“เคยเจอใครแค่ 5 นาที คิดว่าอยากรู้จักกับคนคนนี้มากขึ้นไหม”
ในยุคที่สัดส่วนของคนโสดมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ มีข้อมูลจากกองพัฒนาข้อมูลและตัวชี้วัดสังคมระบุว่า ในกรุงเทพฯ เมืองที่ขึ้นชื่อว่ามีประชากรมากที่สุดในประเทศ กลายเป็นเมืองที่มีสัดส่วนคนโสดมากถึง 40.5% โดยเฉพาะในสัดส่วนกลุ่มอายุ 15-49 ปี และสภาพผังเมืองที่ไม่เอื้อให้คนมีความรัก บวกกับแอปฯ หาคู่ก็ได้รับความนิยมลดลง ทำให้ยังมีคนโสดอีกมากที่ยังไม่มีโอกาสได้เจอกัน นี่คือจุดเริ่มต้นของ OMG Matchmaking ผู้จัดงาน Speed Dating เทรนด์การหาคู่แบบใหม่ถูกใจคนเหงาในเมืองใหญ่ที่อยากเจอตัวกันตั้งแต่ครั้งแรก
ยีน-อินทิรา โสภากุล ผู้ก่อตั้ง OMG Matchmaking อธิบายว่า Speed Dating คือการจัดงานรวมตัวของคนโสด และจับคู่ให้พวกเขาได้ทำความรู้จักกันใน 5-7 นาที จากนั้นจึงสั่นกระดิ่งเปลี่ยนคู่ไปเรื่อยๆ เพื่อเปิดโอกาสให้คนได้มาทำความรู้จักและสานสัมพันธ์กันต่อในอนาคต
อินทิราเล่าถึงจุดเริ่มต้นในการทำ OMG Matchmaking ต้องย้อนไปประมาณ 3 ปีที่แล้ว เธอเป็นคนหนึ่งที่เคยเบิร์นเอาต์มาจากการเล่นแอปฯ หาคู่มาก่อน และมีโอกาสได้ไปลองกิจกรรม Speed Dating ที่ต่างประเทศจึงคิดว่า ควรจะนำกิจกรรมนี้มาทำที่ประเทศไทยบ้าง
“ตอนนั้นเราก็รู้สึกว่า น่าจะทำได้ดีกว่านี้ด้วยทักษะที่เรามี แล้วที่กรุงเทพฯ ต้องการกิจกรรมที่ชวนให้คนออกมาพูดคุยกัน เพราะว่าเวลานั้นในไทยยังไม่มีกิจกรรมรูปแบบนี้ ก็เลยคิดว่ากลับมาแล้วก็ทำเลย”
ในช่วงแรกเธอต้องเผชิญกับความท้าทายในการนำกิจกรรมมาจัดที่ประเทศไทย ด้วยวัฒนธรรมที่แตกต่างกันของไทยที่เป็นสังคมแบบปิด และไม่ค่อยออกไปทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ จึงเป็นความแตกต่างที่ผู้จัดต้องปรับเปลี่ยนให้เข้ากับวัฒนธรรมในประเทศมากขึ้น
“พอถึงตอนที่เรามาทำกิจกรรม Speed Dating ที่ประเทศไทย ในทีมของผู้จัดมีการดีไซน์วิธีการเข้าร่วม เพื่อซัพพอร์ตผู้ที่มาเข้าร่วมกิจกรรม เพราะส่วนใหญ่เขาจะมาคนเดียว เราจะทำยังไงให้เขารู้สึกผ่อนคลาย พร้อมที่จะทำความรู้จักเพื่อนใหม่ๆ มากขึ้น”
อินทิรากล่าวว่า OMG Matchmaking มาในเวลาที่ถูกต้อง เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะสมหวังจากแอปฯ หาคู่ และเขาก็ไม่ได้มีตัวเลือกอื่นๆ ในชีวิตประจำวันเยอะ การเข้ามาของ OMG จึงเป็นเหมือนอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนไม่มีเวลา แต่ยังอยากได้ประสบการณ์ใหม่ๆ และพื้นที่ในการรู้จักผู้คน
