หลายคนคงเคยบ่นว่า “ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาเลย” จากที่เมื่อก่อนคงพอมีเวลาสำหรับทำกิจกรรมหรืองานอดิเรกอื่นๆ เช่น ดูภาพยนตร์ในโรง นอนเอกเขนกอ่านหนังสือ ดูซีรีส์หามรุ่งหามค่ำ หรือแม้กระทั่งปาร์ตี้หลังเลิกงานวันศุกร์

ชีวิตนั้นมีจังหวะหนักเบาคละเคล้ากันไป แต่ถ้าไม่มีเวลาผ่อนคลายบ้างเลยก็คงเศร้าเหลือทน การตั้งเป้าความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ นั้นน่าจะทำให้หัวใจชุ่มชื่นขึ้นมาบ้าง อาทิ วันเสาร์นี้ฉันจะต้องอ่านหนังสือให้จบเล่มให้ได้! ดังนั้นแล้ว เราจึงขอแนะนำหนังสือ 5 เล่มที่จะช่วยให้มิชชั่นของคุณคอมพลีตอย่างแน่นอน

ขัปปะ

ผู้เขียน: ริวโนะซุเกะ อะคุตะงาวะ

ผู้แปล: กัลยาณี สีตสุวรรณ

สำนักพิมพ์: เม่นวรรณกรรม

ขัปปะ ผลงานเรื่องสุดท้ายของผู้แต่ง “ราโชมอน” ที่ทั่วโลกรู้จักดี ริวโนะซุเกะ อะคุตะงาวะ จากโลกใบนี้ไปด้วยวัยเพียง 35 ปี เหตุเพราะความไม่มั่นคงในจิตใจ ส่งผลให้เขาเลือกปลิดชีวิตของตนเอง ริวโนะซุเกะใช้เวลาในการเขียนหนังสือเพียงแค่ 10 ปีเท่านั้น อาจเป็นช่วงระยะเวลาที่สั้น แต่ก็ฝากผลงานอันเลื่องชื่อไว้มากมาย รวมถึง ขัปปะ ด้วย

ขัปปะเป็นเรื่องเล่าของคนไข้หมายเลข 23 ในโรงพยาบาลจิตเวช เขาเล่าให้กับทุกคนฟังว่าตัวเองเคยพลัดหลงตกลงไปในเมืองของขัปปะเมื่อฤดูร้อนสามปีก่อน ครั้งนั้นเขาตั้งใจไปปีนเขาโอดะคะ แต่ในระหว่างทางตัวเองดันพบเข้ากับขัปปะ จึงตัดสินใจวิ่งไล่ตามขัปปะไป รู้สึกตัวอีกทีเขาก็ตื่นขึ้นมาในเมืองที่มีแต่ขัปปะแล้ว

ขัปปะทุกตัวมีชื่อและชีวิตประจำวันไม่ต่างจากมนุษย์ พวกเขาดูแลมนุษย์ทุกคนที่พลัดหลงลงมาอย่างดี แถมยังจัดหาที่พักและอาหารการกินให้ด้วย สิ่งที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดของมนุษย์และขัปปะคงจะเป็นเรื่องความรัก ในโลกของขัปปะนั้น หากขัปปะตัวเมียถูกใจตัวผู้ตนไหน เธอจะหาทางทำให้เขาเป็นของเธอให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด

แต่ไม่ว่าอย่างไร มนุษย์กับขัปปะเราก็แตกต่างกันอยู่พอสมควร ทั้งความคิด ความเชื่อ และวิถีชีวิต คนไข้หมายเลข 23 จึงตัดสินใจกลับโลกมนุษย์ในวันหนึ่ง แล้วเขาก็มาลงเอยอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวช

ติสตู นักปลูกต้นไม้

ผู้เขียน: โมรีส ดรูอง

ผู้แปล: อำพรรณ โอตระกูล

สำนักพิมพ์: ผีเสื้อ

ติสตู อาจถูกจัดอยู่ในหมวดนิทานสำหรับเด็ก แต่เมื่ออ่านแล้วจะพบว่านิทานเล่มนี้เล่าเรื่องใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องเล็ก ที่ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหนก็อ่านได้ ติสตูเป็นเด็กที่ไม่ยอมให้ความคิดสำเร็จรูปของผู้ใหญ่เข้ามาครอบงำ เขาคือเด็กบริสุทธิ์ผุดผ่องที่เชื่อมั่นในความดีอย่างหมดหัวใจ และเขาจะเป็นคนดึง ‘เด็กในอดีต’ ในตัวเรากลับมา

ติสตู เป็นลูกชายของครอบครัวมหาเศรษฐีที่มีกิจการเป็นโรงงานผลิตปืนอันมีชื่อเสียง กิจการนี้ทำรายได้มหาศาล ซึ่งทำให้เขามีทรัพย์สมบัติมากมาย

ติสตูไม่เคยรู้จักโรงเรียนเลยจนอายุแปดขวบ ตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณแม่เป็นคนสอนให้ติสตูอ่านเขียน คำนวณ และเรียนรู้สิ่งต่างๆ แต่ครั้นต้องไปโรงเรียน ทุกคนก็ต้องพบว่าติสตูเข้ากับโรงเรียนไม่ได้ เขาจึงต้องถูกส่งตัวกลับบ้าน และเริ่มต้นเรียนรู้ในแบบที่ไม่เหมือนเด็กคนอื่น

บทเรียนแรกหลังออกจากโรงเรียนของติสตูคือดิน เพราะดินเป็นต้นกำเนิดของทุกสิ่ง เมื่อติสตูได้สัมผัสดินและลงมือปลูกต้นไม้แล้ว ความมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น ดอกไม้ทุกดอกที่ติสตูปลูกบานสะพรั่งภายในห้านาที เขาคือเด็กที่มีคุณสมบัติในการทำสวน!

นอกจากบทเรียนแรกแล้ว ติสตูก็ยังได้เรียนอะไรอีกมากมาย ทั้งความยากลำบาก ภัยพิบัติ เหตุบ้านการเมือง และสงคราม เรื่องสงครามนี้เองที่เป็นสิ่งที่ติสตูหนักใจที่สุด เขาเข้าใจถึงความโหดร้ายของมัน และรับรู้ว่ากิจการของครอบครัวตัวเองมีผลและความสำคัญอย่างไร ดังนั้นเขาจึงลงมือทำอะไรบางอย่าง เขาคัดค้านสงครามด้วยดอกไม้ ในแบบที่เด็กคนหนึ่งพอจะทำได้ และต้องเป็นเด็กอย่างติสตูเท่านั้น

ชายชราและทะเล

ผู้เขียน: เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์

ผู้แปล: วาด รวี

สำนักพิมพ์: ไชน์

เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ เป็นนักเขียนที่ไม่ว่าใครก็ต้องยอมรับในฝีไม้ลายมือ ภาษาของเขากระชับ แต่ในขณะเดียวกันก็คมคาย บทสนทนาและการบรรยายสมจริงสมจังจนผู้อ่านเห็นภาพตามได้ไม่ยาก ชายชราและทะเล เป็นผลงานในวัย 52 ปีของเขา เขียนขึ้นในช่วงที่เฮมิงเวย์อาศัยอยู่ในคิวบา หลังจากเผยแพร่งานชิ้นนี้ ในปีถัดมาหนังสือก็ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ทันที

ซันติอาโก ชายชราผู้ผ่ายผอม ทั้งใบหน้าและร่างกายของเขามีร่องรอยของวันเวลาที่ผ่านมานานปี ตอนนี้ออกทะเลมา 84 วันแล้วโดยที่ยังไม่ได้ปลาเลยสักตัว ช่วง 40 วันแรกเขายังมีเด็กชายมาโนลินไปด้วย แต่หลังจากไม่ได้ปลาเลยสักตัว พ่อแม่ของเด็กจึงให้ไปกับเรือลำอื่น เขาจึงออกทะเลตัวคนเดียว

