เวียดนามยังคงเป็นจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวไทย ด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวของบ้านเมือง ผู้คนที่มีคาแรกเตอร์ชัดเจน อาหารเวียดนามที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ รวมถึงบรรยากาศเมืองเก่าที่ผสานความทันสมัยได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะ ‘โฮจิมินห์’ เมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ และกำลังเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ สังคม และงานสร้างสรรค์แห่งใหม่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โฮจิมินห์: เมืองหัวใจเศรษฐกิจของเวียดนาม
โฮจิมินห์คือหนึ่งในเมืองที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจเร็วที่สุดในอาเซียน ด้วยจำนวนประชากรกว่า 9 ล้านคน เมืองนี้เป็นทั้งศูนย์กลางธุรกิจ การเงิน และแหล่งรวมสตาร์ทอัพชั้นนำของประเทศ จากข้อมูลของ Wealth Research หลักทรัพย์บัวหลวงระบุว่า GDP เวียดนามไตรมาส 3 ปี 2025 ขยายตัวต่อเนื่องที่ 8.23% เมื่อเทียบปีก่อน เพิ่มขึ้นจาก 8.19% ในไตรมาสก่อนหน้า และมีแนวโน้มติดอันดับการเติบโตสูงสุดในอาเซียน สะท้อนความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจพื้นฐาน โดยเฉพาะภาคส่งออกที่ยังเดินหน้าได้ดี และต่อยอดไปสู่ภาคการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ แม้ต้องรับแรงกดดันจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ก็ตาม
ด้านรายได้ต่อหัว ประชากรในโฮจิมินห์มีรายได้เฉลี่ยราว 3.25-4.68 ล้านดองเวียดนามต่อเดือน (ประมาณ 137-198 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 4,775-6,876 บาท)
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ คืออัตราการรู้หนังสือของประชากรเวียดนามที่สูงกว่า 90% ทำให้ประเทศมีแรงงานคุณภาพพร้อมต่อยอดสู่การเติบโตในระยะยาว
นอกจากนี้เวียดนามยังเป็นจุดหมายสำคัญด้านการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ โดยมีบริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติมาตั้งฐานการผลิต เช่น Samsung, Intel, Foxconn และกำลังขยายบทบาทในฐานะศูนย์กลางเทคโนโลยีและดิจิทัลของภูมิภาค
เมืองแห่งแบรนด์สร้างสรรค์และพื้นที่ศิลปะร่วมสมัย
โฮจิมินห์ไม่ได้โดดเด่นเพียงด้านเศรษฐกิจ แต่ยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยพลังสร้างสรรค์ มีธุรกิจในอุตสาหกรรมครีเอทีฟกว่า 2.5 หมื่นแห่ง ตั้งแต่งานออกแบบ แฟชั่น งานคราฟต์ ภาพยนตร์ ดิจิทัลคอนเทนต์ ไปจนถึงเกม ซึ่งมีแรงงานรวมกว่า 3 แสนคน และสร้างมูลค่าให้ประเทศคิดเป็น 3-4% ของ GDP
เมืองนี้ยังเป็นแหล่งรวมแกลเลอรีและพื้นที่ศิลปะร่วมสมัยจำนวนมาก เปิดพื้นที่ให้นักออกแบบและศิลปินรุ่นใหม่ได้แสดงผลงาน เชื่อมโยงกับผู้ชม นักท่องเที่ยว และนักลงทุนจากต่างประเทศ เกิดเป็นระบบนิเวศสร้างสรรค์ที่ผสมผสาน ‘ความดั้งเดิม’ กับ ‘ความร่วมสมัย’ อย่างลงตัว
เวียดนามให้ความสำคัญกับงานหัตถกรรมพื้นบ้าน เช่น งานไม้ งานปัก เซรามิก และเครื่องจักสาน พร้อมทั้งต่อยอดด้วยดีไซน์สมัยใหม่ จนเกิดแบรนด์ Creative Lifestyle รูปแบบใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งเฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้าแฟชั่น อาหาร กาแฟ และสินค้าไลฟ์สไตล์ที่หาได้เฉพาะเวียดนาม
ขณะเดียวกันรัฐบาลยังสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ด้วยการลงทุนสร้าง Creative Hubs ทั่วเมือง ทำให้โฮจิมินห์กลายเป็นทั้งเวทีและแหล่งบ่มเพาะนักสร้างสรรค์รุ่นใหม่ของภูมิภาคอย่างแท้จริง
วันนี้ The Momentum ชวนออกเดินทางสู่เวียดนาม ผ่านพลังสร้างสรรค์ของโฮจิมินห์ เมืองที่บ่มเพาะผู้คน ไอเดีย และแรงบันดาลใจ ก่อนพาไปทำความรู้จัก 3 แบรนด์ Made in Vietnam ที่หยิบวัฒนธรรม ความเชื่อ และธรรมชาติของเวียดนามมาตีความใหม่ จนกลายเป็นงานออกแบบร่วมสมัยที่ทำให้โลกต้องหันมามองเวียดนามอีกครั้ง
Maison Marou ช็อกโกแลต Single-Origin แบรนด์แรกของเวียดนาม

