก ผลไม้ ขนมปัง หรือข้าวกล่องที่ถูกโละทิ้งจากซูเปอร์มาร์เก็ต มีการทำความสะอาดด้วยน้ำร้อนก่อนแปรรูป จึงชัดเจนว่าเจ้าตูบจะไม่เป็นอันตรายใดๆ
‘ใจกล้า’ เพื่อโลกที่น่าอยู่ของคนและสุนัข
“เมื่อก่อนเราอาจมองว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นแค่เรื่องธุรกิจ แต่พอเราได้คลุกคลีกับผู้ที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้ ทำให้เราซึมซับและตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมจริงๆ ตอนนี้ถ้าให้ถามคนในทีม JAIKLA ว่า ถ้าต้องเลือกระหว่างสุนัขกับ Sustainability คำตอบที่ได้คงจะเป็นเลือกทั้งคู่แน่นอน”
นี่คือความในใจอันแน่วแน่จากทั้งโด่งและเพชร ที่ตระหนักว่า JAIKLA ไม่ใช่แค่แบรนด์ขนมสุนัขที่ใช้หารายได้หรือสร้างโอกาสทางธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโลกใบใหม่ ที่ทั้งคนและสุนัขสามารถอยู่ร่วมกันได้ท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์ ปราศจากมลพิษ ดังคอนเซปต์ของแบรนด์คือ ‘For Dogs and our Planet’ หรือ ‘เพื่อเจ้าตูบและโลก’ นั่นเอง
ได้ฟังเหตุผลแล้วก็ช่างสอดคล้องกับที่มาของ Brand CI ที่โด่งเล่าให้ฟังว่า ตอนแรกตั้งใจจะใช้ชื่อว่า ‘ไลก้า’ (LAIKA) ซึ่งหมายถึงสุนัขตัวแรกที่ขึ้นสู่อวกาศ แต่เผอิญมีแบรนด์อาหารสุนัขในต่างประเทศใช้ชื่อนั้นไปก่อนแล้ว ทีมจึงตัดสินใจเปลี่ยนมาเป็น ‘ใจกล้า’ (JAIKLA) ที่หมายถึงกล้าที่จะเปลี่ยนโลก
แม้ JAIKLA จะเป็นเพียงฟันเฟืองเล็กๆ ในการเปลี่ยนแปลงโลกสีฟ้าครามใบนี้ให้กลับมาสะอาดอีกครั้ง แต่ในแง่ของการเป็นขนมที่ดีต่อสุขภาพสุนัข พวกเขาทำได้ไม่เป็นสองรองใคร ทั้งการส่งออกสู่ตลาดอาหารสุนัขในแถบเอเชีย โดยเฉพาะประเทศเกาหลีใต้ที่เป็นตลาดสัตว์เลี้ยงยักษ์ใหญ่ รวมถึงการทำให้สุนัขมีสุขภาพดี ดัง ‘โกจิ’ และ ‘สมิง’ สุนัขคู่หูของโด่งและเพชร ที่ดูอ้วนท้วนสมบูรณ์จนทีม The Momentum ต้องแวะจกพุงตลอดการสนทนา
เพราะแค่ได้สูดอากาศบริสุทธิ์และเล่นกับสุนัขตัวโปรดเท่านี้ก็ฮีลใจได้มากเกินพอ…..
Fact Box
ติดตามความเคลื่อนไหวและสอบถามข้อมูลของ JAIKLA ได้ที่เพจเฟซบุ๊ก Jaikla, เว็บไซต์ jaiklapet.com, อีเมล woofwoof@jaiklapet.com และเบอร์โทรศัพท์ 02 391 3581