ความเป็นชาติและลัทธิชาตินิยมขับเคลื่อนสังคมและประวัติศาสตร์ หลายครั้งความรู้สึกเหล่านี้ผลักดันให้เกิดความสามัคคี ความเสียสละ และความกล้าหาญ แต่บ่อยครั้งมันก็เข่นฆ่า ช่วงชิง และสร้างความเกลียดชังต่อคนแปลกหน้า ทั้งที่ไม่มีความเคียดแค้นกันโดยตรง

คำถามที่ท้าทายจิตสำนึกของเราคือ เหตุใดมนุษย์จึงยึดโยงตนเองเข้ากับอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์และชาตินิยมอย่างเหนียวแน่น เหตุใดความรู้สึกเหล่านี้จึงนำไปสู่ความเกลียดชังและการไม่แยแสต่อคนกลุ่มอื่น ทั้งที่แต่ละคนไม่ได้มีความแค้นส่วนตัวโดยตรงต่อกัน

การแสดงออกถึงความรักชาติและพวกพ้อง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการถูกล้างสมองเพียงอย่างเดียว แต่ฝังรากลึกลงไปในระดับกลไกทางชีววิทยาและวิวัฒนาการของมนุษย์ โดยมีฮอร์โมนออกซิโทซิน (Oxytocin) เป็นตัวละครสำคัญ ในการช่วยสร้างความรู้สึกผูกพันรักใคร่พงศ์เผ่าและวงศ์วาน 

หลายคนรู้จักฮอร์โมนออกซิโทซินในบทบาทของ ‘ฮอร์โมนแห่งความรักและความผูกพัน’ ซึ่งทำหน้าที่ในการกระตุ้นการหดตัวของมดลูกระหว่างการคลอด และกระตุ้นการหลั่งน้ำนมหลังคลอด นอกจากนี้ยังส่งเสริมความผูกพันทางสังคม ทำให้เกิดความรู้สึกรัก ไว้วางใจ และอบอุ่น ถึงกระนั้นงานวิจัยเชิงประสาทวิทยาชี้ให้เห็นถึงอีกหนึ่งความสามารถของออกซิโทซิน ที่ไม่ใช่แค่การส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสังคม ทว่ายังสามารถทำให้รู้สึกอยากกีดกันคนอื่นออกจากสังคมของตนได้อีกด้วย 

งานวิจัย Oxytocin increases liking for a country’s people and national flag but not for other cultural symbols or consumer products ที่ตีพิมพ์ในปี 2014 เกี่ยวกับการหาความเชื่อมโยงระหว่างฮอร์โมนออกซิโทซินกับความรักชาติ พบว่าผู้ที่ได้รับออกซิโทซินแสดงออกถึงความรักชาติเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยพวกเขามีแนวโน้มที่จะมองว่า กลุ่มชาติพันธุ์ของตนเองดีกว่าและมีความสำคัญมากกว่ากลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ อย่างชัดเจน

โดยในการทดลองผู้วิจัยให้ออกซิโทซินผ่านทางจมูกของอาสาสมัครชาวจีนจำนวน 51 คน ก่อนขอให้พวกเขาให้คะแนนความชอบต่อภาพที่ได้เห็น เช่น ภาพธงชาติ อาหาร และสัญลักษณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นชาติจีน พร้อมกับภาพที่เกี่ยวข้องกับสัญลักษณ์และวัฒนธรรมของประเทศอื่น พบว่าอาสาสมัครที่เข้าร่วมมีปฏิกิริยาอย่างชัดเจนต่อธงชาติ เช่น คนจีนไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษกับผลิตภัณฑ์หรือสิ่งอื่นๆ นอกจากธงชาติ

ผลลัพธ์จากงานวิจัยดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า ออกซิโทซินไม่ได้เพิ่มความชอบต่อทุกสิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นชาติ แต่ทำงานอย่างจำเพาะเจาะจงกับสิ่งเร้า ที่เชื่อมโยงกับสังคมและสัญลักษณ์ที่สื่อถึงอัตลักษณ์ทางสังคมที่สำคัญ เช่น ธงประจำชาติ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ความเกลียดชังและการเหยียดเชื้อชาติ ไม่ได้เกิดจากอคติทางสังคมหรือวัฒนธรรมเพียงอย่างเดียว แต่เชื่อมโยงกับกลไกทางระบบประสาทและฮอร์โมนด้วย 

แล้วทำไมธรรมชาติถึงเลือกสรรให้เรารักชาติ

ความจริงแล้วธรรมชาติไม่ได้คัดสรรสารเคมี ที่ทำให้เราเข่นฆ่าเพื่อนร่วมโลกอย่างไร้เหตุผล หรือเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนของใคร เพียงแต่มันดำเนินไปเพื่อความอยู่รอดของกลุ่มในเชิงวิวัฒนาการ

เนื่องจากเมื่อครั้งอดีต มนุษย์ดำรงอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความโหดร้ายมากกว่าทุกวันนี้ การสร้างกลุ่มก้อนที่แข็งแรงและสามัคคีจึงถือเป็นกุญแจสำคัญในการอยู่รอด ออกซิโทซินจึงช่วยส่งเสริมการร่วมมือ การป้องกันภัย และการแบ่งปันทรัพยากรภายในกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็มองว่าคนกลุ่มอื่นเป็นศัตรู ช่วยให้สามารถรักษาสมดุลของทรัพยากร และเตรียมพร้อมสำหรับการปกป้องตนเองได้

จะเห็นได้ว่าความรู้สึก ‘รักชาติ’ เป็นเรื่องธรรมชาติที่ฝังอยู่ใน DNA อันเนื่องมาจากร่องรอยทางวิวัฒนาการ เมื่อครั้งที่มนุษย์ยังออกล่าอย่างป่าเถื่อน ทว่าในยุคปัจจุบันที่โลกพัฒนาไปไกลแล้ว และล่วงรู้ถึงบาดแผลของสงคราม ความรักชาติอย่างสุดโต่งจึงเป็นสิ่งที่ล้าหลังและไร้ประโยชน์ เนื่องจากผลพวงของมันอาจนำไปสู่การเข่นฆ่าอย่างไร้มนุษยธรรม ดังนั้นการเห็นแก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกันแบบองค์รวม อาจเป็นทางรอดเดียวที่ทำให้มนุษยชาติก้าวผ่านทุกวิกฤตในอนาคต 

ที่มา: 

https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/25140135/

https://www.apa.org/news/podcasts/speaking-of-psychology/human-behavior

Tags: , , , , , , , , , ,