แม้ว่าร้าน Warm Welcome Bakery & Cafe จะไม่ใช่ร้านเปิดใหม่ล่าสุด หรือเก๋ไก๋ตามสมัยนิยมแบบที่ไหนๆ แต่เมื่อกองบรรณาธิการให้โจทย์มาว่า อยากให้แนะนำร้านคาเฟ่ที่ผู้เขียนรู้สึกเสียดายที่ไปคนเดียว หรือรู้สึกไปแล้วอยากกลับมาชวนเพื่อนสนิทมิตรสหายไปด้วยกันมากที่สุด ชื่อของร้านนี้ก็ขึ้นมาแทบจะในทันที

เราเชื่อว่าความฝันของคนทำขนมเค้กส่วนใหญ่ คงหนีไม่พ้นการมีร้านน่ารักๆ เป็นของตัวเองสักร้านหนึ่ง เช่นเดียวกับ ‘ตอง’ – เกื้อกูล สายเชื้อ และ ‘หนิง’ – กัญทิมา ชูอำนาจ ที่เริ่มต้นความฝันด้วยการทำร้านขนมเค้กปั้น หรือ ฟองดองเค้ก (Fondant) ขายออนไลน์ ก่อนจะชวนกันมาเปิดร้านในพื้นที่น่ารักและอบอุ่นสมชื่ออย่าง Warm Welcome Bakery & Cafe

WHAT YOU SHOULD KNOW:

“ด้วยความที่โครงสร้างร้านเป็นบ้านหลังเล็กน่ารักๆ จึงเป็นที่มาของชื่อร้านว่า Warm Welcome และเนื่องจากมีโจทย์ว่าจะใช้พื้นที่ตรงนี้ทำขนมทั้งหมดของทางร้านด้วย เราจึงเลือกจัดพื้นที่ต่างๆ ให้โล่งขึ้น ซึ่งทุกคนจะเซอร์ไพรส์มากว่าขนมที่กินอยู่นั้นออกมาจากพื้นที่ครัวเล็กๆ ตรงนี้

“นอกจากคอนเซ็ปต์เมนูขนมและเครื่องดื่มโฮมเมดแล้ว เรื่องการตกแต่งร้าน เดิมเราไม่ได้ตั้งใจให้รู้สึกเป็นญี่ปุ่นจ๋า เพราะเค้กของเราเป็นสไตล์อเมริกัน แต่ด้วยพื้นที่เล็กมากๆ สุดท้ายแล้วก็ออกมาสไตล์ญี่ปุ่นอยู่ดี ตอนแรกเราอยากให้ออกมาสไตล์สแกนดิเนเวียน ใช้ไม้โทนสีเข้ม (หัวเราะ)

“จากขนมเค้กสไตล์ญี่ปุ่นตามสมัยนิยม เรามักจะเจอขนมเค้กเนื้อฟูนุ่ม ต่างจากขนมของทางร้านที่จะเป็นสไตล์อเมริกัน นั่นคือ เนื้อแน่น เข้มข้น ไม่แห้งกระด้าง และให้รสสัมผัสที่ชุ่มฉ่ำ รู้สึกถึงความแน่นและหนึบที่เนื้อขนม ซึ่งเป็นความตั้งใจที่เราอยากให้ลูกค้าได้ลิ้มลองขนมเค้กใหม่ๆ ซึ่งจริงๆ ถ้าเป็นสไตล์อเมริกันจ๋าเลยจะมีรสชาติที่หวานมาก แต่ของเราจะปรับรสชาติให้ไม่หวานขนาดนั้น รวมถึงรูปทรงเค้กที่เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม เพราะรู้สึกว่ามันน่ารักดีเวลาตัดเรียงว่างในตู้ และเราก็อยากให้เค้กร้านเราแตกต่างจากที่อื่นด้วย”

EAT THIS:

เริ่มต้นกันที่เมนู Young Coconut Cake (115 บาท) ที่เสิร์ฟพร้อมเนื้อมะพร้าวหอมหวาน ให้ความสดชื่นแบบเต็มๆ คำ เหมาะสมอย่างยิ่งกับหน้าร้อนแบบนี้ ก่อนจะเลือกชิม Red Velvet Cake (95 บาท) ที่เหล่าแฟนพันธุ์แท้เค้กเรดเวลเว็ตต่างเทใจให้ เพราะเนื้อสัมผัสที่นุ่ม ชุ่มฉ่ำ และให้ความหนึบเข้มข้น ตามแบบฉบับเรดเวลเว็ตของแท้

ก่อนจะหูผึ่งเพราะได้ยินคำว่า ‘ซอสคาราเมลสูตรเฉพาะของทางร้าน’ ที่ทำจากการเบิร์นน้ำตาลให้ไหม้ถึงจุดที่พอใจ พร้อมด้วยส่วนผสมตามสูตรจนออกมาเป็นซอสคาราเมลหอมหวานแบบพิเศษ ยิ่งเสิร์ฟเป็นท็อปปิ้งในเมนู Bread Pudding (95 บาท) ขนมแรร์ไอเทมสูตรพิเศษ ที่ฉ่ำด้วยกรรมวิธีจุ่มแช่ขนมปังหอมเนยลงในคัสตาร์ดหอมๆ นานข้ามคืน ยิ่งเข้ากันดีเป็นที่สุด