“หลังโควิด-19 เรารู้สึกว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ผู้คนอยากออกมาพบเจอกันมากขึ้น ได้ทำความรู้จักกันในชีวิตจริง เราก็เลยรู้สึกว่า OMG Matchmaking มาตอบโจทย์ตรงนี้พอดี”
อินทิรากล่าวว่า สิ่งที่ OMG Matchmaking ให้ความสำคัญคือการคัดผู้เข้าร่วมงาน
“เรากำลังสื่อสารกับคนโสดในฐานะ Matchmaking ไม่ใช่แค่ผู้จัดงาน Speed Dating หน้าที่ของเราคือ การคัดสรรคนโสดที่น่าสนใจ น่าค้นหามาทำความรู้จักกัน ผู้เข้าร่วมงานทุกคนจึงต้องส่งใบสมัครเพื่อผ่านขั้นตอนการ Screening ซึ่งการคัดเลือกคน ก็จะเป็นการกำหนดบรรยากาศในงานได้ประมาณหนึ่ง แต่อีกส่วนก็คือตัวสถานที่และผู้จัดเองที่จะมีส่วนทำให้ตัวงานราบรื่นมากที่สุด”
ด้วยการจัดงานของไทยและต่างประเทศค่อนข้างที่จะแตกต่างกัน อินทิราเล่าว่า กลุ่มคนที่มาเข้าร่วมงานที่ไทยค่อนข้างหลากหลาย มีตั้งแต่อายุ 25-45 ปีและมีจำนวนคนค่อนข้างเยอะ เลยเหมือนได้มิกซ์แอนด์แมตช์ เพราะมีคนจากหลากหลายสัญชาติ ต่างจากของต่างประเทศที่มีการกำหนดอายุหรือการจัดงานเล็กๆ
“ด้วยจำนวนผู้เข้าร่วมงานที่เยอะ ทำให้เราแบ่งกลุ่มย่อยได้ในแต่ละครั้ง เราก็จะดูว่ารอบนี้ Preference ของคนเป็นยังไง เราพอจะ Grouping ยังไงได้บ้าง”
โดยคอนเซปต์ในการทำ Speed Dating ในแต่ละครั้งคือการจับกระแส เช่น ช่วง Pride Month ก็จะมีการจัด Speed Dating แบบแซฟฟิก (Woman Loving Woman) หรือกระแสเกย์หุ่นหมีตามความสนใจของผู้เข้าร่วมงาน บางทีก็จับมือกับพาร์ตเนอร์โรงแรมต่างๆ ในการดึงจุดเด่นของสถานที่นั้นๆ ออกมา
สิ่งที่ทำให้ Speed Dating แตกต่างจากการเล่น Dating App
“Speed Dating มีความคล้าย Blind Date ประมาณหนึ่ง มีความตื่นเต้นว่า คืนนี้ออกจากบ้านมาเราจะไปเจอใคร แบบไหน เราไม่มีทางรู้เลย สิ่งที่ทำได้คือกลับไปดูภาพงาน Speed Dating ที่เคยจัดว่าเป็นแบบไหน คนที่มาเข้าร่วมงานจะเป็นยังไง เขาถึงจะกล้าออกมาร่วมกับเรา แต่พอเหมือนได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ มันก็ทำให้ผู้เข้าร่วมทุกคนสนุกไปกับมัน”
ผู้ที่มาเข้าร่วมก็มีทั้งคนที่เดตเป็นประจำ (Active Date) หรือคนที่ยอมแพ้กับการเดตหรือการเล่นแอปฯ หาคู่ไปแล้ว บางครั้งก็จะมีคนที่เพื่อนส่งเข้ามาร่วมงาน เพราะเห็นว่ายังโสดอยู่บ้าง
