เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ในการประชุมผู้นำจี 20 ที่เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้ประชุมหารือนอกรอบ ซึ่งใช้เวลาราว 80 นาที จนบรรลุข้อตกลงว่า จะเริ่มเจรจาการค้าใหม่ ทรัมป์จะไม่เพิ่มกำแพงภาษีอีก และอนุญาตให้บริษัทของสหรัฐฯ ขายอุปกรณ์ให้กับหัวเว่ยได้

หลังจากเสร็จสิ้นการเจรจา ซึ่งทรัมป์บอกว่า สีจิ้นผิงนั้นยอดเยี่ยมเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา และทั้งคู่ได้พููดคุยหลายเรื่อง ตอนนี้ความสัมพันธ์กลับมาในทิศทางที่ถูกต้องแล้ว ทรัมป์แถลงต่อสื่อมวลชนว่า ความสัมพันธ์กับจีนกลับมาเข้ารูปเข้ารอยแล้ว แต่ก็ยังคงไม่แน่ใจว่าทั้งสองประเทศจะยังคงต้องการประนีประนอมกันในระยะยาวหรือไม่

ผลจากการเจรจาครั้งนี้มีสองเรื่องที่เป็นประเด็นสำคัญ คือ กำแพงภาษีนำเข้าและการแบนหัวเว่ย ทรัมป์กล่าวว่า กำแพงภาษีที่ป้องกันสินค้านำเข้าจากประเทศจีนที่มีอยู่เดิมจะยังคงมีต่อไป แต่จะไม่เพิ่มกำแพงภาษีขึ้นอีกตามที่เคยขู่ไว้ก่อนหน้านี้ โดยตอนนี้ สหรัฐอเมริกาเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 25%

“เราจะยังเจรจาต่อไป ผมสัญญาว่าอย่างน้อยที่สุดในช่วงเวลานี้ก็จะไม่เพิ่มกำแพงภาษี เราจะทำงานร่วมกับจีนแล้วดูว่าจะทำข้อตกลงกันอย่างไร” ทรัมป์กล่าว

ส่วนความคืบหน้าเรื่องการแบนหัวเว่ย ทรัมป์บอกว่าจะอนุญาตให้บริษัทสัญชาติอเมริกันขายสินค้าของตนให้หัวเว่ยได้ อย่างไรก็ตาม จะไม่ถอดหัวเว่ยออกจากบัญชีดำ เพราะมีภัยต่อความมั่นคง

ทรัมป์ยังบอกด้วยว่า จีนตกลงที่จะซื้อสินค้าทางเกษตรปริมาณมากจากบริษัทของสหรัฐ แต่เขาไม่ได้ให้รายละเอียด ส่วนทางการจีนก็ไม่ได้ยืนยันว่าข้อเสนอนี้เป็นอย่างไรกันแน่

ขณะที่สำนักข่าวซินหัวของรัฐบาลจีนเผยแพร่คำพูดของสีจิ้นผิงว่า จีนและสหรัฐฯ มีผลประโยชน์ร่วมกันอย่างสูง และมีความร่วมมือกันเพิ่มมากขึ้น พวกเขาไม่ควรจะตกอยู่ในกับดักแห่งความขัดแย้งและการเผชิญหน้า

ทั้งสองประเทศก่อสงครามการค้ามาตั้งแต่กลางปี 2018 โดยเมื่อเดือนธันวาคม 2018 ทรัมป์และสีจิ้นผิงเจรจาทางการค้า แต่ก็ล้มเหลว ทำให้ไม่กี่เดือนก่อนทรัมป์จึงกดดันจีนโดยบอกว่าจะเพิ่มกำแพงภาษีนำเข้าจากจีนอีก 

 

ที่มา:

ที่มาภาพ: REUTERS

Tags: , , , , ,