หากเราอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยผู้หญิง เราจะรู้ได้อย่างไรว่า คนไหนเป็นแซฟฟิก (Sapphic) แล้วคนไหนเป็นสเตรท (Straight) เพราะในโลกแห่งความจริง รสนิยมทางเพศไม่ได้แสดงออกมาผ่านบุคลิกภาพเสมอไป ทำให้แซฟฟิกหลายคนต้องเริ่มต้นทำความรู้จักกัน จากคอมมูนิตี้แซฟฟิกในโลกออนไลน์ก่อนจะเห็นหน้าค่าตากันในชีวิตจริง นี่คือเพนพอยต์ของกลุ่มหญิงรักหญิงหรือแซฟฟิก ที่มีทั้งเลสเบียน (Lesbian) ไบเซกชวล (Bisexual) แพนเซกชวล (Pansexual) และอีกมากมายใต้ร่มคันใหญ่คันนี้

แบม-ลลิตา แซ่อึ่ง (ซ้าย) และแนท-ณิชกานต์ วรกิตติคุณ (ขวา)
ด้วยเหตุนี้ แนท-ณิชกานต์ วรกิตติคุณ และแบม-ลลิตา แซ่อึ่ง หนึ่งในคู่รักแซฟฟิกที่เจอกันในโลกออนไลน์ จึงได้ตัดสินใจทำ Krins แบรนด์เครื่องประดับสำหรับกลุ่ม Women loving Women (wlw) เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่า ‘ฉันชอบผู้หญิง’ ให้แซฟฟิกได้ใส่กำไลเส้นนี้ในชีวิตจริง เสมือนประตูด่านหน้าให้แซฟฟิกคนอื่นได้เห็น และกล้าเข้ามาพูดคุยทำความรู้จักกันในชีวิตจริง
โดยเป้าหมายของแบรนด์ Krins ไม่เพียงแค่ทำเครื่องประดับเป็นสัญลักษณ์แซฟฟิกเท่านั้น แต่ยังต้องการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้แซฟฟิกได้แสดงตัวตน สร้างคอมมูนิตี้ให้แซฟฟิกได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ทั้งเรื่องความรัก ความสัมพันธ์ และไลฟ์สไตล์
และเนื่องในเดือนแห่งการเฉลิมฉลองความหลากหลายทางเพศ The Momentum ได้พูดคุยกับผู้ก่อตั้ง Krins เพื่อถามถึงจุดเริ่มต้นและความน่าสนใจของกำไล wlw ซึ่งเป็นสินค้าชิ้นแรกของแบรนด์ ที่นำมาสู่การเปิดคอมมูนิตี้แซฟฟิก เพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยทางใจ รวมถึงโลกในอุดมคติของแซฟฟิกที่เจ้าของแบรนด์ทั้งคู่อยากเห็น
ไม่ใช่แค่แฟชั่น แต่เป็นเครื่องประดับที่มีความหมาย
Krins เริ่มจากความตั้งใจของแบมที่อยากมีแบรนด์เครื่องประดับ แต่เมื่อปรึกษากับแนท แนทมองว่า แค่ทำเครื่องประดับเฉยๆ อาจธรรมดาไป ทั้งสองจึงช่วยกันเติมไอเดียจนกลายเป็นแบรนด์เครื่องประดับที่เป็นสัญลักษณ์ของแซฟฟิก ที่ไม่ใช่แค่ทำให้สวย แต่ยังสื่อความหมายและสะท้อนตัวตนของทั้งคู่ด้วย
