ตูน ปวัน ลีวัจนกุลเป็นหนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบที่อยากสะท้อนภาพคนกลางคืนในทุกวันนี้ ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นวันที่ไร้แสงไฟสำหรับพวกเขา เราพบกับตูนในช่วงเวลาก่อนเคอร์ฟิว ฟ้ามืดแล้ว ถนนสีลม พัฒนพงษ์ ธนิยะ ที่เคยคึกคักเรียกได้ว่า ปิดร้านร้างว่างเปล่า มืด และเงียบเชียบ ไม่เหมือนที่เราเคยเห็นจนชินตา ป้ายไฟหลายร้านถูกปิด แต่ยังมีบางร้านที่ยังเปิดป้ายไฟอยู่ราวกับจะบอกด้วยลมหายใจที่แผ่วเบาว่า เรายังอยู่ขอให้อย่าลืมกัน ขอให้เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นก็จะได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ในซอยมืดๆ บางร้านที่ปิดไปแล้วยังมีพนักงานรักษาความปลอดภัยมานั่งเฝ้าอย่างเงียบเหงา เพื่อป้องกันโจรขโมยในช่วงปิดร้าน 

เมื่อเราขอให้เขานิยามตัวเขาว่า เขาเป็นใคร ตูนบอกว่าอาชีพของเขาแล้วแต่ใครจะเรียกว่าอะไรก็ได้ มีตั้งแต่ศัพท์ที่ถูกเอามาใช้เป็นคำด่า คำที่ใช้กันเป็นทางการ หรือคำหลบๆ ทั้งผู้ชายขายตัว เด็กโชว์ เด็กขาย กะหรี่ชาย เซ็กซ์เวิร์กเกอร์ ฯลฯ กระทั่งเรียกด้วยคำที่ดูยกฐานะของงานที่ทำอย่างคำว่าเด็กเอนท์’ ( ย่อมาจากเอนเตอร์เทน–ให้ความสนุกสนาน) แต่ที่สุดแล้วมันก็อยู่ในกรอบเดียวกัน คือมันก็คืออาชีพที่ใช้ร่างกายและการบริการเพื่อตอบสนองความต้องการ สนองอารมณ์ของลูกค้าในแบบต่างๆ นั่นแหละ

และเขาบอกว่า เขาไม่เคยอายที่จะพูดว่าเขาทำอาชีพอะไร เพราะนั่นคือตัวตนจริงๆ ของเขา และเขาถือว่า เขามีศักดิ์ศรี มีคุณค่าความเป็นมนุษย์เช่นเดียวกับทุกอาชีพ ในเมื่อสิ่งที่เขาทำ คือการตอบสนองความต้องการลูกค้าเหมือนอาชีพอื่น คือความยินยอมพร้อมใจของทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่การล่อลวงบังคับ หรือเอาเปรียบคดโกงใคร และทุกครั้งที่ทำงานเขามีวิธีป้องกันตัว ป้องกันแขกไม่ให้อยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการติดโรค

ตูนเข้าสู่วงการกลางคืนด้วยเหตุผลที่ไม่ซับซ้อน เขาบอกว่าเขาเป็นคนชอบเซ็กซ์ เป็นคนภูมิใจในการโชว์รูปร่างที่เพาะบ่มมาอย่างดีถึง 6 ปี อย่างที่ถ้าเรียกกันตามศัพท์สมัยใหม่ตูนคือคนประเภท spornosexual คือชอบใช้รูปร่างดี หุ่นนักกีฬา อวดด้วยความภาคภูมิใจ การทำงานของตูนเริ่มจากการไปลองสมัครโชว์ ซาวน่าแห่งหนึ่ง ต่อมาก็ทดลองทำงานรับแขกดู และเขาก็ไม่ได้มีปัญหากับการถูกเลือกให้มีอะไรกับคนที่ไม่ได้หมายตา ตูนบอกว่า เขามีปัญหาแค่กับแขกประเภทไม่รักษาความสะอาด และไม่ป้องกันตัวจากโรค

สถานการณ์วันที่ 17 มีนาคมเป็นอย่างไรบ้าง

วันที่ 17 มีนาคมคำสั่งมันจะออกช่วงเย็น ตูนทำงานเป็นตัวโชว์อยู่ในบาร์ซอยพัฒนพงษ์ คืนนั้นคือทุกคนก็เข้าร้านตามปกติ ตั้งแต่สองทุ่ม ใครที่เป็นนางโชว์แดรกควีนก็แต่งหน้าทำผมอะไรไป คนที่โชว์อย่างอื่นก็เตรียมตัวไป ซ้อมโน่นซ้อมนี่ แต่พอสามทุ่มปุ๊บ ร้านก็เปิดไฟสว่างทั้งร้าน แล้วเรียกพนักงานเสิร์ฟ กัปตัน เด็กที่ยังอยู่มานั่งประชุม วันนั้นถ้านับเฉพาะเด็กตามใบตอกบัตรก็มี 39 คน แต่จริงๆ มีเยอะกว่านั้นราว 60 คน ทางผู้จัดการร้านบอกว่า มันมีคำสั่งนี้ออกมานะ เราก็ต้องปิดร้าน ให้ทุกคนกลับบ้าน ซึ่งเดิมเขาก็หวังว่า มันไม่รุนแรงขนาดต้องปิด อาจแค่ปิดซอยเพื่อทำความสะอาดสักวันสองวัน แต่นี่ปิดยาวถึงสิ้นเดือน  พี่กัปตันก็ย้ำว่า ขอให้ทุกคนดูแลตัวเองให้ดี เมื่อเปิดมาเราจะพร้อมทำงานกันเต็มที่ 

ก่อนหน้านั้นร้านก็รัดเข็มขัดมาแล้วจากการที่ต้องหักเงินเดือนกัปตัน เด็กเสิร์ฟ หรือพนักงานอื่นๆ ที่ไม่ใช่เด็กขึ้นฟลอร์คนละ 30% เดิมคิดว่าอาจต้องหักแค่สองเดือน แถมต้องลดชุดโชว์ในแต่ละรอบ อย่างร้านที่ตูนอยู่สมมติว่า โชว์วันละสามรอบ รอบนึงมีสี่ห้าชุดก็ตัดออกบางชุดหรือตัดตัวโชว์ลงเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการจ้างตัวโชว์ลงบ้าง  แต่พอคำสั่งออกมาก็ไม่รู้ว่าจะกระทบยาวแค่ไหน ทางเจ้าของร้านก็ห่วงเด็กแต่ละคน เขาให้เงินเป็นสินน้ำใจก่อนแยกจากกันคนละพันบาท คือเที่ยวนี้เขาเอาจริงมากเพราะระหว่างที่ในร้านกำลังเคลียร์ค่าใช้จ่ายกันอยู่ ตำรวจก็มายืนรอ อยู่หน้าร้านแล้ว

พอเคาะแบบฟ้าผ่าเลยว่าต้องหยุด ทุกคนที่ทำงานในร้านก็ตกใจกลัวกันจริงๆ กลัวไม่มีจะกิน เพราะก่อนหน้านั้นตอนเรายังเรียกไวรัสโควิด-19 ว่าโคโรนาไวรัส นักท่องเที่ยวก็น้อยมากแต่พอมี  ย่านพัฒนพงษ์สีลมนักท่องเที่ยวหลักคือต่างชาติโดยเฉพาะจีนเยอะมาก แต่จีนก็ไม่เข้ามา ร้านตูนคือไม่ว่าอย่างไรก็ต้องโชว์ บางรอบโชว์ให้เก้าอี้เปล่าดูก็ต้องโชว์ เพราะเจ้าของร้านช่วย ถือว่ายังไงก็ต้องให้เด็กได้เงินบ้าง ค่าโชว์แต่ละรอบก็ไม่ได้แพงเป็นหลักร้อย ใครโชว์เยอะก็ได้เยอะหน่อย

เด็กมีค่าใช้จ่ายทุกวัน อย่างน้อยก็ค่ารถเดินทางมาทำงาน ค่าอาหาร ปกติเด็กหลายคนก็จะซื้อเบียร์กินบ้าง สังสรรค์กับเพื่อนหลังเวที แต่วันนั้นบอกเลยว่าทุกคนเศร้า เครียด และก็มันเหมือนยังไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับชีวิตต่อไป เพราะคำสั่งมันเร็วเหลือเกิน  ระบบดูแลเด็กแต่ละร้านก็ไม่ได้เหมือนกัน บางร้านคือเขาก็ยังให้ค่ารถเด็กขึ้นฟลอร์หรือที่เรียกว่าเด็กเต้นถ้าเด็กไม่มีแขก แต่ถ้าเด็กขาดงานก็ถูกหักเงินที่เรียกว่าซีอาร์วันละห้าร้อยบาท บางร้านก็ปล่อยฟรี คือเด็กจะเข้าก็ได้ไม่เข้าก็ได้ไม่เสียซีอาร์ แต่ไม่ได้ค่ารถ แต่ร้านที่ตูนอยู่คือลักษณะปล่อยฟรีแบบซื้อใจ แต่ง่ายๆ คือไม่ว่าร้านไหน ไม่มีแขก ไม่มีค่าโชว์เด็กก็ไม่มีเงิน  

เดิมทุกคนยังมีความหวังว่า ถึงเดือนเมษายน จะเข้าช่วงไฮซีซั่น แขกเยอะ แม้อาจไม่ได้เล่นน้ำสงกรานต์ แต่แขกก็ออกเที่ยวเพราะมันเป็นเทศกาล ต่างชาติน้อยลงแต่ก็คงมีแขกไทยอยู่บ้าง ทุกคนก็หวังช่วงสงกรานต์ ขนาดชุดโชว์ตูนแบบไม่ต้องนุ่งอะไรมาก ( หัวเราะ ) ตูนยังตั้งใจทำชุด ทำพร็อปเตรียมไว้สงกรานต์ แต่พอไม่กี่วันต่อมาออกคำสั่งเคอร์ฟิวอีก ตูนไม่ได้เจอใครเลยจากนั้น แต่คิดว่าทุกคนก็คงยิ่งเสียขวัญ ยิ่งตระหนกว่าจะทำอย่างไรต่อไป และทางร้านเองก็ค่าใช้จ่ายหนัก เพราะบาร์เกย์เพิ่งย้ายจากซอยประตูชัยมาอยู่พัฒน์พงศ์ซอย 2 ได้ไม่ถึงปี แล้วเดือนมีนาคมเป็นช่วงที่ร้านต้องต่อสัญญาเช่าที่แล้ว 6 เดือน ต้องจ่ายหนักแล้วมาถูกปิด ก่อนหน้านั้นก็มีรายจ่ายในเรื่องการตกแต่งร้านอะไรอีก แถมตอนย้ายมาจากซอยประตูชัย บางร้านเก็บของไม่ทันเขาตีกำแพงสังกะสีปิดเลย ข้าวของหลายอย่างก็ต้องซื้อใหม่ ย้ายมาพัฒน์พงศ์ก็ยังโฆษณาไม่ได้มาก ยังไม่ติดตลาดเท่าไร พูดง่ายๆ คือเขาสาหัสมาเกือบปีตั้งแต่ตอนย้ายร้านแล้ว มันเครียดหมดทั้งร้านทั้งเด็ก    

ทำไมการย้ายมาซอยพัฒน์พงศ์ 2 ถึงเป็นเรื่องหนัก

มันไม่ใช่ทำเลเหมาะสม อย่างซอยประตูชัยมันเป็นซอยปิด คือจากปากซอยตรงสุรวงศ์ออกถนนพระรามสี่มันปิด รถวิ่งผ่านไม่ได้ พวกเชียร์แขกนี่เดินกันได้สะดวกเต็มซอย แต่พอมาซอยพัฒน์พงศ์ 2 มันไม่ใช่ซอยปิด รถวิ่งเข้าออกได้ตลอดจากฝั่งสุรวงศ์ไปออกถนนสีลม พวกเชียร์แขกก็เดินเชียร์แบบเสรีไม่ได้เหมือนเดิม เรียกลูกค้าไม่ได้ เดินๆ อยู่รถบีบแตรไล่  แถมย่านนั้นมันเป็นย่านผู้หญิง มีบาร์เบียร์ ก็พูดง่ายๆ ว่ามีเจ้าถิ่นเดิม อย่างเช่นว่า ถ้าตูนออกมาช่วยเรียกแขก แล้วเดินเลยไปหน้าร้านเจ้าถิ่นหน่อยเขาก็ไม่พอใจแล้ว พวกร้านที่ย้ายไปเปิดชั้นสองนี่ยิ่งลำบากในการเรียกแขก เรามาอยู่ในดงแบบนี้มันทำงานยากขึ้น เดิมเขาคิดว่าอยากจะย้ายไปอยู่สีลมซอยสี่กัน แต่ค่าเช่าที่มันแพงมาก พัฒน์พงศ์จะถูกกว่า

แล้วตอนนี้ทุกคนทำอย่างไรต่อไป

พอเคอร์ฟิวมาซ้ำ มันเหมือนยิ่งไม่มีทางออกนะ เพราะเคอร์ฟิวของเรามันไม่ได้ประกาศว่าจะยาวนานถึงเมื่อไร เด็กบางคนมีเงินเก็บบ้างแต่ก็น้อยนิดจะใช้ชนเดือนหรือเปล่ายังไม่รู้ พวกเด็กชายแท้หลายๆ คน พอเจอคำสั่งปิดแรกก็บอกว่า ขอกลับไปใช้ชีวิตอยู่บ้านนอกแล้วกัน อย่างน้อยก็ไม่ต้องเสียค่าที่พัก หรืออาหารการกินอะไรก็หาได้ง่ายกว่า อย่างที่เห็นในไลน์กลุ่มเพื่อนที่ทำงานด้วยกัน บางคนก็ไปหาปลาตามแม่น้ำลำคลอง บางคนก็ไปตีรังผึ้งเอาน้ำผึ้งขาย อยู่กรุงเทพฯ เขาทำแบบนั้นไม่ได้  บางคนก็ไปขายน้ำแข็งไสที่บ้าน แต่หลายคนเขาไม่ได้มีทักษะใช้ชีวิตพวกนี้ แถมหลายคนก็ไม่รู้ว่ากลับบ้านไปจะมีอะไรให้ทำไหม อย่างเด็กบาร์ เด็กนวดหลายคนมีงานประจำกลางวันทำในกรุงเทพฯ ไปเป็นนางรำบ้าง จัดดอกไม้บ้าง แต่งหน้าทำผมบ้าง เทรนเนอร์ก็ยังมี แต่งานเขาก็ถูกยกเลิกหมด อย่างเทรนเนอร์ก็ปิดยิม เขาก็ยังหาทางออกไม่ได้ 

มันก็มีเด็กที่พออยู่ได้ อย่างคนที่มีท่อน้ำเลี้ยงคือพวกที่มีแขกต่างชาติเลี้ยง โอนให้รายเดือนหรือให้รายครั้งที่ขอ พอมาเจอก็ได้พิเศษบ้าง เด็กมีทั้งเกย์ทั้งผู้หญิงเลี้ยง ต่างชาติเลี้ยงก็มี คือท่อน้ำเลี้ยงนี่ต้องเข้าใจว่าเด็กบางคนไม่ได้มาสายเดียว บางคนสับรางได้ อย่างเดือนนี้ต่างชาติคนนี้มา ก็ได้เงินหรือได้ของพวกเครื่องออกกำลังกาย ทอง อะไรบ้าง แต่พออีกสามเดือน ท่อน้ำเลี้ยงอีกรายมาก็ขอได้อีก หรือไม่ก็ขอให้เขาโอนมาให้ แต่พอสถานการณ์มันเป็นแบบนี้ทั่วโลกตูนก็ไม่รู้ว่าเขายังจะขอให้โอนมาให้ได้หรือเปล่า เพราะทางนั้นเขาก็ต้องดูแลตัวเองครอบครัวก่อน  เด็กบางคนมีคนบอกจะเลี้ยงแล้ว เด็กจะเลิกทำ ได้เงินแล้วจะไปทำกิจการของตัวเอง ถึงขนาดลาออกจากร้านแล้ว พอถึงเวลาทางคนจะเลี้ยงกลับคำก็ต้องกลับมาร้าน  ซึ่งเด็กที่มีท่อน้ำเลี้ยงนี่ ถ้านับรวมๆ ทั้งเด็กนวดเด็กบาร์ ตูนว่ามีไม่ถึง 20% ของเด็กในระบบ 

