เวลาที่คุณไปเดินงานสัปดาห์หนังสือ คุณจะพบหนังสือมากมายละลานตา แล้วคุณอาจไปสะดุดเข้ากับหนังสือประเภทหนึ่งที่อัดแน่นอยู่ในบูธบางบูธ หน้าปกเป็นรูปการ์ตูน บางเล่มขนาดเพียงฝ่ามือ แต่บางเล่มก็มีขนาดทั่วๆ ไป แต่ส่วนใหญ่แล้วความยาวของแต่ละเรื่องจะไม่หนามากนัก หนังสือเหล่านี้ถูกเรียกว่า ‘ไลท์โนเวล’
เนื้อหาของหนังสือเหมาะสำหรับกลุ่มเด็กและวัยรุ่น ภาษาเข้าใจง่าย ภายในอาจมีภาพประกอบบ้างประปราย การดำเนินเรื่องคล้ายคลึงกับมังงะ เรื่องที่ได้รับความนิยมมักถูกนำไปสร้างเป็นอนิเมะ แอนิเมชั่น หรือเกมส์ ซึ่งบางเรื่องมาเรียบเรียงเป็นไลท์โนเวลในภายหลังก็มีเช่นกัน ความสนุกของมันจึงแตกต่างจากนวนิยายทั่วๆ ไปอย่างชัดเจน แต่นั่นก็แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล
สำหรับใครที่อยากจะลองอ่านไลท์โนเวลดูบ้าง แต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน เพราะบางเรื่องก็ออกมาเป็นซีรีส์หลายเล่มจบ คุณอาจจะหยิบไลท์โนเวลเล่มเดียวจบมาลองเชิงดูก่อนก็ได้ ความประทับใจนี้อาจพาคุณเข้าสู่โลกอีกใบของการอ่าน
ยามสายฝนโปรยปราย
ผู้เขียน: มาโคโตะ ชินไค
ผู้แปล: ณรรมน ตั้งจิตอารี
สำนักพิมพ์: Animag
The Garden of Words ผลงานจากผู้กำกับแอนิเมชันชื่อดัง มาโคโตะ ชินไค ที่ไม่ได้ออกมาเพียงหนังสือเท่านั้น แต่ยังมีแอนิเมชันความยาว 46 นาทีด้วย ซึ่งความสวยงามด้านภาพนั้นเราคงไม่ต้องพูดถึง เพราะชื่อชินไคนั้นรับประกันอยู่แล้วว่าภาพจะออกมาสวยงามเพียงใด
ในฉบับแอนิเมชัน ชินไคจะเน้นหนักไปที่สองตัวละครหลักมากกว่า แต่ในฉบับไลท์โนเวล เราจะได้พบกับตัวละครที่ไม่ปรากฎตัวในแอนิเมชันด้วย แม้ว่าเรื่องราวในตอนต้นและตอนจบจะไม่ต่างจากกัน แต่เรื่องราวระหว่างทางก็จะมีมิติอื่นๆ เพิ่มเติมมากขึ้น
ฤดูฝนที่หมองหม่น หลายชีวิตยังดำเนินไปอย่างเช่นทุกวัน แต่บางชีวิตก็เทาทึมไปไม่แพ้อากาศ หยาดฝนโปรยปรายนั้นคือม่านของความเศร้า ทาคาโอะ เด็กหนุ่มวัยมัธยมตกอยู่ท่ามกลางปัญหาของครอบครัว เขามักโดดเรียนไปนั่งวาดรูปในสวนสาธารณะ ในศาลาเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีคนผ่านเข้ามาเท่าไร เขาใฝ่ฝันอยากจะเป็นช่างรองเท้าจึงมั่นวาดรูปและศึกษาเกี่ยวกับสิ่งที่ตนสนใจ
ในวันที่ฤดูฝนยังทำหน้าที่ต่อไป เขาก็ได้พบกับ ยูคิโนะ หญิงสาวที่อายุมากกว่า ซึ่งเขาคุ้นหน้าเป็นอย่างดี เธอมักมาพร้อมช็อกโกแลตและกระป๋องเบียร์ในมือ แล้วความโดดเดี่ยวของทั้งสองก็ผูกพันเข้าด้วยกัน บทสนทนาก่อตัว และการโคจรมาพบกันก็เกิดขึ้นเสมอๆ เมื่อหยาดฝนโปรยปราย แววตาเศร้าหมองของพวกเขาฉายแววความสดใสมากขึ้น และพวกเขาก็ภาวนาให้ลืมตาตื่นมาเจอฝนในทุกวัน
มันเต็มไปด้วยมวลของความรู้สึก ทั้งความรัก ความกล้าหาญ และการเผชิญหน้า ทั้งสองต่างหลงทางอยู่ในวังวนของตัวเอง แต่ก็พยายามที่จะก้าวไปข้างหน้าในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง มันอาจจะติดขัดบ้างในบางจังหวะ ซ้ำยังไม่อาจแน่ใจในปลายทางได้ ถึงอย่างไรมันก็น่าจะดีกว่าการย่ำอยู่กับที่อย่างแน่นอน
คำถามในคืนหิมะตก
ผู้เขียน: นัทสึ อาชิฟุเนะ
ผู้แปล: ธีรัตต์ ธีรพิริยะ
สำนักพิมพ์: Animag
หนังสือโปรยปกมาด้วยคำถามสามข้อ หนึ่ง คุณมีแฟนรึเปล่าคะ? สอง คุณสูบบุหรี่รึเปล่าคะ? และข้อสุดท้าย คุณ…? คำถามสุดท้ายที่ไม่ได้โปรยไว้คืออะไรไม่มีใครทราบหากไม่เปิดหนังสือออกมาอ่าน คำถามที่จะพาเราไปไล่จับความทรงจำของเคตะ ไล่เรียงจากวันเยาว์จนเติบโต ตัดสลับไปมากับเหตุการณ์ในปัจจุบัน
โอโนะ จิงุสะ เป็นหญิงสาวที่เอ่ยถามคำถามเหล่านั้นกับเขาในคืนหิมะตก ก่อนที่พวกเขาจะตกลงแต่งงานกัน ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างเรียบง่าย แต่เหมือนว่ายังมีบางสิ่งที่ขาดหายไป ฟังแบบนี้แล้วผู้อ่านคงเข้าใจว่านี่เป็นเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แต่เอาเข้าจริงมันกลับเข้มข้นไปด้วยเรื่องครอบครัวและสังคม
เคตะเคยมีชีวิตวัยเด็กที่สวยงาม แต่หลังจากนั้นมันกลับเจ็บปวด ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพี่ชายตกเหว เมื่อพี่ที่เคยสดใสกลับกลายเป็นฮิคิโคโมริ (คนที่ปิดตัวจากสังคม) ซึ่งมันส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของเขาไปด้วย ครอบครัวของเขาค่อยๆ พังทลายลง ทั้งหมดคือความทรงจำอันเลวร้ายที่ปิดขังเขาเอาไว้ แล้วจุดหนึ่งมันก็ยากต่อการแก้ไข จิงุสะ อาจเป็นคนที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้น ประคับประคองให้เคตะไม่ปวดร้าวจนเกินไป แต่เขาจะมีครอบครัวได้จริงๆ ได้ไหม คุณอาจต้องไปหาคำตอบด้วยตัวเอง
ผมจ้องมองเธอด้วยดวงตาที่เห็นความตาย
ผู้เขียน: นาโอกิ เฮียคุตะ
ผู้แปล: เนตรนภิส ศิลป์เจริญ
สำนักพิมพ์: แพรวสำนักพิมพ์
ความตายเป็นสิ่งที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ บางคนเลือกที่จะจากไปด้วยตัวเอง บางคนก็จากไปอย่างปุบปับไม่ทันให้ใครตั้งตัว แต่ไม่ว่าอย่างไหนก็ต่างทิ้งความเศร้าโศกเอาไว้ให้คนที่อยู่เบื้องหลัง
ความตายเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้และไม่มีใครรู้ แต่ถ้าวันหนึ่งคุณเกิดมาความสามารถที่จะมองเห็นความตายนั้นเหล่า คุณจะทำอย่างไร? ชินอิจิโร เป็นผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่ง เขาสูญเสียครอบครัวไปตั้งแต่เด็ก เติบโตมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า และถูกกลั่นแกล้งจนกลายเป็นคนไม่ค่อยพูดค่อยจา เข้าสังคมไม่เก่ง ไม่มีเพื่อน และใช้ชีวิตอย่างเป็นโสดเรื่อยมา ชินอิจิโรทำงานอยู่ในอู่ขัดเคลือบสีรถยนต์ ซึ่งกินระยะเวลามาเกือบ 5 ปีแล้ว เขาก้มหน้าก้มตาทำงานและใช้ชีวิตต่อไป กระทั่งวันหนึ่ง เขาเริ่มมองเห็นคนบางคนมีลักษณะโปร่งใส บ้างก็แค่อวัยวะบางส่วน แต่บ้างก็โปร่งใสไปทั้งตัว เขาคิดว่าตัวเองคงผิดปกติไปเอง จนเมื่อความตายโผล่มาทักทาย บุคคลที่เคยโปร่งใสไปทั้งตัวนั้นประสบอุบัติเหตุและหมดลมหายใจ นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ชินอิจิโรรู้ว่าดวงตาของเขาสามารถมองเห็นความตายได้ ความสามารถนี้ทำให้เขาเลือกจะช่วยเหลือคน แต่แล้วเขาก็ได้รับคำเตือนว่าการเข้าไปยุ่มย่ามกับชะตาของคนอื่นจะทำให้เขาต้องเสียใจภายหลัง เพราะมันเปรียบได้กับการท้าทายอำนาจของพระเจ้า
ถ้าอย่างนั้น ความสามารถพิเศษนี้จะมีไปเพื่ออะไร ทำไมต้องเกิดขึ้นกับเขา และในวันที่เขากำลังมีความรักอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เขาควรจะเพิกเฉยความตายของผู้อื่นแล้วมีความสุขต่อไป หรือควรลงมือทำอะไรบ้างเพื่อส่งสัญญาณเตือน คนส่วนใหญ่เชื่อว่าพวกเขามีเวลาถมเถ พรุ่งนี้จะยังมาถึงเสมอ จนเราหลงลืมไปว่าชีวิตนั้นเปราะบางแค่ไหน ชินอิจิโรกลายมาเป็นผู้ที่เห็นความเปราะบางทั้งหมดนั่น ซึ่งเขาต้องตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับดวงตาดวงนี้
ฝันถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว
ผู้เขียน: โยะรุ ซุมิโนะ
ผู้แปล: ธวัลยา
สำนักพิมพ์: แพรวสำนักพิมพ์
ผลงานจากผู้ที่เคยสร้างความประทับใจให้กับหลายคนมาแล้ว จากเรื่อง ตับอ่อนเธอนั้นขอฉันเถอะนะ จนเดินทางมาถึง ฝันถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว ที่ประสบความสำเร็จไม่แพ้กัน ทั้งยังสร้างความอิ่มเอมและอบอุ่นได้ไม่ด้อยไปกว่าเดิม
เรื่องราวในเล่มนี้จะประกอบด้วยตัวละครหลักสี่คน ซึ่งเชื่อมโยงกันในทางใดทางหนึ่ง อันเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องไปตามหากันเอง โคยานากิ นาโนกะ เด็กประถมที่ชอบอ่านหนังสือเป็นงานอดิเรก เธอฉลาด แต่เข้าสังคมไม่เก่ง เธอจึงไม่มีเพื่อนที่โรงเรียนเลยสักคน แต่เธอกลับมีเพื่อนเป็นผู้หญิงต่างวัยที่เรียกได้ว่าสนิทสนมกันพอตัว
คุณมินามิ เด็กสาววัยมัธยมที่มักทำร้ายตัวเองและมีบาดแผลที่ข้อมือ คุณดอก หญิงสาวหน้าตาสะสวยที่ทำงานกลางคืน และคุณยาย หญิงชราที่ทำขนมอร่อย แถมยังใจดีมากด้วย แต่แล้ววันหนึ่งนาโนกะก็ตกที่นั่งลำบาก เมื่อเธอต้องจับคู่กับคิริวเพื่อทำรายงานเรื่อง “ความสุขคืออะไร” มันควรจะเป็นการทำงานที่ไม่ยุ่งยากนัก หากไม่ใช่เพราะอยู่ๆ คิริวก็ไม่ยอมมาโรงเรียน
