ในที่สุด ทัวร์นาเมนต์กีฬาระดับโลกอย่าง ‘ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ’ (Fifa World Cup) หรือฟุตบอลโลก ก็กลับมาจัดอีกครั้งหลังผ่านมาครบ 4 ปี โดยครั้งนี้ประเทศกาตาร์รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ รอต้อนรับทีมฟุตบอลแต่ละชาติที่ฝ่าฟันเข้ามาถึงรอบแบ่งกลุ่มรอบสุดท้าย
หากพูดถึงองค์ประกอบสำคัญนอกจากนักฟุตบอล มาสคอต อีกหนึ่งสิ่งที่หลายคนตั้งตารอคอยคือ ‘เพลงประจำทัวร์นาเมนต์’ หรือที่เรานิยมเรียกติดปากกันว่า ‘เพลงฟุตบอลโลก’ ซึ่งครั้งนี้กาตาร์ได้ จองกุก (Jung Kook) นักร้องชาวเกาหลีใต้จากวงเคป็อประดับโลก บังทัน (ฺBTS) และ ฟาฮัด อัล คูไบซี (Fahad Al Kubaisi) มาเป็นผู้ขับร้องเพลง ดรีมเมอร์ส (Dreamers) ที่สามารถสร้างสถิติเป็นเพลงประจำทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลกที่ทะยานขึ้นชาร์ตอันดับ 1 บนไอทูนส์ (iTunes) ด้วยระยะเวลาเพียง 2 ชั่วโมง 11 นาที หลังถูกปล่อยออกมา
การแข่งขันฟุตบอลโลกแต่ละครั้งที่ผ่านมา ล้วนมีเพลงประจำทัวร์นาเมนต์ที่น่าจดจำและถูกเปิดฟังซ้ำนับครั้งไม่ถ้วน แม้วันเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร เว็บไซต์ข่าวต่างประเทศชั้นนำ อาทิ NBC New York, Sportskeeda, Goal, Planet Football ฯลฯ ได้ออกมาทำการจัดอันดับ ซึ่ง The Momentum คัดมาทั้งหมด 5 เพลง สำหรับใช้เป็นเพลย์ลิสต์ประกอบการเชียร์ของผู้อ่าน ดังนี้
1. We are One – Pitbull Featuring Jennifer Lopez and Claudia Leitte (2014)
ย้อนกลับไปปี 2014 ที่ชาติมหาอำนาจลูกหนัง บราซิล (Brazil) ได้เอกสิทธิ์เป็นเจ้าภาพ ด้วยความที่เป็นชาติแห่งความรื่นเริง เป็นหนึ่งในเรื่องของการเฉลิมฉลอง เพลงที่ใช้จึงถูกคาดหวังอย่างสูง และพวกเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เมื่อได้แรปเปอร์ระดับท็อป ‘Mr. Worldwide’ หรือ พิตบูล (Pitbull) มาเป็นผู้ร้องเพลง ‘We are One’ พร้อมได้สองศิลปินหญิง เจนนิเฟอร์ โลเปซ (Jennifer Lopez) กับ คลอเดีย ลีตต์ (Claudia Leitte) ร่วมฟีเจอริง
เพลงดังกล่าวมาในจังหวะสนุกสนานสไตล์แซมบา ปลุกเร้าอารมณ์ด้วยเสียงกลอง นกหวีด และท่อนแรปของพิตบูล ก่อนที่เจนนิเฟอร์และคลอเดียจะได้โชว์เสียงทรงพลัง โดยเฉพาะในรายหลังที่ร้องเป็นภาษาโปรตุเกส-บราซิล เพื่อแสดงถึงอัตลักษณ์ประจำชาติ สลับเสียงคอรัสที่ร้องว่า ‘Ole ole ole ola’ ขณะที่บรรยากาศเอ็มวีมาในธีมงานคาร์นิวัลสุดตระการตา รวมไปถึงบรรยากาศการเล่นฟุตบอลบนชายหาด
2. Hot Hot Hot – Arrow (1986)
ภาพจำของฟุตบอลโลก 1986 นอกจาก ‘หัถต์พระเจ้า’ ของ ดิเอโก มาราโดนา (Diego Maradona) เรื่องของเพลงประกอบยังถูกชื่นชม เมื่อเจ้าภาพเม็กซิโกนำซิงเกิล Hot Hot Hot ของ อัลฟงซัส คาสเซลล์ (Alphonsus Cassell) หรือ แอโรว (Arrow) ศิลปินชายชาวโซคา จากเกาะมอนต์เซอร์รัต ทะเลแคริบเบียน (Soca from the Caribbean island of Montserrat) ที่โด่งดังในช่วงต้นทศวรรษ 80s และสามารถติดชาร์ต 1 ใน 30 เพลงยอดฮิตของสหราชอาณาจักร ประจำปี 1984
แม้จะไม่ใช่เพลงที่ถูกแต่งเพื่อฟุตบอลโลกโดยตรง แต่เหมือนฟ้าประทานให้เพลงนี้สามารถเข้ากับบรรยากาศฟุตบอลโลกที่จัดขึ้นช่วงฤดูร้อนของชาติเจ้าภาพได้อย่างเหมาะเจาะ ผ่านท่วงทำนองครื้นเครงสไตล์แคริบเบียน ชวนกอดคอลุกขึ้นเต้น และปลุกกระแสให้ผู้คนยุคนั้นสนใจเพลงฟุตบอลโลกมากยิ่งขึ้น
3. Wavin’ Flag – K’naan (2010)
เพลงฟุตบอลโลก 2010 บนผืนแผ่นดินแอฟริกาใต้ ที่โปรโมตโดยผู้สนับสนุนหลัก โคคา-โคล่า (Coca-Cola) และได้แรปเปอร์สัญชาติโซมาลี เคนาน (K’naan) เป็นผู้ขับร้อง จนกลายเป็นปรากฏการณ์เปิดฟังกันกระหึ่มทั่วบ้านทั่วเมือง ตั้งแต่ร้านชำยันผับบาร์
“Give me freedom, give me fire.
Give me reason, take me higher.
See the champions take the field now
You define us, make us feel proud”
เนื้อหาของเพลง Wavin’ Flag เปรียบเสมือนสารที่ส่งไปถึงคนทั่วโลก เพื่อสะท้อนถึงผู้ลี้ภัยทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบจากไฟสงคราม และต้องระหกระเหินเร่ร่อนไร้ที่อยู่อาศัย ทว่าสิ่งที่พวกเขาพึงปรารถนาไม่ใช่เงินทองหรือของบริจาค แต่เป็น ‘อิสระ’ ที่จะได้ใช้ชีวิตบนโลกอย่างมีความสุข โดย เคนาน ถือเป็นศิลปินชาวแอฟริการายแรกที่ได้ร้องเพลงประจำทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลกอย่างเป็นทางการ
ทั้งนี้ เพลง Wavin’ Flag ถูกนำไปดัดแปลงเป็นเวอร์ชันภาษาไทยโดยวงแทททู คัลเลอร์ (Tattoo Colour) ในชื่อเพลง โอ๊ โอ่ โอ โอ๊ โอ เพื่อโปรโมตโฆษณาน้ำอัดลมโคคาโคล่า
4. Waka Waka (This Time for Africa) – Shakira (2010)
“Tsamina mina, eh eh
Waka waka, eh eh
Tsamina mina zangalewa.