นี่ไม่ใช่เรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับซันติอาโกมาก่อน เพราะก่อนหน้านี้เขาก็เคยผ่าน 87 วันในการไม่ได้ปลามาแล้ว และหลังจากนั้นชายชราก็จับปลาใหญ่ได้ทุกวันเป็นเวลาสามอาทิตย์

และในวันที่ 85 ชายชราก็ออกเรือเช่นเดิม แต่ครั้งนี้เขาเชื่อมั่นเหลือเกินว่าตัวเองจะต้องได้ปลา และก็เป็นจริงเช่นนั้น เขาพบกับปลาใหญ่ แต่แทนที่ตัวเองจะเป็นคนจับมันได้ ชายชรากลับเป็นฝ่ายถูกปลาลากไปเสียเอง ปลามาร์ลินตัวหนึ่งกลืนกินเหยื่อของเขาเข้าไปแล้ว และมันก็ยังว่ายต่อไปไม่หยุดจนพาเขาออกทะเล เมื่อมองกลับไปด้านหลังอีกที เขาก็ไม่เห็นแผ่นดินอีกต่อไป

ซันติอาโกต่อสู้กับปลายักษ์อยู่สามวัน จนโอกาสมาถึงและเรี่ยวแรงของเขาก็ใกล้หมดลงเต็มที เขาจึงใช้พลังเฮือกสุดท้ายในการพิชิตปลา เขาทำสำเร็จ แต่ปลาตัวใหญ่เกินไป เลือดของมันก็มากมายเกินไป เขาผูกปลาไว้กับท้ายเรือ และคาวเลือดของมันก็เป็นสิ่งล่อใจฉลามชั้นดี การต่อสู้ของซันติอาโกจึงยังไม่จบลงง่ายๆ

ความทรงจำถึงกะหรี่ที่แสนเศร้า

ผู้เขียน: กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ

ผู้แปล: ธีรศักดิ์ จิรรัตน์ไพโรจน์

สำนักพิมพ์: สามัญชน

กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ นักเขียนทรงอิทธิพล ที่มีผลงานสร้างแรงสะเทือนต่อพัฒนาการวรรณกรรมในกลุ่มประเทศลาตินอเมริกาและวรรณกรรมทั่วโลก เป็นผู้ทำให้วรรณกรรมแนวสัจนิยมมหัศจรรย์มีคนรู้จักอย่างแพร่หลายยิ่งขึ้น

หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว เป็นนวนิยายชิ้นเอกที่ได้รับการยกย่องชิ้นหนึ่งในศตวรรษที่ 20 เลยก็ว่าได้ และบุคคลที่มีอิทธิต่องานของเขาที่สุดคือตากับยาย

หนังสือ ความทรงจำถึงกะหรี่ที่แสนเศร้า เล่าเรื่องราวของชายวัยไม้ใกล้ฝั่ง ชายชราอายุย่าง 90 คนหนึ่งมอบของขวัญให้แก่ตัวเองด้วยการเที่ยวซ่อง ชายผู้ทำงานเป็นบรรณาธิการข่าววิทยุมากว่า 40 ปี และตอนนี้ชีวิตก็อยู่ได้ด้วยเงินบำนาญอันน้อยนิด แต่ในวันเกิดปีที่ 90 เขาต้องการฉลองมันด้วยราตรีที่ไร้ศีลธรรม เขาผู้ซึ่งไม่เคยขึ้นเตียงกับผู้หญิงโดยที่ไม่ได้จ่ายเงิน และก็กำลังจะทำมันอีกครั้ง สิ่งสำคัญที่เน้นย้ำมีเพียงอย่างเดียว เขาต้องการเด็กสาวบริสุทธิ์เท่านั้น