“จริงๆ เรามองว่าคนที่มางาน เขามีเป้าหมายลึกๆ คือการมาหาแฟน แต่ระหว่างทางก็ได้เพื่อนใหม่ ได้คอนเนกชันไปเหมือนกัน เราพยายามคัดเลือกคนที่อยู่ในคลื่นความถี่เดียวกัน และมองว่าน่าจะเป็นเพื่อนกันได้ มาทำความรู้จักกัน แล้วในความสัมพันธ์จะพัฒนาไปได้หรือไม่ได้ ก็เดี๋ยวไปว่ากันอีกที เพราะว่าก็จะมีหลายคนที่มาแล้วได้แก๊งเพื่อนไปแฮงเอาต์กัน”
5 นาทีน้อยไปไหม สำหรับการทำความรู้จักกัน
“สำหรับการที่จะรู้จักคนคนหนึ่งครบทุกด้าน เราอาจจะมองว่ามันน้อยไป แต่จริงๆ Speed Dating มันเหมือนเป็นการ Vibe Check ว่าเราอยากจะคุยกับคนคนนี้ต่อไหม
“การ Speed Dating ช่วยลดเวลาในชีวิตได้มาก เพราะถ้าเราเล่นแอปฯ หาคู่ กว่าเราจะคุย กว่าจะนัดเดต ก็ต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายวัน กว่าจะไปถึงจุดที่เราออกมาเจอกันจริงๆ แล้วถ้าสมมติว่า ไม่ถูกใจก็กลับไปเริ่มต้นใหม่ แต่พอเป็นแบบนี้ก็เหมือน Pre-screen ไปเลย”
ในอีกมุมหนึ่งก็ทำให้ผู้เข้าร่วมงานได้รู้จักตัวเองด้วยว่า ชอบและเข้ากันได้กับคนแบบไหน
“ยกตัวอย่างเช่น เราก็จะได้รู้จัก 10-15 คนผ่าน Speed Dating ก็ทำให้เรารู้ว่า คนแบบไหนที่เราชอบหรือไม่ชอบ ทำให้เราได้รู้จักตัวเองมากขึ้น”
อินทิราเล่าให้เราฟังว่า จริงๆ แล้ว Speed Dating เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่เป็นช่วงหลักของงานคือ การทำความรู้จักเพื่อนใหม่ทุก 5 นาที มีการละลายพฤติกรรมตั้งแต่ก่อนเริ่มงาน มีช่วงพักและช่วง After Party ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานได้พูดคุยกับเพื่อนใหม่
“เราเริ่มตั้งแต่ที่ผู้เข้าร่วมงานมาถึงงาน จะมีทีมที่คอยต้อนรับแล้วก็พาไปทำความรู้จักคนอื่นๆ มันเป็นปราการด่านแรกที่ทำให้เขารู้สึกเปิดใจ ซึ่งเราก็จะมีทีมที่คอยรับเขาไป แล้วก็ฝากเขาอยู่กับเพื่อนคนอื่นๆ มันก็จะทำให้เขารู้ว่า วันนี้แหละที่เขาจะต้องได้เพื่อนใหม่กลับไป”
แน่นอนว่า เป็นเรื่องปกติที่ผู้เข้าร่วมงานจะมีความตื่นเต้น หรือทำตัวไม่ถูกเมื่อต้องทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ แต่ทางทีม Matchmaking จะคอยสังเกตการณ์และเข้าไปคุยกับผู้ร่วมงานทุกคนให้เกิดความผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น ไปจนถึง Matching Board ที่มีให้กับผู้ร่วมงานทุกท่าน เหมือนเป็นเครื่องมือในการช่วยสร้างบทสนทนา
“เราเอาข้อมูลสั้นๆ ของผู้เข้าร่วมงานตอนที่เขาเขียนใบสมัคร ใส่ลงใน Matching Board ซึ่งก็จะเป็น Short Cut ที่ช่วยเริ่มต้นคำถามได้ดี เหมือนเราเห็นแล้วว่า เขาเป็นคนประมาณไหน คนนี้เลี้ยงแมวหรือว่าคนนี้ชอบกินกาแฟ มันก็จะเป็นจุดเริ่มต้นบทสนทนาได้ดี ซึ่งก็จะเป็นตัวช่วยในการพูดคุย