This time for Africa”
เพลงหลักแท้จริงประจำทัวร์นาเมนต์เวิลด์ คัพ 2010 ที่มีส่วนยกระดับการแข่งขันครั้งแรกบนผืนแผ่นดินกาฬทวีปให้เป็นที่จดจำตลอดกาล (การันตีด้วยยอดกว่า 3 พันล้านวิวบนยูทูบ) ด้วยเสียงร้องคุณภาพของนักร้องหญิงชาวโคลัมเบีย ชากีรา (Shakira) ผสมผสานเข้ากับท่าเต้นสไตล์แอฟริกา และเสียงเครื่องดนตรีจาก เฟรชลีย์กราวด์ (Freshlyground) วงดนตรีสไตล์แอโฟรป็อป (Afro-pop)
Waka Waka สามารถสะท้อนอัตลัษณ์ของชาวแอฟริกาได้เป็นอย่างดี เช่นท่อนร้อง “Tsamina mina” เป็นการหยิบยืมและให้เกียรติแก่เพลง Zangaléwa Waka Waka ของ โกลเด้น ซาวด์ (Golden Sounds) วงดนตรีชื่อดังจากแคเมอรูน นอกจากนี้ยังถูกร้องเป็นเวอร์ชันภาษาละตินที่ใช้ชื่อเพลงว่า Waka Waka (Estro es Africa) โดยทั้งสองเวอร์ชันเป็นการให้กำลังให้กำลังใจแก่นักฟุตบอลที่ลงสู่สนามเพื่อสู้ในนามทีมชาติ
5. The Cup of Life (La Copa de la Vida) – Ricky Martin (1998)
“Here we go! Ale, ale, ale! Go, go, go! Ale, ale, ale!”
คงไม่ต้องสาธยายให้ยืดยาวถึงความโด่งดังของเพลง ‘The Cup of Life’ ที่ร้องโดยนักร้องชาวเปอร์โตรีโก (Puerto Rico) อย่าง ริกกี มาร์ติน (Ricky Martin) ที่สื่อทุกสำนักหรือแฟนบอลยกให้เป็นเพลงที่ดีที่สุดแห่งประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก แม้จะล่วงเลยมานานถึง 24 ปี ด้วยจังหวะสนุกสนาน ชวนลุกขึ้นมาโชว์ลีลาเท้าไฟ ขอแค่ร้อง “Here we go” ก็มีคนพร้อมใจต่อท่อน “Ale, ale, ale” ทันที
นอกจากจะปลุกกระแสทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลกปี 1998 ที่ประเทศฝรั่งเศส เพลง The Cup of Life ยังปลุกกระแสดนตรีแนวละตินป็อป และส่งให้ริกกี มาร์ติน กลายเป็นศิลปินดังระดับโลกที่มียอดขายอัลบั้ม Vuelve พุ่งสูงถึง 20 ล้านก็อปปี้ ก่อนปิดท้ายด้วยการคว้ารางวัลแกรมมี่ สาขา Best Latin Pop Performance ในปี 1999
เกร็ดที่น่าสนใจของประวัติศาสตร์เพลงฟุตบอลโลก ต้องย้อนกลับไปในปี 1962 ที่ประเทศชิลีเจ้าภาพ และต้องการหาเพลงปลุกใจแก่นักฟุตบอลทีมตนเอง ทำให้วงร็อกชื่อดังประจำชาติ ลอส แรมเบลอส์ (Los Ramblers) แต่งเพลงที่มีชื่อว่า ‘El Rock del Mundial’ จนได้รับความนิยมและถูกยกให้เป็นเพลงประจำทัวร์นาเมนต์ ก่อนจับพลัดจับผลูกลายเป็นประเพณีให้ชาติเจ้าภาพรายอื่นสืบทอดปฏิบัติตาม
นี่เป็นเพียงส่วนน้อยของเพลย์ลิสต์ประจำทัวร์นาเมนต์เวิลด์ คัพ ที่มีอายุยาวนานกว่า 60 ปี และเชื่อว่าผู้อ่านแต่ละท่านน่าจะมีเพลงในดวงใจนอกจาก 5 อันดับข้างต้น ที่เพียงหลับตาฟังเสียงเพลงก็ชวนอิ่มใจ และพาย้อนนึกถึงช่วงเวลานั้น
แล้วฟุตบอลโลกในความทรงจำของคุณคือครั้งไหน?
ที่มา:
https://www.nbcnewyork.com/news/sports/best-fifa-world-cup-anthems-of-all-time/3903201/
https://www.sportskeeda.com/football/5-best-fifa-world-cup-songs-time
https://globalvoices.org/2022/07/27/world-cup-theme-songs-through-the-ages/
Tags: ฟุตบอลโลก, world cup, Entertainment, Best World Cup Anthems, เพลงฟุตบอลโลก