เมื่อวันนั้นมาถึง เขาก็ได้พบกับเด็กสาวตามที่ต้องการ เธอเปลือยเปล่า ไร้ซึ่งอาภรณ์และอยู่ในสภาพเช่นเด็กแรกเกิด เธอหลับใหลอยู่บนเตียง เรื่อเรืองผุดผ่องเพราะไม่เคยผ่านการสัมผัสจากใครคนไหน เขายินดีและพยายามจะทำสิ่งที่หวัง แต่ท้ายที่สุดก็รู้สึกอัปยศและเศร้าใจจนร่างกายไม่สามารถมีกำลังได้เหมือนวัยหนุ่ม คืนนั้นผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับคนทั้งสอง

หลังจากนั้นหลายคืนเขากลับไปยังสถานที่เดิมอีก กลับไปเพื่อนอนเคียงข้างเด็กสาว เฝ้าดูเธอตกอยู่ในนิทรา และได้ล้มตัวหลับลงข้างๆ เขาพบว่าตัวเองตกหลุมรักกะหรี่ตัวน้อยนี่เข้าแล้ว และความรู้สึกรักนี้ก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผู้ซึ่งเข้าใกล้ความตายอย่างเขากลับต้องเผชิญหน้ากับความแก่ชราไปพร้อมๆ กับความรู้สึกดั่ง ‘รักแรก’ พบนี้

ของฝากจากทะเล

ผู้เขียน: แอนน์ มอร์โรว์ ลินด์เบิร์กห์

ผู้แปล: จนัญญา เตรียมอนุรักษ์

สำนักพิมพ์: โอเพ่นบุ๊คส์

ผลงานของแอนน์ มอร์โรว์ ลินด์เบิร์กห์ นักบินหญิงคนแรกของสหรัฐอเมริกา ผู้เป็นภรรยาของนักบินหนุ่มผู้มีชื่อเสียง ชาร์ลส์ ลินด์เบิร์กห์ ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยคลื่มลมและพายุ เรื่องราวร้ายๆ ต่างประเดประดังเข้าหาเธออย่างไม่หยุดหย่อน และหนึ่งในนั้นคือคดีลักพาตัวอันโด่งดังที่สุดคดีหนึ่ง

แอนน์ใช้ชีวิตในการเป็นทุกอย่างแบบที่สังคมเฝ้าเรียกหาจากผู้หญิงคนหนึ่ง เธอต้องเป็นภรรยาที่ดี แม่ที่น่ารัก สาวสังคมที่น่าคบหา ทำทุกๆ สิ่งในบ้านให้เรียบร้อย และไม่ขาดตกบกพร่องในหน้าที่ทางสังคม จนเมื่อเธอได้มีเวลาพักผ่อนและชำระล้างจิตใจบ้างหลังชะตากรรมอันโหดร้าย แอนน์เลือกไปเกาะแคปติวาเพียงลำพัง

ที่นี่เองที่เธอได้ค้นพบสมดุลของชีวิตอีกครั้งผ่านการเขียน บันทึกที่ได้จากเกาะแห่งนี้คือหนังสือ ของฝากจากทะเล หนังสือที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจและแรงกระเพื่อมต่อหัวใจใครๆ ได้ แอนน์ถ่ายทอดบทเรียนชีวิตด้วยภาษาเรียบง่าย ทว่าทั้งลึกซึ้งและงดงาม

จังหวะชีวิตของเราคล้ายจะช้าลงเมื่อเปิดอ่าน ค่อยๆ ไหลไปตามแรงคลื่นของทะเลอักษร มหาสมุทรเหมือนโอบอุ้มเราเอาไว้ และท้ายที่สุดมันจะสร้างความแข็งแกร่งให้กับเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ควรค่าที่สุดที่จะมอบหนังสือเล่มนี้เป็นของขวัญให้บุคคลอื่นตามที่ใครๆ เคยกล่าวอ้างเอาไว้

“เมื่อใดเราไม่สามารถสัมผัสตัวเอง เราก็ไม่อาจสัมผัสถึงผู้อื่นเช่นกัน”

Tags: , , , , , , ,