ทั้งคู่เล่าว่า ก่อนเริ่มแบรนด์ แบมเคยทำช่อง TikTok เป็นคอนเทนต์แนวบิวตี้ ส่วนของแนทเป็นแนวไลฟ์สไตล์ของคู่รักแซฟฟิก ทำให้เห็นปัญหาและเพนพอยต์ของคนในคอมมูนิตี้เดียวกัน จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ทำเครื่องประดับ
“เพนพอยต์ของคอมมูนิตี้ที่เราอยู่คือ เขาแยกกันไม่ออกว่าคนไหนชอบผู้หญิง เราเลยคิดว่าจะทำอะไรขึ้นมาที่เป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มเราดีไหม เพื่อให้เขารู้ แล้วพอดูเทรนด์ตอนนั้น กลุ่มแซฟฟิกจะชอบใส่กำไล ชอบใส่เครื่องประดับที่แขนเยอะๆ เลยเลือกทำกำไล เพราะคนน่าจะชอบ” แบมกล่าว
แบมเล่าต่อว่า ดีไซน์ของกำไล wlw ตั้งใจออกแบบให้แซฟฟิกทุกคนใส่ได้ ไม่ว่าจะมีลุคหรือสไตล์แบบไหน จึงเลือกตัวเรือนเป็นวัสดุเงินกับจี้ห้อยสีขาว ออกมาเป็นกำไลที่มองดูก็มีทั้งความเท่และน่ารักในเส้นเดียว
“ชาวแซฟฟิกเขาก็จะมีคนที่ลุคเท่ๆ บ้าง หวานๆ บ้าง มีหลายแบบ เราอยากทำสีให้ทุกคนใส่ได้ ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นสไตล์ไหน” แบมเล่า
“แซฟฟิกคือ กลุ่มผู้หญิงที่มีความชื่นชอบในผู้หญิง ซึ่งเขาไม่จำเป็นต้องเป็นผู้หญิงที่ผมยาวเท่านั้น อาจจะเป็นทอม ดี้ ไบเซกชวลได้หมดเลย เป็นร่มใหญ่ๆ ที่ครอบลงมา” แนทเสริม
ถ้าไม่ใช่แซฟฟิก สามารถใส่ได้ไหม
แม้ดีไซน์ของกำไลถูกใจสาวๆ หลายคน แต่คงต้องแสดงความเสียใจกับผู้หญิงที่เป็นสเตรทที่ไม่สามารถใส่กำไลเส้นนี้ได้ เพราะจะทำให้เกิดความสับสน เข้าใจผิดในกลุ่มแซฟฟิก และผิดวัตถุประสงค์ของแบรนด์ แต่อย่างไรก็ตามในมุมของเจ้าของแบรนด์ก็ไม่สามารถห้ามสเตรทซื้อได้
“ตอนแรกที่สร้างมา เราอยากให้เป็นสัญลักษณ์ที่รู้กันเองแค่ในคอมมูนิตี้ของเรา เพราะช่วงแรกบางคนเขาอาจจะยังไม่ได้อยากเปิดตัวกับคนนอกว่าเป็นแซฟฟิก ไม่ได้อยากโจ่งแจ้ง ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก คนก็พร้อมเปิดตัวมากขึ้น ไม่ได้อายแล้วที่จะใส่กำไล ไม่ได้อายแล้วที่จะบอกว่าฉันชอบผู้หญิงนะ แล้วด้วยความที่เราทำช่อง TikTok สื่อเปิดกว้าง คนนอกคอมมูนิตี้เลยรู้จักกำไลไปด้วย ซึ่งถ้าสเตรทใส่อาจผิดจุดประสงค์ของแบรนด์ ซึ่งเราเองก็ดูไม่ออกเหมือนกันว่าลูกค้าคนไหนเป็นสเตรท” แบมเน้นย้ำถึงเพนพอยต์ของกลุ่มหญิงรักหญิง
โดยก่อนหน้านี้มีกรณีที่แซฟฟิกออกมาเล่าเหตุการณ์ว่า เจอคนใส่กำไล wlw แต่เมื่อเข้าไปพูดคุยทำความรู้จักแล้ว กลับพบว่าไม่ใช่คนที่ชอบผู้หญิงเหมือนกัน
อย่างไรก็ตามหากนอกคอมมูนิตี้รู้จักและเข้าใจกำไล wlw มากขึ้น จะไม่เกิดกรณีสเตรทใส่กำไลอย่างผิดวัตถุประสงค์ขึ้น และยังช่วยให้เพศชายเห็นแล้วรู้ได้ทันทีว่า ผู้หญิงคนไหนเป็นแซฟฟิก ไม่ได้ชอบผู้ชาย เพื่อไม่ต้องเข้ามาจีบให้เสียเวลาทั้ง 2 ฝ่าย
“เราทราบมาจากลูกค้า ถ้าเห็นใส่กำไลเขาก็เข้าไปจีบเลยนะ เข้าไปขอไอจีเลย แล้วก็คุยกันต่อในโลกออนไลน์ กำไลก็จะเป็นด่านหน้าให้คนรู้ว่า เราชอบผู้หญิง” แบมเล่า
“กำไลเป็นประตูที่ทำให้เราไม่ต้องเดินเข้าไปถามว่า คุณชอบผู้หญิงไหม แต่ในขณะเดียวกัน เรื่องคนภายนอก จะมีอีกเรื่องหนึ่งที่คนในคอมมูนิตี้รู้สึกว่า หากคนภายนอกรู้หรือผู้ชายรู้ เขาจะได้ไม่เข้ามาจีบเรา จะช่วยตัดช้อยส์ได้” แนทเสริม
จากสินค้าเฉพาะกลุ่ม สู่แบรนด์ที่อยากเติบโตในวงการแฟชั่น
แม้กำไล wlw จะทำหน้าที่เป็นเครื่องมือสื่อสารรสนิยมทางเพศ ไม่ได้เป็นสินค้าแฟชั่น แต่แบมที่เรียนจบด้านการตลาดมา ก็ต้องการออกสินค้าอื่นๆ ที่เป็นแฟชั่นมากขึ้น เนื่องจากกำไลอาจเป็นสินค้าที่คนซื้อครั้งเดียว ไม่ได้ซื้อซ้ำๆ ประกอบกับมีแค่กลุ่มลูกค้าแซฟฟิก ซึ่งเป็นสัดส่วนทางการตลาดที่ไม่กว้างนัก
“กลุ่มลูกค้าเล็ก แต่ถือว่าเราเด่นในด้านนี้แล้ว เพราะถ้าพูดถึงสินค้าสำหรับแซฟฟิกก็จะนึกถึงเรา แต่ปัญหาของแบรนด์เราคือ ทุกวันนี้คนซื้อครั้งเดียวแล้วจบ เราก็อยากทำให้เป็นแบรนด์แฟชั่นมากขึ้น ถ้าออกสินค้าถัดไปก็คิดว่าจะออกเป็นเสื้อผ้า ให้มันมีความหลากหลายมากขึ้น” แบมกล่าว
ในวันนี้สินค้าของ Krins มีทั้งกำไลข้อมือ เสื้อ และพวงกุญแจที่มีชิปชื่อว่า ‘ชิป Miluvy’ ให้สแกนเพื่อทำความรู้จักกัน โดยในชิปจะใส่ข้อมูล เช่น โซเชียลมีเดียของเรา เบอร์โทร หรือแชร์ลิงก์เพลงให้คนที่ชอบ ทำให้ชาวแซฟฟิกที่เจอกันโดยบังเอิญตามสถานที่ต่างๆ ได้แลกคอนแทกต์กันอย่างมีกิมมิก
“พวงกุญแจกับกำไล เขามักจะใช้ในโอกาสที่ต้องไปเจอคนเยอะๆ ไปเจอคนใหม่ๆ เช่นไปเที่ยวกลางคืน พอเป็นชิป Miluvy คนก็จะมาขอแตะหน่อยได้ไหม เป็นการขอคอนแทกต์กัน” แบมอธิบาย
“เป้าหมายของแบรนด์เราคือ ต้องการให้คนคอนเนกต์กันง่ายขึ้น ตอนแรกเราคิดว่าชิปมันควรจะอยู่ที่กำไล แต่ว่าด้วยข้อจำกัดของเทคโนโลยี และการผลิต มันเลยกลายเป็นว่าต้องเป็นพวงกุญแจ ประกอบกับเทรนด์พวงกุญแจเป็นแฟชั่นที่กำลังมาด้วย ห้อยกระเป๋าได้ ซึ่งพอยต์หลักคืออยากให้คอนเนกต์กัน” แนทกล่าว
พื้นที่ปลอดภัยทางใจ และทางกายภาพที่ไม่อยากให้เป็นแค่โลกในอุดมคติ
นอกจากขายสินค้าแล้ว Krins ยังเปิดช่อง TikTok ของแบรนด์ เพื่อทำคอนเทนต์สื่อสารและเล่าเรื่องของแซฟฟิกออกไป พื้นที่ตรงนี้จึงเปิดกว้างให้คนเข้ามาแสดงตัวตน แลกเปลี่ยนกันทั้งกลุ่มแซฟฟิกและคนนอกคอมมูนิตี้
“นอกจากทำกำไลแล้ว เราทำเป็นช่อง TikTok แนวสัมภาษณ์ด้วย เป็นพื้นที่ให้คนรู้สึกว่ามันมีคนที่เหมือนกันกับเรานะ เราไม่ได้อยู่คนเดียว ทำให้คนกล้าเปิดตัวมากขึ้น” แบมอธิบาย
ทั้งนี้ Krins ยังเปิดกลุ่ม Openchat สำหรับแซฟฟิกโดยเฉพาะให้ได้เข้ามาพูดคุยทำความรู้จักกัน
“เรามีกลุ่มที่เพิ่งสร้างมาได้ไม่นาน เพิ่งเปิดให้เข้าได้แค่ 2 ครั้ง แล้วเราจะค่อยๆ ทยอยเปิดให้คนเข้ามาผ่านช่องทางของแบรนด์ก่อน โดยตัวเสื้อที่เราออกแบบมาจะมีคิวอาร์โค้ดให้สแกนเข้ากลุ่มนี้ได้ เราเลยคิดว่า มันไม่ใช่ว่าแค่การซื้อสินค้าธรรมดา แต่คือการเปิดประตูให้ตัวเองได้เข้ามาคอนเนกต์กับคนที่เปิดใจในสิ่งนี้ ได้เจอเพื่อนใหม่ๆ ด้วย” แนทเล่าถึงคอมมูนิตี้ของ Krins
โดยแบมเสริมว่า ข้อดีของคอมมูนิตี้ที่แบรนด์ Krins สร้างขึ้นทำให้แซฟฟิกหลายคนได้เจอเพื่อนใหม่ ได้มีสังคมที่กว้างขึ้น รวมทั้งยังสามารถนัดกันออกไปทำกิจกรรมในชีวิตจริงได้ด้วย
“พอเป็นคอมมูเราก็จะได้เจอเพื่อน ที่ในชีวิตจริงเราอาจจะไม่มีเพื่อนชอบผู้หญิงเหมือนกัน เราได้มาคุยเรื่องที่แลกเปลี่ยนกันได้ มีพื้นที่มากขึ้น เราเองชอบเข้าไปอ่านในกลุ่ม เขาก็คุยกันสนุกสนานมากเลย เช่น คนนี้อยู่จังหวัดไหน จังหวัดเดียวกัน นัดกันไปนั่นนี่ ไปตีแบต นอกจากเรื่องความรักคือ เราอยากจะชวนกันไปทำกิจกรรมด้วยกัน” แบมเล่า
อย่างไรก็ตาม คอมมูนิตี้ไม่เพียงแค่ช่วยเรื่องการพูดคุยแลกเปลี่ยน แต่อาจพัฒนาความสัมพันธ์ไปสู่การเป็นคู่รักได้อีกด้วย เนื่องจากในทุกวันนี้แซฟฟิกมีพื้นที่สานสัมพันธ์กันน้อยมากทั้งในโลกจริงและออนไลน์ คอมมูนิตี้นี้จึงเป็นการเพิ่มโอกาสให้แซฟฟิกได้ค้นพบความรักมากยิ่งขึ้นด้วย
“จริงๆ เรามองว่า แบรนด์เราเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้เขาได้ เป้าหมายที่วางไว้ในอนาคตอันใกล้นี้ อาจเป็นการได้ออกมาเจอกันในชีวิตจริง เพราะโดยปกติถ้าไม่มีแอพหรือโลกออนไลน์ แน่นอนว่ามันยากมากที่จะได้เจอกัน แต่พอมีคอมมูนี้ขึ้นมา มันมีตัวกลางที่เราสามารถมาเจอกันข้างนอกได้ แล้วมีมาตรฐานและเชื่อได้ว่าปลอดภัย แนทคิดว่ามันน่าจะทำให้คอนเนกกันได้ง่ายขึ้น” แนทบอกถึงเป้าหมาย
แม้แบรนด์ Krins จะสร้างพื้นที่ปลอดภัยในโลกออนไลน์ ให้กลุ่มแซฟฟิกได้สบายใจในการเปิดเผยตัวตน และอยากให้คนในคอมมูนิตี้ได้ออกมาเจอกันในชีวิตจริงด้วย แต่ในทุกวันนี้เรื่องยากของแซฟฟิกไม่ใช่เพียงไร้พื้นที่ในการแสดงออก แต่รวมถึงไม่มีพื้นที่กายภาพที่ปลอดภัยในการใช้ชีวิต
“เรา 2 คนชอบไปต่างประเทศมาก เวลาไปเราจะเห็นความแตกต่างของโครงสร้างพื้นฐานและสังคมด้วย เรามองว่าบางที ในบางเวลาหรือในบางสถานที่ การเป็นผู้หญิง 2 คนแล้วเดินเล่นก็อาจมีโอกาสถูกคุกคามมากกว่า ในอนาคตมันอาจจะมีเทคโนโลยีบางอย่าง หรือกฎเกณฑ์บางอย่างที่ปกป้องเรามากกว่านี้ แทนที่เราต้องพยายามปกป้องตัวเอง” แนทเล่า
แนทเน้นย้ำว่า ในอนาคตอยากให้ประเทศไทยมีความปลอดภัยที่มากขึ้น เป็นความปลอดภัยที่ทำให้คนทุกเพศสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ
“ถ้าในอนาคต เราเป็นคู่รักกัน แล้วเราอยู่ด้วยกัน เราก็มองว่าเราทั้งคู่ต้องหาเงินให้ได้เยอะมากๆ เพื่อซื้อความปลอดภัยให้ตัวเองในระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นบ้าน การเดินทาง การใช้ชีวิต ถ้ามันมีความปลอดภัยมากขึ้น บางทีคนก็กล้าจะเปิดเผยตัวตนมากขึ้นนะ” แนทเสริมเรื่องความปลอดภัยในชีวิต
เช่นเดียวกับแบมที่บอกว่า โลกในอุดมคติสำหรับเธออยากให้เป็นโลกที่ปลอดภัย
“ด้วยความที่ตอนนี้ หญิงรักหญิงอาจจะยังมีภาพว่าสร้างบ้านอยู่ด้วยกันลำบาก โลกอุดมคติอยากให้เราสามารถใช้ชีวิตด้วยกันได้ โดยไม่ต้องพยายามเป็นคนที่เก่งที่สุด ไม่ต้องพยายามหาเงินให้ได้มากที่สุด เพื่อจะอยู่กันได้อย่างปลอดภัย คือเราสามารถอยู่กันได้เรื่อยๆ โดยไม่ต้องพยายามพิสูจน์ตัวเองก็จะดี” แบมกล่าว
ในคอมมูนิตี้ออนไลน์ของแซฟฟิกอาจเป็นโลกที่อ่อนโยน แต่มองกลับมาที่โลกจริงยังคงเป็นโลกที่ไม่งดงามนัก หวังว่าในวันหนึ่งโลกในอุดมคติของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายเพศ ซึ่งต้องการเพียงพื้นที่ปลอดภัย จะได้มีพื้นที่ปลอดภัยทางกายภาพอย่างแท้จริง
Tags: The Chair, Sapphic, WLW, แซฟฟิก, QUEER IS HERE, Krins, Women love Women, กำไลแซฟฟิค, กำไล WLW, แซฟฟิค