Maison Marou คือคาเฟ่ ร้านขนมอบ และโรงงานผลิตช็อกโกแลตระดับพรีเมียมที่ใช้คอนเซปต์ Bean-to-Bar แบบเต็มรูปแบบ เมื่อก้าวเท้ามาที่นี่คุณจะได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น และลิ้มรสช็อกโกแลตสดใหม่ที่ผลิตกันแบบสดๆ โดยทีมผู้ผลิตช็อกโกแลตมืออาชีพ
แบรนด์ก่อตั้งในปี 2011 โดย Samuel Maruta และ Vincent Mourou สองผู้ก่อตั้งชาวฝรั่งเศสที่เลือกตั้งรกรากในนครโฮจิมินห์ และเริ่มต้นทำช็อกโกแลตจากโกโก้เวียดนาม 100% พวกเขาจัดหาเมล็ดโกโก้โดยตรงจากฟาร์มในหลายจังหวัด เพื่อสร้างดาร์กช็อกโกแลตที่สะท้อนบุคลิกของแหล่งปลูกอย่างแท้จริง
และในปี 2016 Maison Marou เปิดร้านแฟล็กชิปแห่งแรกในโฮจิมินห์ ก่อนขยายธุรกิจสู่ร้านค้าปลีก หลากหลายช่องทางจัดจำหน่าย ไปจนถึงการส่งออกสู่ต่างประเทศ ความโดดเด่นอีกอย่างของแบรนด์คือพื้นที่ผลิตช็อกโกแลตแบบเปิด ที่ให้ลูกค้ามองเห็นทุกขั้นตอนการทำงานตั้งแต่ต้นจนจบ
ปัจจุบัน Maison Marou ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในคราฟต์ช็อกโกแลตที่ดีที่สุดในโลก ด้วยเสน่ห์ของแพ็กเกจลายดั้งเดิมเวียดนามผสานกลิ่นอายอินโดจีน ทำให้ทั้งรสชาติ และศิลปะโดดเด่นไปพร้อมกัน นอกจากสร้างงานระดับสากล แบรนด์ยังช่วยพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรผู้ปลูกโกโก้ทั่วประเทศอีกด้วย

Cộng คาเฟ่เวียดนามสไตล์ทหารยุค 1970 ที่กลายเป็น Global Brand
ใครที่มีโอกาสได้มาเวียดนาม หนึ่งในจุดหมายปลายทางคงหนีไม่พ้นการลิ้มรสกาแฟมะพร้าว ที่ร้าน Cộng ต้นตำรับกาแฟมะพร้าวที่โด่งดังไปทั่วโลก จุดเริ่มต้นของ Cộng อยู่ที่โฮจิมินห์และฮานอย คาเฟ่นี้โดดเด่นด้วยสไตล์เรโทรทหารเวียดนามโต๊ะเหล็ก เก้าอี้ไม้ และเครื่องแบบสีมะกอก เมนู ‘กาแฟมะพร้าว’ กลายเป็นซิกเนเจอร์ที่นักท่องเที่ยวต้องลอง แบรนด์นี้ทำให้วัฒนธรรมคาเฟ่เวียดนามกลายเป็นสัญลักษณ์ร่วมสมัยที่คนทั่วโลกจำได้

เรื่องราวของ Cộng” เริ่มต้นขึ้นในปี 2007 ร้านแฟรนไชส์แห่งแรกเป็นร้านกาแฟเล็กๆ ตั้งอยู่บนถนน Trieu Viet Vuong ซึ่งเป็นถนนร้านกาแฟที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานของฮานอย ภายใต้แนวคิดที่ต้องการมอบประสบการณ์การกินกาแฟคุณภาพจากเวียดนามให้ลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมความที่ตั้งใจที่จะนำ Cộng ไปสู่ระดับโลก
จนถึงปัจจุบัน Cộng มีสาขาเกือบ 100 แห่ง กระจายอยู่ทั่วเวียดนาม รวมถึงประเทศอื่นๆ เช่น เกาหลีใต้ แคนาดา มาเลเซีย และไต้หวัน โดยต้อนรับลูกค้าหลายพันคนทุกวัน และหลายคนที่มาต้องซื้อกาแฟกลับไปเป็นของฝาก
DISTRICT EIGHT เฟอร์นิเจอร์ร่วมสมัยที่เล่าเรื่องเวียดนามผ่านดีไซน์