“มีคู่หนึ่งที่เราจับคู่เขามาเจอกันตั้งแต่แบบก่อนเริ่มงาน แล้วจริงๆ เขาสปาร์กกันตั้งแต่ตอนนั้นเลย ทุกวันนี้ก็ยังคบกันอยู่ เป็นความสัมพันธ์แบบจริงจัง”
อินทิรากล่าวว่า เป็นหน้าที่ของ OMG Matchmaking ในการช่วยมองว่าคนบุคลิกแบบไหนน่าจะคุยกับคนแบบไหนได้ แล้วเราก็จะเปิดโอกาสให้เขาได้พูดคุยกัน ซึ่งแน่นอนว่ามันจะยาวกว่าแค่กิจกรรมช่วง Speed Dating
เปิดทริกสำหรับการทำ Speed Dating ให้มีประสิทธิภาพ
“เราพยายามแนะนำผู้เข้าร่วมงานว่า ไม่ให้คุยเรื่องงานเยอะเกินไป หรือว่าอย่าเพิ่งเข้าประเด็นแบบซีเรียส เช่น การแต่งงานหรือการอยากมีลูก อาจจะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งตกใจได้
“พยายามคุยเรื่องทั่วๆ ไปก่อน ดูว่าเขามีไลฟ์สไตล์ตรงกับเราไหม มีความชอบที่คล้ายกัน สามารถสานต่อไปเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ในอนาคตได้”
แต่ใช่ว่าทุกคนจะได้คู่เดตหลังจากจบงาน OMG จะมีการส่งอีเมลผลของการเดตในครั้งนั้นกลับไปให้ หากไม่ได้รับการแมตช์ ก็จะมีการส่งกำลังใจไปให้เสมอ
“เราก่อตั้งขึ้นมาด้วยความเชื่อที่ว่า ‘คุณสามารถเป็น OMG Moment ของใครบางคนได้’ แต่บางทีมันเหมือนคนที่จะถูกใจเรา และเราจะถูกใจเขาอาจจะไม่ได้มาเจอกันในรอบนี้ แล้วก็สามารถมาลองใหม่ได้ เหมือนพยายาม Empower ให้เขาทำความรู้จักเพื่อนใหม่”
อินทิรากล่าวว่า ตอนนี้เธอมองภาพ OMG Matchmaking เป็นกิจกรรมให้คนได้มาเจอกันในสังคม โดยในอนาคตก็จะพยายามพาคนโสดไปเดตในสถานที่ใหม่ๆ และอาจจะมีกิจกรรมใหม่ ให้พวกเขารู้จักกันได้ดีมากขึ้น
“ส่วนตัวคิดว่า OMG เองก็ยังทำอะไรได้อีกเยอะ แต่คีย์หลักๆ ยังคงเป็นการทำให้คนได้มาเจอกัน”
จากการทำ Speed Dating กว่า 3 ปีที่ผ่านมา อินทิรากล่าวว่า เธอมีมุมมองที่เปลี่ยนไปเกี่ยวกับความสัมพันธ์ค่อนข้างมาก
“แต่ก่อนเรามีความยึดติดกับความสัมพันธ์ เพราะเรารู้สึกว่า คนนี้ใช่จังเลย แต่พอมาทำตรงนี้มันทำให้เราได้มาเจอคนโสดที่เขามีความน่าสนใจเยอะมากๆ แล้วเปลี่ยนเวียนหน้ามาตลอดเวลา
“เราก็เลยคิดว่า ทุกคนมีโอกาส เหมือนที่ OMG เคยทำธีม Don’t Call Your Ex คืออย่าไปยึดติด ถ้าเกิดคนเก่าไม่เวิร์ก ก็ออกมาหาความสัมพันธ์ใหม่ๆ มาเปิดโลกใหม่ๆ กับเพื่อนใหม่ๆ” อินทิรากล่าวทิ้งท้าย
ที่มา: https://www.nesdc.go.th/download/Social/Social_Report/2567_article_q1_002.pdf
Tags: Blind Date, คนเหงา, นัดบอด, ความสัมพันธ์, The Chair, คนโสด, Speed Dating, OMG Matchmaking