ดังนั้น นาโนกะจึงต้องพยายามหาคำตอบว่าสาเหตุมาจากอะไร โดยได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนต่างวัยทั้งสามคน การไล่ล่าหาคำตอบเพื่อเข้าไปสู่ตัวคิริวนี้ ไม่ได้เป็นแค่การช่วยเหลือคิริวเท่านั้น แต่แง่หนึ่งมันยังเป็นการช่วยให้เธอได้หาคำตอบของตัวเองด้วยว่าสิ่งที่เธอต้องการคืออะไร เธอทำสิ่งไหนผิดพลาดไปบ้าง แล้วแก้ไขตอนนี้ยังทันไหม แท้จริงความสุขคืออะไร และเราจะเป็นคนที่สามารถมีความสุขได้หรือเปล่า มาร่วมหาคำตอบไปพร้อมกัน
เมื่อใจกู่ร้องอยากบอกโลก
ผู้เขียน: มิกะ โทโยดะ
ผู้แปล: ภาวิฉัตร เตวียนันท์
สำนักพิมพ์: Dexpress
คำพูดก็เป็นเหมือนดาบสองคม ด้านหนึ่งสามารถสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ได้ แต่อีกด้านหนึ่งก็สามารถทำลายสิ่งเหล่านั้นให้หมดไปได้เช่นกัน ในฝั่งตรงกันข้าม ความเงียบเองก็ไม่ต่างอะไรไปจากกันมากนั้น บางครั้งมันช่วยให้เหตุการณ์สงบลง แต่บางครั้งมันก็ทำให้ทุกอย่างคุกรุ่นโดยไม่มีวันมอดดับ เพราะฉะนั้น เราจึงต้องรู้จักทั้งการพูดและการเงียบ
นารุเสะ จุน เป็นเด็กหญิงร่าเริง พูดเก่ง ยิ้มแย้ม และแจ่มใสอยู่เสมอ เธอมีครอบครัวที่น่ารัก มีพ่อกับแม่ที่รักเธอ จนกระทั่งวันหนึ่ง ครอบครัวเธอก็แตกสลายด้วยคำพูดอย่างไม่คิดของเธอ นับจากวันนั้น จุนจึงถูก ‘ภูติไข่’ ร่ายคำสาป และไม่สามารถปริปากพูดได้ดังเดิมอีกต่อไป ทุกครั้งที่พยายามเธอจะรู้สึกปวดท้อง แม้แต่กับแม่ เธอก็พูดกับท่านไม่ได้เช่นกัน
จุนใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวเรื่อยมา ไร้เพื่อน ไร้สังคม ไร้ความสัมพันธ์อันดีกับแม่ ในขณะที่ชีวิตกำลังดำเนินไปเช่นทุกวัน เธอถูกรับเลือกให้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการจัดงานงานสานสัมพันธ์ชุมชน พร้อมกับเพื่อนอีกสามคน ที่มากไปกว่านั้นเธอยังต้องร่วมแสดงละครเพลงอีกด้วย ลำพังแค่การพูดก็ยากแล้ว เรื่องการร้องเพลงยิ่งไม่ต้องพูดถึง!
ไม่ใช่แค่จุนเท่านั้นที่มีปัญหาเรื่องคำพูด ทุกคนต่างก็ประสบปัญหานี้เช่นกัน แต่ในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ปมในอดีตกำลังจะระเบิดตัว ความอัดอั้นตันใจกำลังจะทะลัก ความรู้สึกกำลังต้องการการปลดปล่อย กรงขังของพวกเขาจะเปิดออก แล้วความในใจที่มีมาตลอดจะถูกตะโกนออกไป คำพูดที่เคยทำร้ายจะสมานบาดแผล ความเงียบที่กดทับจะเปล่งเสียงกังวาน เมื่อหัวใจของพวกเขากู่ร้องออกมาพร้อมกัน