DISTRICT EIGHT คือแบรนด์เฟอร์นิเจอร์จากโฮจิมินห์ที่เติบโตขึ้นจากสตูดิโอเล็กๆ ในเขต 8 ก่อนพัฒนาสู่แบรนด์ดีไซน์ระดับสากล จุดเด่นของแบรนด์คือการผสานสถาปัตยกรรมโคโลเนียลเข้ากับความโมเดิร์นของเมืองไซ่ง่อน จนเกิดเป็นงานที่อบอุ่นแต่ทันสมัย และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
แบรนด์ก่อตั้งในปี 2010 ชื่ออ้างอิงจากย่านที่ตั้งโรงงานและสำนักงานแห่งแรก DISTRICT EIGHT ควบคุมการผลิตเองทุกขั้นตอน ทั้งงานไม้ เหล็ก และงานบุ ทำให้รักษาคุณภาพและรายละเอียดงานฝีมือได้อย่างแม่นยำ ขณะเดียวกันยังร่วมงานกับดีไซเนอร์นานาชาติเพื่อสร้างบทสนทนาใหม่ระหว่างงานออกแบบร่วมสมัยกับมรดกเวียดนาม
ผลงานของแบรนด์หลายชิ้นได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น เก้าอี้ Collette ที่ตีความเส้นสายอ่อนช้อยของชุด Ao Dài (อ่าวหญ่าย) ซึ่งเป็นชุดประจำชาติของเวียดนาม หรือโซฟา Joss ที่อ้างอิงรูปทรงหลังคาบ้านเรือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงคอลเลกชัน Stilt ที่นำแนวคิดบ้านยกพื้นของชนเผ่าในเวียดนามมาตีความใหม่ ให้เป็นเฟอร์นิเจอร์ห้องนอนร่วมสมัย
ทุกคอลเลกชันคือการเชื่อมอดีตกับปัจจุบันผ่านวัสดุ งานช่าง และการเล่าเรื่องเชิงวัฒนธรรม ปัจจุบัน DISTRICT EIGHT กลายเป็นแบรนด์เฟอร์นิเจอร์เวียดนามที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ทั้งในด้านดีไซน์ งานฝีมือ และวิธีการยกระดับวัฒนธรรมท้องถิ่นให้ร่วมสมัยอย่างงดงาม
LSOUL แบรนด์เวียดนามที่กำลังนิยามภาพลักษณ์ใหม่ให้แฟชั่นเอเชีย
ถ้าอยากรู้ว่าเสื้อผ้าจากเวียดนามไปไกลถึงเวทีโลกได้อย่างไร LSOUL คือหนึ่งในแบรนด์ที่ทำให้ภาพลักษณ์แฟชั่นเวียดนามเป็นที่รู้จักมากที่สุด แบรนด์นี้ไม่ได้โดดเด่นแค่ในสายตาคนรักแฟชั่นเท่านั้น แต่ยังถูกเลือกโดยศิลปิน K-Pop ระดับแถวหน้า ตั้งแต่ Jennie และ Lisa จาก BLACKPINK ไปจนถึงสาวๆ aespa, BABYMONSTER, Madison Beer, TWICE และ 2NE1

LSOUL ก่อตั้งในปี 2017 โดยนักออกแบบ เหงียน จ่อง ลัม (Nguyen Trong Lam) สร้างเอกลักษณ์ด้วยการผสมผสานความเป็นผู้หญิงกับการแสดงตัวตนอย่างมั่นใจ ดีไซน์ของแบรนด์ขึ้นชื่อเรื่องโครงเสื้อที่ชัด ลวดลายจัดจ้าน เนื้อผ้าที่โดดเด่น รวมถึงชิ้นดังอย่างคอร์เซ็ต มินิสเกิร์ต และมินิเดรสทรงเข้ารูป
สิ่งที่ทำให้ LSOUL แตกต่าง คือการหยิบแรงบันดาลใจจากความเป็นเวียดนามร่วมสมัยมาถ่ายทอดผ่านดีไซน์ เช่น งานตัดเย็บที่อิงจากโครงชุดดั้งเดิม รายละเอียดลายผ้า หรือการใช้โทนสีที่พบในงานหัตถกรรมพื้นบ้าน แล้วตีความใหม่ให้โมเดิร์นและเข้ากับเวทีสากล
ปีที่ผ่านมา LSOUL ได้รับการยอมรับระดับนานาชาติอย่างก้าวกระโดด เสื้อผ้าของแบรนด์ปรากฏในมิวสิกวิดีโอเพลงต่างประเทศมากมาย รวมถึงสวมใส่บนเวทีใหญ่ทั่วโลก ทั้งหมดนี้ทำให้ LSOUL กลายเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่ผลักดันแฟชั่นเวียดนาม ให้เป็นที่รู้จักในวงการโลกอย่างแท้จริง
อ้างอิง
https://www.krungsri.com/th/krungsri-the-coach/loan/asean-business/vietnam-business-trends
https://congcaphe.com/page/our-story
https://districteight.com/article/vietnamese-designs-through-lens-international-designers
https://www.facebook.com/lsoul.officiel/photos
Tags: LSOUL, DISTRICT EIGHT, Maison Marou, Cộng, เวียดนาม, Business, Vietnam