และสำหรับใครที่กลัวว่าจะไม่อิ่ม นอกจากขนมเค้กแล้วที่นี่ยังมีเมนูแซนด์วิชให้คุณได้เลือกรองท้องก่อนเมนูขนมหวาน อย่าง Magherita Panini Sandwich (185 บาท) ที่มีให้เลือกระหว่างแฮม เนื้อไก่ หรือใครที่เป็นมังสวิรัติก็สามารถเลือกทานได้ เสิร์ฟพร้อมกับสลัดผักจานโต ให้คุณรู้สึกสดชื่นและอิ่มอร่อยเต็มคำ และก็ยังมีเมนูแซนด์วิชอื่นๆ อย่าง Tuna Melt และ Ham Cheese Sandwich

นอกจากนี้ ทางร้านยังมีเมนูเค้กอีกมากมาย อย่าง Carrot Prune ที่ใส่เนื้อพรุนลงไปตัดความเลี่ยนของเค้กพร้อมด้วยครีมชีสที่ใช้มะนาวแท้ให้ความหอมและสดชื่นเต็มคำ หรือเมนูซิกเนเจอร์อย่าง Vanilla Caramel Walnut ที่หาจากที่ไหนไม่ได้ จากส่วนผสมที่ลงตัวทั้งเค้กวานิลลาเนื้อนุ่ม โฮมเมดคาราเมล และวอลนัตแสนอร่อย เมนู Banoffee อร่อยลงตัวเนื้อแน่นเต็มคำเพราะใส่เครื่องอย่างไม่หวงของ จุใจทั้งคนทำและคนกินแน่นอน

DRINK THIS:

“เดิมทีร้านเราแค่จะเน้นนำเสนอขนมเค้กที่อร่อย แต่เรารู้สึกว่า ลูกค้าก็ควรได้รับกาแฟที่อร่อยด้วยเหมือนกัน เราจึงให้ความสำคัญกับการเสาะหาเมล็ดกาแฟ และเป็นความตั้งใจที่อยากใช้เมล็ดกาแฟไทย เพราะเราเชื่อถึงคุณภาพและความตั้งใจของคนปลูกคนทำ จนมาได้เมล็ดกาแฟที่ถูกใจเป็นกาแฟออร์แกนิกจากเชียงใหม่ ที่คั่วเบลนด์สำหรับร้านเราโดยเฉพาะ ซึ่งทุกคนก็แฮปปี้กับกาแฟของเรา”

ใครที่ชอบความหอมหวานจากคาราเมล ต้องไม่พลาดเมนู Caramel Macchiato (105 บาท) พิเศษด้วยซอสคาราเมลสูตรเด่นแบบจัดเต็ม หรือเลือกเติมความสดชื่นระหว่างวันเมนู Lemon Tea (120 บาท) ที่ใช้ชาทั้งถุงชงสดใหม่ๆ จะได้รสชาติชาที่เข้มข้น และหอมหวานด้วยเลมอนไซรัปสูตรพิเศษของทางร้าน ให้กลิ่นหอมนวลเป็นธรรมชาติ เสิร์ฟพร้อมเลมอนฝานให้รสสัมผัสทั้งน้ำและเนื้อเลมอนแบบเต็มๆ

นอกจากนี้ ยังมีเมนู Chocolate สูตรเข้มข้น เมนู Original Thai Tea สูตรโบราณจริงๆ ที่ลูกค้าชาวต่างชาติหลงรัก และเมนู Kyoto Honey Green Tea ที่ใช้ชาเขียวแท้จากเกียวโตชงกับน้ำผึ้งป่าเดือนห้าเท่านั้น นอกจากจะไม่กลบกลิ่นหอมธรรมชาติของชาเขียว ยังให้รสชาติหวานมันไม่เหมือนที่ไหน

YOU’RE WELCOME:

เมื่อถามถึงความสุขที่ได้รับในฐานะคนทำร้านขนม เธอตอบในทันทีว่า

“ความสุขเริ่มตั้งแต่ประตูหน้าร้านเลย (หัวเราะ) ทุกคนได้เจอกับความร่มเย็นของต้นไม้ด้านหน้า ได้ความสุขจากการได้กินเค้กอร่อยๆ ที่เราตั้งใจทำ ทุกครั้งที่ลูกค้าพูดกับเราว่า พวกเขารับรู้ได้ถึง Warm Welcome จริงๆ แค่นี้เราก็ดีใจมากๆ แล้ว เมื่อทุกคนมีความสุข เราก็มีความสุขไปด้วย ความสุขสำหรับเราจึงอัดแน่นอยู่ในร้านนี้นี่แหละ”

อย่ารอช้า ร้านเล็กๆ แสนอบอุ่นร้านนี้ รอให้คุณมาเป็นลูกค้าประจำอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 33

Warm Welcome Bakery & Cafe
Open: เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 08:00-18:00 น.
Address: 19/5 ซอยสุขุมวิท 33 กรุงเทพฯ
Tel: 09-2916-6951
Budget: 75-200 บาท
Parking: ชั้นล่างสุดของอาคาร 33 Tower (100 เมตรจากร้าน)

Tags: , ,