เด็กอีกกลุ่มที่พออยู่ได้คือเด็กที่มีงานมีการอย่างอื่นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากเคอร์ฟิวทำ ตูนเคยโชว์ที่อื่นที่ไม่ใช่ร้านปัจจุบันที่ทำอยู่  เด็กตัวโชว์ที่เป็นฟรีแลนซ์บางคนงานการกลางวันไม่ใช่ไม่ดีนะ อาจเรียกว่าเป็นงานมีหน้ามีตาเลยก็ว่าได้ตูนขอไม่บอกว่างานประเภทไหน แต่คนทำงานด้วยกันมันคุยกันมันรู้ เห็นในเฟซบุ๊กก็รู้ เขามาโชว์ไม่ได้อยากได้เงิน แต่เป็นรสนิยมของเขา เด็กนวดหลายคนก็มีงานกลางวันทำ มารับนวดเป็นจ๊อบเสริม หรืออย่างบางคนก็หาลูกค้าเอาทางแอปพลิเคชันต่างๆ ที่เป็นพวกเดทติ้งแอปฯ ซึ่งหลายคนก็น่าจะรู้ๆ ว่ามันมีแอปฯ อะไรบ้าง 

แล้วยังมีกลุ่มไลน์เด็กที่ช่วยกันหางานกันเอง แบบรับงานจากผู้ว่าจ้างมา ต้องการเด็กไปงานเอนท์ลักษณะอย่างไร ทำอะไรบ้าง เอากี่คน ซึ่งต้องเสนอเงินเลยอย่างที่เขาใช้คำว่า ‘บั๊ด’ ( budget ) เท่าไรพอมีคนเสนองานมา เด็กก็เข้าแชตเข้าไปทักแล้วแขกก็เลือกอีกที ไม่ใช่ว่าจะได้ทุกงาน บางทีกัปตันก็พยายามหางานส่งให้ถ้าเด็กไปขอว่าไม่ไหวจริง เงินจะกินข้าว เงินให้ครอบครัวไม่มีแล้ว บางคนพอมีรถมอเตอร์ไซด์ ก็ผันไปขับให้พวกส่งของต่างๆ เช่น แกร็บ ไลน์แมน ฯลฯ แต่ทุกคนใช่จะมีต้นทุนเท่ากัน ใช่จะหาทางออกได้เหมือนกัน”  

ฟังเรื่องท่อน้ำเลี้ยงแล้วเหมือนเด็กหลายคนประมาทกับชีวิต 

เด็กหลายคนเงินได้มาง่ายก็ไปไว อย่างที่บ้านตูนเขาเรียกเงินประเภทนี้ว่าเงินร้อน คือพอได้ง่ายแล้วบางคนก็คิดว่ามันจะได้ง่ายตลอด ก็ใช้ไปกับของฟุ่มเฟือย โทรศัพท์รุ่นใหม่ออกก็ต้องมี เสื้อผ้าก็ต้องแบรนด์เนม ไปเช็กอินร้านหรูที่แนะนำในอินเทอร์เนต เลี้ยงสัตว์แพงๆ หรือมานั่งส่องเพื่อนว่า ใครใช้อะไรหรูกว่ากูบ้าง แล้วก็ทับถมกันเอง อย่างตูนใช้น้ำหอมแบบแบ่งขาย ก็เจอเพื่อนในวงการเดียวกันนี่แหละมาถามว่า ทำไมไม่ใช้ชาเนลล่ะ หรือตูนใช้เวย์โปรตีนยี่ห้ออะไรก็มาข่มว่าของเขาแพงกว่า  แต่สถานการณ์ตอนนี้มันไม่เหมือนสิบปีก่อน ตูนเข้าวงการมาไม่นานแต่เคยได้ยินเรื่องเล่าเยอะว่าเมื่อก่อนแขกเปย์หนักกว่านี้ เด็กหาท่อน้ำเลี้ยงได้มากกว่านี้ 

ในวงการนี่เขาจะเรียกคนเลี้ยงหรือท่อน้ำเลี้ยงว่าช้างเผือกเด็กแต่ละคนก็หวังจะมีช้างเผือกเป็นของตัวเอง พอมีใครมีช้างเผือกดูแล ก็มาทำงานบ้างแบบตามอารมณ์ คือเหมือนมาเจอเพื่อนๆ มากกว่า เพื่อนๆ ก็จะเรียกเด็กคนนั้นว่ามาดามในส่วนของเด็กที่เป็นเกย์นะ แต่เดี๋ยวนี้มันไม่ใช่แล้ว เผลอๆ เด็กที่ไม่ได้ทำเป็นอาชีพมีสังกัด ยังมีโอกาสหาช้างเผือกจากแอปฯ จากการถ่ายแบบ จากงานเอนท์อะไรต่างๆ ได้มากกว่าเด็กบาร์เด็กนวดอีก เด็กบาร์ที่มีช้างเผือกเลี้ยงเขาเรียกว่ามีวาสนา แต่บางคนก็ให้เลี้ยงไม่นานหรอก เขาบอกว่าต้องไปอยู่ด้วยแล้วไม่มีอิสระ เราถึงเห็นว่าบางคนเดี๋ยวหายเดี๋ยวกลับมา 

เด็กเกย์กับผู้ชาย การใช้เงินฟุ่มเฟือยไม่เหมือนกัน เด็กเกย์นี่หมดไปกับไลฟ์สไตล์หรูๆ ส่วนเรื่องเล่นยา ส่วนใหญ่ที่ตูนเห็นจะเป็นเกย์ที่เล่นไอซ์ สำหรับผู้ชายแท้ ไม่ใช่อารมณ์จะเล่นตัวนี้เพราะไอซ์มันเล่นให้เกิดอารมณ์ทางเพศมากกว่าปกติ ของผู้ชายรายจ่ายไม่จำเป็นส่วนใหญ่หมดไปกับผู้หญิง อย่างที่เขาเรียกว่าไปตีหม้อ หรือพวกการพนัน เล่นบอล สังสรรค์กินเหล้า หรือบางคนก็ส่งให้ครอบครัว พ่อแม่ ลูกเมียก่อน เงินเหลือถึงเอามาเล่น ตูนไม่สรุปว่า คนทำงานกลางคืนประมาทกับชีวิตทุกคน บางคนเขาแค่มาทำชั่วคราวพอหาเงินไปทำอย่างอื่น แต่บางคนก็อยู่มาเป็นสิบปีด้วยเหตุผลอะไรตูนไม่อยากตัดสินเขา กระทั่งใครเข้ามาเพราะอะไรตูนก็ไม่อยากตัดสินเขา คนเรามีทางเลือกไม่เหมือนกัน 

พอเคอร์ฟิวมาซ้ำสถานการณ์หนักขึ้นไหม 

หนักขึ้นมาก เพราะก่อนเคอร์ฟิวยังมีการส่งงานนอกได้บ้าง อย่างลูกค้าเลิกงานห้าหกโมงนัดเรียกทุ่มสองทุ่มยังได้ พอเคอร์ฟิวสี่ทุ่มเขาก็ไม่เรียกแล้ว กลัวเด็กกลับไม่ทัน ลูกค้าไม่ได้อยากค้างกับเด็ก ไม่อยากเร่งงานด้วย ตูนอธิบายเพิ่มว่า เด็กทำงานตรงนี้บางคนทำร้านนวดหรือบาร์ดริงค์ด้วยไม่ใช่แค่บาร์โชว์ ก่อนเคอร์ฟิวมันยังมีส่งงานบ้าง แต่พอเคอร์ฟิวนี่กลุ่มไลน์ส่งงานร้างเลย ตอนนี้กลายเป็นว่าในกลุ่มไลน์เริ่มมีเด็กเอาสมบัติมาขายบ้างแล้ว ทีวี ตู้เย็น หรืออะไรก็ตาม บางคนก็บอกว่าไปขายของที่โน่นที่นี่นะช่วยกันอุดหนุนหน่อย เด็กวงการนี้หลายคนคืออายุยังไม่มากแต่มีลูกเมียแล้วก็ยิ่งลำบาก 

เด็กทำงานร้านนวดกับบาร์ก็ต่างกัน เด็กร้านนวดนี่หลายคนเน้นหน้าตาดีหุ่นดี ยิ่งร้านนวดแบบเกรดดีๆ ยิ่งเน้น แล้วทำงานนวดวันนึงบางทีงานเดียวได้มากกว่าทิปขั้นต่ำ หรือบางทีได้สองสามงาน เขาจะมีความพยายามในการคำในวงการคือใช้คำว่า จิกลูกค้าให้ได้มากกว่า ส่วนเด็กบาร์ลักษณะจะดูด้อยกว่าร้านนวดหน่อย และเด็กร้านนวดนี่คือเขาโอเคกับทิปขั้นต่ำนะ แต่เด็กบาร์ถ้าเจรจาไม่ได้ตามเรตคือไม่ไป เช่น ลูกค้าจะให้ค้างด้วยแต่จะให้สามพัน เขาบอกเรตค้างคือห้าพัน ไม่ได้เขาก็ไม่ไป เรตเด็กบาร์สุรวงศ์จะแพงกว่าเด็กนวด น่าจะเพราะว่าเขามองว่าตลาดเป้าหมายเขาคือต่างชาติ ของร้านนวดตลาดเป้าหมายคือคนไทย แต่ก็มีบางร้านนวดที่ต่างชาติเยอะกว่าคนไทย

    เด็กที่ได้รับผลกระทบจากเคอร์ฟิวอย่างรุนแรงมันมี แต่เขาไม่ชอบพูดปัญหาของเขาให้เพื่อนๆ รับฟัง เขากลัวเสียศักดิ์ศรี ก็ย้อนกลับไปอย่างที่เล่าให้ฟังคือบางคนช่วงที่มั่งมีก็ดูแคลนคนอื่น บางคนเขาก็พยายามพูดว่าเขาไหว บางร้านก็พยายามช่วย เช่น ช่วงปิดร้านก็โอนเงินให้เด็กเสิร์ฟ กัปตัน บาร์เทนเดอร์ สัปดาห์ละห้าร้อย แต่ร้านที่ลอยแพไปเลยก็มี เพราะเขาไม่มีรายได้ ร้านที่ตูนอยู่นับว่าดีคือเขาเห็นใจ เขาพยายามประคับประคองช่วยเหลือเท่าที่ทำได้  แต่ตอนนี้คือทุกคนหวังจะได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเดือนละ 5,000 บาท ขนาดทำงานได้ก็ยังเครียดนะ เด็กนวดบางคนหาแขกไม่ได้ติดต่อกัน 3-4 วันเขาเรียกว่าเน่า มันเครียดเพราะรายจ่ายมันมีทุกวัน แล้วไม่ได้ทำงานเป็นเดือนอย่างไม่มีกำหนดแบบนี้จะเครียดแค่ไหน

เลิกเคอร์ฟิวไป เศรษฐกิจมันก็ไม่ได้ดีขึ้น ลูกค้าคนไทยก็ประหยัดมากขึ้น แล้วถามว่ากว่าจะฟื้นตัวทั่วโลกให้ต่างชาติมาเที่ยวไทยคึกคักก็ไม่รู้ว่าเมื่อไร ทุกคนตอนนี้ได้แต่ภาวนาให้โควิด-19 มันจบลงไวๆ เด็กบางคนยิ่งเครียดยิ่งใช้เงิน เช่นไปกินเหล้ากินเบียร์คลายอารมณ์ ตอนนี้มันอาจเรียกว่า เพิ่งเริ่มเคอร์ฟิว ทุกคนเหมือนยังรอให้อะไรๆ มันดีขึ้นมากกว่าลุกขึ้นมาสู้ และหวังเงินจากรัฐโดยเร็วที่สุด ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไร แล้วส่งเรื่องไปจะเข้าเกณฑ์ได้รับเงินหรือเปล่า

อยากให้รัฐบาลทำอะไรเพื่อคนกลางคืนบ้าง 

ปัญหาแรกที่ตูนมองคือ ยังไม่มีใครเป็นแกนนำ หรือรวมตัวกันเรียกร้อง เคลื่อนไหว แสดงให้รัฐเห็นว่า คนกลางคืนเดือดร้อนแค่ไหน มันไม่ใช่แค่ผับบาร์หรือร้านนวด ร้านที่มีเด็ก แต่คนกลางคืนมันรวมถึงพวกพนักงานทำงานในร้าน นักดนตรี ดีเจ เด็กเสิร์ฟ เจ้าของกิจการ ไม่รู้ว่าส่วนหนึ่งคือเรามองกันว่าเราเป็นธุรกิจสีเทาหรือเปล่าเลยไม่อยากมีเรื่อง  แต่ธุรกิจนี้มันทำเงินให้รัฐมหาศาลจากการท่องเที่ยว ตูนเคยคุยกับ ดร.โสภณ พรโชคชัย นักวิชาการด้านการประเมินค่าทรัพย์สิน ตอนไปออกรายการวิทยุรายการหนึ่งด้วยกัน เขาบอกว่า เงินสะพัดในวงการกลางคืนหลายพันล้านบาทนะ นักท่องเที่ยวมาไทย กลางวันอาจเที่ยวชมเมือง ชมวัด ชมตลาด แต่กลางคืนเขาก็เที่ยวพวกสถานบริการ ผับ บาร์ เธค อะไรพวกนี้ แต่ถึงไม่มีใครเรียกร้อง ตูนคิดว่า รัฐเองก็ไม่ได้ไม่รู้ไปหมดหรอกว่าอะไรเป็นอะไร

การให้เงินเยียวยา 5,000 บาทต่อคน ถ้าเด็กไม่มีงาน ก็ยังพออยู่ได้ต่อเดือนแบบประหยัดรัดเข็มขัด แต่กลายเป็นว่า กลุ่มที่ได้รับการพิจารณาก่อนคือกลุ่มคนขับแท็กซี่ ขับมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ขายลอตเตอรี่ มัคคุเทศก์ ซึ่งกลุ่มนี้บางทีก็ยังทำงานได้ อย่าง มอเตอร์ไซด์ แท็กซี่ ก็ยังทำงานได้ แต่รายได้เขาลดลง  ทำไมรัฐไม่มองว่า กลุ่มคนที่ควรได้รับการเยียวยาก่อนคือกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งของ กทม.คำสั่งแรก คือพวกประกอบกิจการสถานบันเทิง ผับ บาร์ ซึ่งหลายที่เขาก็ไม่ใช่สายป่านจะยาว หนี้สินก็เยอะ บางที่ขาดทุนเป็นปี แค่ค่าเช่าที่ก็แพงแล้ว แต่คนทำงานนี้ถูกแช่แข็งงานไปเลย ภาระมันแบกไปเรื่อยๆ แต่ไม่มีอะไรให้คลายภาระ ที่สำคัญคือ คำสั่งมันออกแบบสายฟ้าแลบมาก สั่งวันนี้มีผลพรุ่งนี้ ไม่มีใครเตรียมตัวทัน กลายเป็นอย่างที่บอกคือ ทุกคนรอความหวังว่ามันจะมีอะไรดีขึ้นเร็วๆ นี้

เอาจริงตูนอยากให้รัฐมองว่า อาชีพนี้มันเป็นอาชีพที่ควรถูกกฎหมายได้แล้วนะ มันไม่ใช่แค่มิติเศรษฐกิจ ที่คนทำงานสามารถเสียภาษีให้รัฐ มีประกันสังคมคุ้มครองได้  แต่มันเป็นมิติของเรื่องการดูแลสวัสดิการอะไรต่างๆ ด้วย เพียงแต่เราเอาคำว่าเมืองไทยคือเมืองพุทธมาฉาบ  ธุรกิจภาคกลางคืนนี้ก็น่าจะทำได้ และมันช่วยเรื่องสวัสดิการจริงๆ เช่นว่า การลงทะเบียนคนทำงานนี่ก็ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงสาธารณสุขเป็นความลับไว้ แต่กระทรวงสามารถตามมอนิเตอร์ผลเลือด ผลสุขภาพของคนทำงานได้สม่ำเสมอ 

มันไม่ใช่แค่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ไวรัสตับอักเสบเขาก็ต้องตรวจป้องกัน และต้องสอนวิธีป้องกันตัวจากโรค ให้ยา PrEP ยา PEP อัพเดตความรู้ให้มันทันสมัย ไม่ใช่อะไรที่เชื่อกันมาสิบกว่าปีก็ยังทำ อย่างตัวนางโชว์ฟักกิ้งบางคนมีปัญหาก็เอายาเหน็บแก้ตกขาวมาเหน็บแล้วกินยาแก้อักเสบ ตัวพระของมีปัญหาเป็นแผล เอาเพนนิซิลินบดโรยแผล เด็กหลายๆ คนก็ยังไม่รู้จักยา PrEP ยา PEP เลย ไม่รู้ความสำคัญของการรู้ผลเลือด  

หรือถ้าคนทำงานถูกแขกบังคับทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ ถ้าอาชีพถูกกฎหมายก็ร้องเรียนรัฐได้ เช่น ตูนเคยรับแขกซาดิสม์ จับมัดแล้วตบๆๆ เลือดกบปากได้มา 4,000 บาท เราไม่รู้ก่อนว่าแขกจะทำแล้วมันหนีไม่ได้ก็ต้องยอม นี่ขนาดตูนที่เล่นกล้าม ถ้าเป็นผู้หญิงถูกกระทำจะมีผลกระทบรุนแรงกว่าแค่ไหน 

โควิด-19 นี้ทำให้ตูนเห็นปัญหาใต้พรมของรัฐหลายอย่าง นอกจากการดูแลคนได้ไม่ทั่วถึง บางอาชีพถูกทิ้ง มันยังฟ้องปัญหาเรื่องชนชั้นที่คนชั้นกลางถึงล่าง เข้าถึงหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ อุปกรณ์ป้องกันตัวได้ยาก รัฐบอกกำลังผลิตพอแต่ไม่รู้มันหาที่ไหนง่ายๆ ในราคามาตรฐาน ทำไมเราไม่ทำแบบประธานาธิบดีไต้หวันที่เขานำไปก่อนโรค คือประชาชนเขาต้องได้รับการดูแลก่อนไม่ใช่ตามรับมือมันรายวัน ประเทศไต้หวันเขาทำแอปพลิเคชั่นในการแจ้งจุดกระจาย เข้าถึงหน้ากากในราคากลางที่เป็นธรรม แล้วพอมาตรการ social distancing ออกมา การปิดสถานประกอบการ สถานบริการอะไรก็เยียวยาไม่ทั่วถึง ขอความร่วมมือได้ แต่ก็ต้องเห็นใจช่วยเหลือเราด้วย

ถ้าพูดเรื่องผลกระทบที่มีต่อตูนเอง และสิ่งที่ตูนจะทำต่อไป คืออะไร

อันดับแรกเลย ตูนถือว่าตูนยังโชคดีที่ตูนเป็นคนดูแลรูปร่าง ใช้ทั้งการออกกำลังกาย ทั้งเวย์โปรตีน กระทั่งฉีดสเตียรอยด์ตูนก็ทำเพราะตูนชอบให้รูปร่างดี เนื่องจากพื้นฐานตูนเป็นคนตัวเล็ก พอเป็นแบบนี้คือตูนเป็นคนวางแผนใช้เงินนะ เราต้องมีเงินเข้ายิม มีเงินซื้อเวย์โปรตีน ก็พอจะวางแผนผันเงินมาใช้ก่อนได้ และตูนยังพอมีส่วนแบ่งจากกิจการให้เช่าบ้านที่อุดรธานีบ้าง เปียแชร์มาได้บ้าง 

จะให้ตูนกลับไปอยู่บ้านที่อุดรธานีก่อน ก็โดนคำสั่งห้าม คือคุณอาตูนเขาไม่ได้คิดอะไรกับเรื่องงานการที่ตูนทำ เพราะตูนเปิดตัวชัดมาตั้งแต่ตอนประกวด Mr Gay World Thailand ปีก่อนแล้วว่าตูนคือ sex worker ไปออกรายการทีวีของ ดร.เสรี วงษ์มณฑา ออกรายการวิทยุของน้าเน็ค เกตุเสพสวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ อยุธยา ตูนก็พูดตรงๆ ว่าตูนทำอะไร แต่ที่บ้านไม่ให้กลับ เพราะต่างจังหวัดอารมณ์มันประมาณว่า ใครกลับมาจากกรุงเทพฯ เขารู้กันหมด ยิ่งบ้านตูนอยู่ในเมือง ออกไปตักบาตรตอนเช้าเขาก็เห็นกันทั้งเมืองแล้วว่าตูนกลับมา เขารู้ว่า งานของตูนนี่พบปะกับต่างชาติเยอะ เจอคนโน้นคนนี้เยอะ ที่บ้านรำคาญ กลัวว่าจะมีใครมาตั้งแง่รังเกียจทั้งบ้านว่าตูนเอาโควิด-19 มาแพร่ในอุดรหรือเปล่า ตูนก็เลยไม่กลับ

ถ้าสถานการณ์ไม่คลี่คลายเร็วๆ นี้ ตูนก็คิดเรื่องหาลู่ทางอื่นไว้บ้าง อย่างตูนเรียนคอร์สออกแบบมา ตูนอยากทำกระเป๋าผ้าแบรนด์ตัวเองขาย เป็นกระเป๋าชนิดใส่แกนวางตั้งได้แบบไม่เสียทรง แต่ถ้ายังปิดเมือง ปิดร้านอยู่อย่างนี้ก็ไม่รู้จะไปดูวัตถุดิบในการผลิตจากไหน หรือไม่ก็ไปหารือกับนักโภชนาการทำไก่ปั่นขาย และตูนยังเรียนคอร์สออกแบบเครื่องประดับด้วย เคยได้ไปแสดงผลงานที่เชียงใหม่ ก็อาจจับงานตรงนี้อีกทางหนึ่งได้ในอนาคต แต่ตอนนี้อัญมณีคือคนยังไม่มีกำลังซื้อ มันมีอะไรที่ตูนต้องคิดต้องทำจากต้นทุนที่เรามีอยู่ด้วย ไม่ใช่งานที่ทำเพราะรสนิยมซึ่งมันไม่ยั่งยืน

ถ้าถามว่า ตูนจะออกจากวงการนี้เมื่อไร ตูนมีความฝันนึงนะ เป็นสิ่งที่ตูนฝันจะทำตั้งแต่การประกวด Mr Gay World Thailand แล้ว คือทำแคมเปญของตัวเองให้เสร็จ แคมเปญที่ว่าคือ ‘sex worker guide’ ทำเป็นเล่มให้ดาวน์โหลดเป็นไฟล์ PDF ซึ่งอยากให้คนทำงานวงการนี้อ่าน อยากให้แขกอ่าน ไม่ใช่เพื่อการโฆษณาอะไรที่ไหน แต่เพื่อเป็นการอัพเดตความรู้เรื่องการป้องกันตัวจากโรคติดต่อจากเพศสัมพันธ์ อย่างที่ตูนเล่าไปคือบางคนความรู้ก็ล้าหลังหรือเพิกเฉย อยากให้เขารู้ว่า เขาต้องระวังโรคอะไรบ้าง เซ็กซ์แบบไหนมีโอกาสติดโรคอะไร อย่าง HIV กับซิฟิลิส เชื้อมันคนละอย่างวิธีที่ติดได้มันก็ไม่เหมือนกันทีเดียว แล้วสามารถหาสวัสดิการป้องกันรักษาได้ที่ไหนบ้างที่ได้ฟรี เรื่องการใช้ยา PrEP ยา PEP ก็สำคัญ เพราะถุงยางมันก็เกิดอุบัติเหตุได้ ไอ้น้ำอย่างว่าเข้าตาที่เป็นเนื้อเยื่ออ่อน คุณก็มีโอกาสติด HIV หรือออรัลเซกส์ก็มีโอกาส อย่างตูนเองป้องกันความเสี่ยงโดยการกิน PrEP สม่ำเสมอควบคู่กับการใช้ถุงยาง ตรวจร่างกายเสมอ

แล้วมันไม่ใช่แค่เรื่องการแนะนำการป้องกันโรค ตูนอยากเขียนแนะนำเรื่องวัสดุเสริมแบบเป็นทางเลือกด้วย อย่างเช่น ถุงยางอนามัยนี่มีแบบไหนบ้าง มันมีแบบสำหรับคนแพ้น้ำยางธรรมชาติด้วย หาได้ที่ไหน การใช้เจล เจลมีแบบไหนบ้าง เจลดีๆ คือเจลที่ทำจากซิลิโคน ( sillicone based ) บางยี่ห้อมันไม่เหนอะหนะ ไม่ดังแจ๊ะๆๆเวลา..งอย่างนั้นน่ะ หรือกระทั่งเรื่องป๊อบเปอร์ มันก็มีอันตรายที่เราต้องอธิบายการใช้

ส่วนที่ทำให้แขกอ่าน คือส่วนที่ทำให้แขกมีความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจคนทำงานตรงนี้ว่า เขาไม่ใช่สนามอารมณ์ที่คุณจ่ายเงินแล้วคุณจะทำอะไรก็ได้ มันต้องเป็นความยินยอมพร้อมใจทั้งสองฝ่าย ต้องให้เกียรติกันในฐานะมนุษย์ที่เขามาดูแลหรือบริการคุณเหมือนกัน อยากตีแผ่ว่าเด็กต้องผ่านอะไรมาบ้างที่ต้องเห็นใจ และแขกต้องเตรียมตัวอย่างไรเพื่อช่วยเด็กด้วย ทั้งเรื่องดูแลรักษาสุขภาพรู้ผลเลือดของตัวเองด้วย เรื่องรักษาความสะอาด เราเป็นอาชีพที่รับอารมณ์ความต้องการจริง แต่ถ้าได้รับการปฏิบัติอย่างให้เกียรติ ทั้งเด็กทั้งแขกก็มีความสุข เป็นเพื่อนเล่นพูดคุยยามเหงากันได้

ถ้าตูนทำตรงนี้ได้เสร็จ วันนั้นตูนก็คงจะล้างมือและไปทำงานทำการประจำอย่างอื่นต่อ ตูนผ่านมาทั้งการเป็นเด็กนวด เด็กโชว์ เด็กเอนท์ ประสบการณ์ตูนหรือของเพื่อนๆ ในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า รับมือแขกบางประเภท จะมีประโยชน์ไม่ใช่แค่คนทำงาน แต่อยากให้มีประโยชน์กับทุกคน อย่างที่ตูนพูดตอนเสนอแคมเปญว่า ตูนอยากเอาปัญหาใต้พรมออกมาตีแผ่ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

 

เมื่อสัมภาษณ์เสร็จ เราเก็บภาพของตูน ปวัน เพิ่มเติมในซอยที่เงียบเหงา ย่านสีลม ธนิยะ พัฒนพงษ์ที่เคยคึกคักอ้างว้างในความมืด ซึ่งมันก็ยังหาทางออกหรือไม่รู้ว่า มันจะกลับมาคึกคักขึ้นได้อีกครั้งเมื่อไร เช่นที่ตูนพูดว่าเราต่างก็รอให้อะไรๆ มันดีขึ้นเพราะทุกคนล้วนมีภาระ และหลายคนก็ไม่ใช่ปากท้องเดียว แต่มันรวมถึงทั้งครอบครัวที่เขาต้องดูแล ส่วนตัวตูนนั้น เขายืนยันว่า ถ้าให้อยู่บ้านกักเชื้อเพื่อชาติ เขาก็ยินดี เพื่อให้สถานการณ์มันจบลงไวๆ เพียงแต่เขาห่วงว่า ถ้าเปรียบกับโรค เมื่อรักษาหายระยะฟื้นตัวของวงการกลางคืนมันจะอีกนานแค่ไหนกันล่ะ สำหรับเพื่อนร่วมอาชีพที่ไม่ได้มีต้นทุนในชีวิตและไม่ได้มีทางออกอื่นๆ จะได้ไม่ต้องลำบากมากนัก

Tags: , , , , , ,