เมื่อราว 2 ปีก่อน Wirecard ฟินเทคด้านการประมวลผลธุรกรรมทางการเงินที่แทบไม่มีใครรู้จักแถมสำนักงานใหญ่ยังตัวอยู่ในเมืองเล็กๆ ของแคว้นบาวาเรียกลับกลายเป็นพาดหัวของหนังสือพิมพ์ธุรกิจ เพราะมูลค่ากิจการแซงหน้า Deutsche Bank ธนาคารพาณิชย์อายุ 150 ปีแล้วเข้าไปอยู่ในดัชนี DAX30 ที่สงวนไว้สำหรับบริษัทยักษ์ใหญ่ 30 อันดับแรกที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แฟรงก์เฟิร์ต

ขณะที่ธนาคารพาณิชย์เก่าแก่ต้องพยายามปรับตัวขนานใหญ่กับเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ที่เจาะตลาดธุรกรรมทางการเงิน Wirecard ให้บริการซอฟต์แวร์จ่ายเงินออนไลน์ ระบบชำระเงินแบบไร้สัมผัส รวมถึงระบบป้องกันการทุจริต โดยมีลูกค้ารายใหญ่อย่าง FedEx และ Fitbit ก่อนจะกระโดดมาแสวงหาโอกาสในตลาดเอเชียและต่อมาได้จับมือกับยักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง Alipay และ WeChat สร้างรายได้มหาศาลรวมถึงเป็นความภูมิใจของภาคธุรกิจเยอรมนีที่ช่วยบ่มเพาะฟินเทคที่เติบโตไปไกลในระดับโลก

แต่ดาวรุ่งเริ่มหรี่แสงลงหลังจากที่สำนักข่าวไฟแนนเชียล ไทมส์ (Financial Times) รายงานข่าวสืบสวนสอบสวนเมื่อต้นปี พ.ศ. 2562 เปิดเผยว่าบริษัทปลอมแปลงเอกสารและทำเอกสารย้อนหลังที่สำนักงานประเทศสิงคโปร์เพื่อสร้างยอดขายให้สูงเกินจริง อีกทั้งยังเจอเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันที่สำนักงานในประเทศดูไบ และกรุงดับลิน ประเทศไอร์แลนด์

วิกฤตของ Wirecard เริ่มแสดงเค้าลางเมื่อบริษัทขอเลื่อนการนำส่งงบการเงินรวมปี พ.ศ. 2562 ครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนที่จะเปิดเผยต่อสาธารณะเมื่อวันที่ 18 มิถุนายนว่าบริษัทไม่สามารถหาหลักฐานยืนยันการมีอยู่ของเงินสดมูลค่า 1.9 พันล้านยูโรเพื่อแสดงให้กับผู้ตรวจสอบบัญชีของอีวาย (EY) บริษัทสอบบัญชียักษ์ใหญ่ของโลกโดยเงินสดดังกล่าวคิดเป็นมูลค่าราว 1 ใน 4 ของสินทรัพย์ในงบการเงิน

แต่ปัญหายังไม่จบแค่เรื่องเงินหาย เพราะหากบริษัทยังไม่สามารถเผยแพร่งบการเงินที่ผ่านการรับรองโดยผู้สอบบัญชีในวันที่ 19 มิถุนายนจะถือเป็นการผิดเงื่อนไขของการกู้ยืมเงินมูลค่า 2 พันล้านยูโรโดยบริษัทจะต้องหาเงินสดมาชำระทันทีซึ่งจะส่งผลให้บริษัทขาดสภาพคล่องเพราะนักวิเคราะห์คาดว่าบริษัทจะเหลือเงินสดอยู่เพียง 220 ล้านยูโรหากยังไม่สามารถตามหาเงิน 1.9 พันล้านยูโรที่หายไปได้

มาร์คัส บรอน (Markus Braun) ประธานกรรมการบริหารบริษัท Wirecard ตั้งแต่ พ.ศ. 2545 ประกาศลาออกจากตำแหน่งทันทีหลังจากที่ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในฟิลิปปินส์ BDO Unibank และธนาคารอีกหนึ่งแห่งซึ่งควรจะเป็นผู้ถือเงินดังกล่าวของ Wirecard ให้สัมภาษณ์ว่าไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ กับบริษัท พร้อมทั้งระบุว่าเอกสารยืนยันยอดเงินฝากที่บริษัทได้รับนั้นเป็นเอกสารปลอมซึ่งถูกทำขึ้นโดยพนักงานที่ทุจริต

เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ราคาหุ้นของ Wirecard ร่วงลงราว 80 เปอร์เซ็นต์เหลือเพียง 3.4 พันล้านยูโร นับเป็นการร่วงของราคาหุ้นที่รุนแรงที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้นเยอรมนี และนับเป็นจุดต่ำสุดของฟินเทคดาวรุ่งที่ครั้งหนึ่งเคยมีมูลค่าไปแตะถึง 24.6 พันล้านยูโร

ที่มา

https://www.cnbc.com/2020/06/19/wirecards-future-is-in-doubt-as-accounting-scandal-deepens.html

https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-06-18/wirecard-drops-in-early-trading-before-delayed-financial-results

https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-06-19/bdo-unibank-says-it-s-one-of-banks-involved-in-wirecard-probe

https://www.bbc.com/news/business-53093305

https://www.nytimes.com/reuters/2020/06/19/business/19reuters-wirecard-results-fraud.html

ภาพ: REUTERS/Michael Dalder

Tags: