iHAVECPU ร้านขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ยอดขายร้อยล้าน ที่เริ่มต้นจากภายในโรงสีข้าวของครอบครัว

ปัจจุบัน ‘คอมพิวเตอร์’ และ  ‘โน้ตบุ๊ก’ ถูกมองว่ากลายเป็นอวัยวะที่ 33 ของมนุษย์ไม่ต่างจากสมาร์ตโฟน ทั้งใช้ทำงาน ติดต่อสื่อสาร เล่นโซเชียลฯ ฟังเพลง ดูหนัง ดูซีรีส์ แทนโทรทัศน์ เบ็ดเสร็จภายในเครื่องเดียว และยังมีการพัฒนาตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงทำให้ผู้คนต่างมองหาคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊ก ที่เหมาะสมที่สุด เพื่อรองรับการใช้งานที่แตกต่างกันไป

ท่ามกลางร้านขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ผุดขึ้นมากมาย ในปี 2020 ชื่อร้าน  ‘ไอแฮฟซีพียู’ (iHAVECPU) กลับผงาดขึ้นมาเป็นตัวเลือกอันดับแรกๆ โดยเฉพาะกับเกมเมอร์และสตรีมเมอร์ไทย เหนือกว่าแบรนด์ดังตามห้างสรรพสินค้า ซึ่งวัดได้จากยอดขายตลอดช่วงขวบปีแรกที่มากถึงหลักล้าน และมีผู้สั่งซื้อเฉพาะช่องทางออนไลน์กว่า 500 เครื่อง

อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ไอแฮฟซีพียู ได้รับความนิยมอย่างมากในชั่วระยะสั้นๆ?

คำตอบหนึ่งอาจเป็นเรื่องของ ‘การบริการ’ ที่ไอแฮฟซีพียูสามารถสร้างความประทับใจและความไว้วางใจให้กับลูกค้า ตอบโจทย์ตั้งแต่บริการแนะนำข้อมูลยี่ห้อซีพียู จอ คีย์บอร์ด และเมาส์ อย่างละเอียดและเป็นมิตร พร้อมด้วยบริการรับประกันหลังการขาย ไม่ใช่แค่การพยายามขายสินค้าให้ได้เพื่อทำยอด

ความน่าสนใจดังกล่าวทำให้ The Momentum ชวน เปา-พีรดนย์ เหมยากร ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารไอแฮฟซีพียู มาร่วมสนทนาถึงจุดกำเนิดของร้าน ที่เริ่มต้นจากออฟฟิศเล็กๆ ภายในโรงสีข้าวประจำตระกูล ก่อนก้าวมาสู่แบรนด์ยอดนิยมที่มีกลยุทธ์มัดใจลูกค้าให้ได้ยอดขายหลักร้อยล้านต่อเดือน ไปจนถึงอีกหนึ่งตัวตนของเขาในฐานะสตรีมเมอร์

เด็กชายผู้หลงใหลในโลกแห่งคอมพิวเตอร์ กับชีวิตที่ขึ้นสุดลงสุดดั่งรถไฟเหาะตีลังกา

“วันนี้ผมเล่าแบบซัดเต็มข้อเลยนะ”  

พีรดนย์ กล่าวทักทายเราด้วยรอยยิ้มตามสไตล์ของเขา ก่อนจะเริ่มต้นเล่าถึงชีวิตในวัยเด็กที่คลุกคลีมากับคอมพิวเตอร์ ถึงขั้นลงทุนซื้ออะไหล่มาประกอบด้วยตนเอง

“ตั้งแต่จำความได้ตอน ป.5-ป.6 (ปี 2001) ก็เริ่มสนใจเรียนรู้วิธีประกอบคอมพิวเตอร์ พออายุ 13 ขวบ เรียนอยู่ชั้น ม.1 ช่วงปิดเทอมผมตัดสินใจนั่งรถทัวร์จากบ้านที่นครนายกเข้ามากรุงเทพฯ เพื่อไปซื้ออะไหล่คอมพิวเตอร์ที่พันธ์ุทิพย์มาประกอบซีพียูเอง รวมแล้วราคาประมาณสามหมื่นบาท ตอนนั้นน้อยมากที่บ้านไหนจะมีคอมฯ เป็นของตัวเอง ถ้ามีก็ถือว่าฐานะต้องพอกินพอใช้ระดับหนึ่ง

“ผมเลยยกระดับจากเกมที่เล่นในเครื่องเล่นแฟมิคอม (Famicom) มาเล่นเกมบนคอมฯ จำได้ว่าตอนนั้นเกมแรกที่เล่นคือ ดูม ภาคแรก (DOOM 1993) เป็นเกมแนวซิงเกิลเพลเยอร์ ออฟไลน์ ตอนนั้นเล่นเกมออนไลน์ไม่ได้ เพราะอินเทอร์เน็ตที่บ้านช้า (หัวเราะ) แค่ 56 kbps เอง และเพราะจุดนี้ การเล่นคอมฯ ประกอบคอมฯ จึงกลายเป็นงานอดิเรกที่ผมรักมาก”

ในเวลานั้น พีรดนย์ยังห่างไกลจากความคิดที่จะเปิดร้านขายอุปกรณ์คอมฯ โดยสิ้นเชิง เพราะเขาใฝ่ฝันสู่เส้นทางอาชีพนักกีฬาบาสเกตบอลระดับมืออาชีพ

“ตอน ม.ปลาย ผมเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลของโรงเรียนทิวไผ่งาม และกำลังมีโอกาสติดเยาวชนทีมชาติรุ่นอายุ 18 ปี แต่มีวันหนึ่งที่ผมซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปกับเพื่อนแล้วเกิดอุบัติเหตุรถชน ถึงขั้นขาหักสามท่อน ต้องผ่าตัดซ้ำสองรอบ ใช้เวลานานมากกว่าจะกลับมาเดินได้ แต่ก็สายเกินกว่าที่จะกลับไปเล่นกีฬาได้แล้ว”

จุดกำเนิดของไอแฮฟซีพียูเวอร์ชันแรก กับร้านขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์มือสองออนไลน์ ที่เริ่มต้นจากภายในโรงสีข้าวประจำตระกูล 

หลังผ่านเหตุการณ์หนักในชีวิต พีรดนย์เข้าศึกษาต่อที่สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และใช้เวลา 5 ปี ในการเรียนจนจบ ก่อนออกมาหางานทำตามบริษัทต่างๆ ทว่าในใจเขากลับนึกย้อนถึงงานอดิเรกแรกในชีวิต นั่นคือการประกอบคอมฯ 

ท้ายที่สุด พีรดนย์ตัดสินใจขอใช้ออฟฟิศในโรงสีข้าวที่เป็นธุรกิจหลักของตระกูล มาดัดแปลงเป็นออฟฟิศขายอุปกรณ์คอมฯ มือสองจากต่างประเทศ ด้วยต้นทุน 4 หมื่นบาท 

“ปี 2013 ผมตัดสินใจเปิดร้านขายอุปกรณ์คอมฯ มือสองจากต่างประเทศ เพราะมองว่าเป็นสิ่งที่เรารัก และมีความรู้ ถ้าทำในระยะยาวก็น่าจะมีความสุข ผมมองว่าช่องทางการซื้อขายอุปกรณ์คอมฯ บ้านเรายังน้อย จึงตัดสินใจนำทุนสี่หมื่นบาทที่ขอยืมมาจากแม่ ไปซื้อซีพียูจากต่างประเทศตามเว็บไซต์อีเบย์ (eBay) มาขายผ่านเว็บไซต์ Overclockzone และขอยืมห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ หลังโรงสีข้าวของที่บ้านมาทำเป็นออฟฟิศทำงาน ใช้ไลฟ์ และเป็นโกดังเก็บสินค้า นี่เป็นจุดเริ่มต้นของร้านไอแอฟซีพียู”

เราถามต่อด้วยความสงสัยว่า การขายช่วงแรกของเขาเป็นอย่างไร

“ส่วนใหญ่จะเป็นการโพสต์ตามกระทู้ที่มีคนตามหาอะไหล่ พอมีคนสนใจก็จะติดต่อซื้อขายผ่านทางไลน์ เมื่อตกลงกันได้ลูกค้าก็จะโอนเงินมาเต็มจำนวน การขนส่งค่อนข้างวุ่นวายพอสมควร เพราะเราไม่มีขนส่งเดลิเวอรี ช้อปปี้ ลาซาด้า วิธีเดียวคือส่งทางไปรษณีย์กับขับรถไปส่งเอง จากนั้นจึงค่อยๆ ขยับไปขายบนเพจเฟซบุ๊ก ผมตั้งชื่อเพจตรงตัวเลยว่าขายซีพียู รุ่นคอร์ทู ดูโอ้ (cpu core 2 duo) และทำทุกกระบวนการขายด้วยตัวคนเดียว จนครบสามปี ถึงมีลูกน้องมาช่วยอีกสี่คน พอเข้าสู่ปีที่หก ก็จดทะเบียนเป็นบริษัท

“จำได้ว่าออเดอร์แรกที่ขายได้เป็นซีพียูโน้ตบุ๊กสักรุ่นหนึ่ง ซื้อมาราคาสองร้อยยี่สิบบาท ขายไปสามร้อยบาท ได้กำไรมาแปดสิบบาท ถึงจะเป็นจำนวนเงินเล็กน้อย แต่ทำให้เรามั่นใจว่านี่เป็นธุรกิจที่สามารถไปต่อได้ 

“ช่วงเวลานั้นราคาซีพียูมือสองจากต่างประเทศกับที่ขายมือหนึ่งในประเทศมีส่วนต่างราวๆ สามถึงสี่เท่าตัว ถ้าผมนำเข้ามาขายเครื่องหนึ่งก็ได้กำไรไม่ต่ำกว่ำเจ็ดถึงแปดร้อยบาท เพราะในเมืองนอกอย่างสหรัฐฯ เขาผลิตกันเป็นจำนวนมากจนเกินความต้องการ แต่ดันมีคุณภาพระยะเวลาใช้งานนานพอสมควร อย่างรุ่นซ็อกเก็ต 775 (Socket 775) ของอินเทล (Intel) สามารถเอามาประกอบกับเมนบอร์ดรุ่นอะไรก็ได้ และใช้ยาวเจ็ดถึงแปดปี ฉะนั้น ถ้าผมนำเข้ามาขาย อย่างไรก็มีคนซื้อแน่นอน”

“ขอเสริมว่า ทุกวันนี้ผมคืนเงินแม่ผมแล้วนะ แถมให้คืนเยอะกว่าเดิมด้วย” พีรดนย์กล่าวพร้อมเสียงหัวเราะ

ไลฟ์และบริการหลังการขาย 24 ชั่วโมง กลยุทธ์สำคัญที่ใช้มัดใจลูกค้า

หากลองไปดูคอมเมนต์บนโลกโซเชียลฯ ที่ผู้คนพูดถึงจุดเด่นของไอแฮฟซีพียู สิ่งหนึ่งที่เป็นฟีดแบ็กเชิงบวกที่ผู้คนต่างคอมเมนต์ไปในทิศทางเดียวกัน คือ ‘การไลฟ์’ ที่อธิบายข้อมูลได้เข้าใจง่าย ละเอียด ตรงไปตรงมา พร้อมกับบุคลิกสนุกสนานของพีรดนย์ ที่ทำให้ผู้ติดตามไลฟ์ชื่นชอบ

“ช่วงแรกที่เริ่มไลฟ์ ผมใช้กล้องเว็บแคมตัวเล็กๆ แล้วพัฒนามามีโปรดักชันแบบที่เห็นทุกวันนี้ การไลฟ์ถือว่าเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ไอแฮฟซีพียูประสบความสำเร็จแบบก้าวกระโดด ในเวลานั้นเราไม่มีหน้าร้าน มีแต่ออนไลน์ เป้าหมายของเราจึงต้องทำอย่างไรก็ได้ให้ลูกค้ารู้ว่าเรามีตัวตนจริงๆ สามารถโชว์สินค้า มีการลองสเป็ก เช็กเฟรมเรต ภายในซีพียูแต่ละเครื่องประกอบด้วยอะไรบ้าง ใช้ทำงาน ใช้เล่นเกมอะไรได้บ้าง ทั้งหมดเราต้องตอบลูกค้าได้ ผมใช้เวลาไลฟ์ไม่ต่ำกว่าสิบชั่วโมงต่อวัน

“ด้วยความที่มีความรู้พื้นฐานด้านการประกอบคอมฯ อยู่แล้ว สิ่งที่ผมต้องทำต่อคือการพัฒนาความรู้เฉพาะด้าน หมั่นศึกษาและอัปเดตข้อมูลว่าในวงการมีอะไรใหม่บ้าง เช่น กำลังจะมีการ์ดจอรุ่นนี้วางขาย หรือเทรนด์เทคโนโลยีไปถึงไหนแล้ว ต้องมีความรู้พร้อมแนะนำลูกค้า

“แต่ไม่ใช่ว่าจะมุ่งมั่นฮาร์ดเซลอย่างเดียว ระหว่างไลฟ์ผมพยายามแทรกมุขตลกให้คนดูรู้สึกผ่อนคลาย ถ้ามาหน้านิ่งๆ ไม่ตลก ไม่เป็นกันเอง มันเป็นการทำงานที่ไม่มีสีสัน เหมือนหุ่นยนต์มากกว่า และการที่เรามีคอนเทนต์แนวนี้ มันทำให้คาแรกเตอร์เราดูไม่น่าเบื่อ ลำพังชีวิตปกติคนเขาก็เครียดอยู่แล้ว ถ้ามาดูเราแล้วต้องเครียดหนักกว่าเดิมคงใช่เรื่อง (หัวเราะ)”

นอกจากการไลฟ์ อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ไอแฮฟซีพียูแตกต่าง คือบริการหลังการขาย ที่พร้อมช่วยเหลือลูกค้าตลอด 24 ชม. ทำให้อุ่นใจไม่ว่าปัญหาจะเล็กหรือใหญ่ 

“การบริการที่ดีที่สุดต้องไม่มีการบริการหลังการขาย เพราะผมต้องประกอบคอมฯ ให้ลูกค้าโดยไม่มีปัญหาแต่แรก แต่นั่นเป็นเพียงในเชิง​​ทฤษฎี ในทางปฏิบัติคอมฯ หนึ่งเครื่องประกอบด้วยอะไหล่สำคัญหลายตัว แรม การ์ดจอ เมนบอร์ด ฮาร์ดดิสก์ ส่วนไหนเสีย หมายความว่าพังทั้งระบบ จะมือหนึ่งหรือมือสองก็ตาม ฉะนั้น เราจึงให้ความสำคัญในเรื่องบริการหลังการขายมาตั้งแต่เริ่ม ถ้าเสียเราก็ยินดีซ่อมและยินดีเปลี่ยนให้

“ผมมองว่าการบริการแบบนี้เป็นการเอาใจเขามาใส่ใจเรา สมมติลูกค้าจ่ายเต็มราคาสองหมื่นบาท เขาสมควรต้องได้สินค้ามีคุณภาพและการบริการที่มากกว่าเงินจำนวนนั้น ถ้ามีการร้องเรียนปัญหาอะไรที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรง ผมยินดีลดหย่อน ผ่อนปรน จัดการแก้ไขให้”

อีกตัวตนในฐานะสตรีมเมอร์ ผู้เป็นมิตรต่อเกมเมอร์ไทย

สำหรับใครที่เพิ่งรู้จักไอแฮฟซีพียูเป็นครั้งแรก อาจเข้าใจผิดว่าเป็นชื่อของแชนเนลสตรีมเกม GTA V: Five M ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะคนส่วนใหญ่มักรู้จักพีรดนย์ในฐานะสตรีมเมอร์จอมกวน ผู้เป็นพี่ใหญ่ใจดีของน้องๆ นักเล่นเกม แต่ความจริงฐานะดังกล่าวนับเป็นความบังเอิญที่ซีอีโอรายนี้ไม่ได้ตั้งใจสร้าง

“ผมไม่ได้ชอบเล่นเกมเลยนะ (หัวเราะ) ดูหนังผมยังแทบไม่ดู เพราะเมื่อไรที่เราใช้เวลาไปกับเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับไอแฮฟซีพียูจะรู้สึกผิดทันที ก็เลยมาคิดว่า การพักผ่อนแบบไหนจะทำให้เราไม่รู้สึกผิด สุดท้ายเลยมาจบที่การเล่นเกม เพราะเราสามารถทดสอบสเป็กพร้อมคุยกับคนดูไปด้วยได้

“แต่ทำไปทำมากลับรู้สึกสนุก อย่างเกม GTA V: Five M ที่เลือกเล่นตอนสตรีม ทำให้ผมพบกับแง่มุมที่ต่างออกไป ได้เจอสังคมใหม่ เจอโลกใหม่ เจอมิตรภาพ มีปั่นประสาท ด่ากันบ้าง แต่นับเป็นส่วนน้อยมาก แต่เป็นปกติที่สตรีมเมอร์ทุกคนต้องผ่านการโดนด่า โดนแซะ โดนแซว ขึ้นอยู่กับคุณว่าแข็งแรงพอจะมองข้ามไปได้ไหม

“อย่างไนท์ (เจ้าของแชนเนล ​Gssspotted) ที่ตอนแรกผมจ้างเขามาช่วยรีวิวสินค้า พอสนิทสนมก็มีโอกาสสตรีมเกมร่วมกันด้วย

“ถ้าถามเหตุผลว่า ที่มาเป็นสตรีมเมอร์ มาเป็นมิตรกับเกมเมอร์ ถือเป็นกลยุทธ์ด้วยหรือเปล่า ผมตอบได้เลยว่าไม่ใช่ ผมแค่อยากเข้าไปใกล้ชิดกับลูกค้ามากกว่า ทุกคนมีสิทธิเป็นเพื่อนกันได้หมด ผมไม่ได้วางตัวสูงส่งว่าเป็นซีอีโอ ต้องนั่งอยู่บนหอคอยงาช้าง ถ้าเขาเป็นลูกค้า ผมก็อยากให้เขารู้ว่าเราไม่ได้น่ากลัว เราไม่มีระยะห่างต่อกัน คุยกันได้แทบทุกเรื่อง คำหยาบมาได้หมด (ยิ้ม)”

ปัจจุบัน ไอแฮฟซีพียูได้บุกเบิกสู่โลกแห่งกีฬาอีสปอร์ต (E-Sports) ในฐานะสปอนเซอร์ด้านอุปกรณ์ให้แก่ทีมชั้นนำหลายต่อหลายทีม เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเกมเมอร์ เช่น MiTH, Attack All Around, Buriram United และ Daytrade Gaming

“สาเหตุเพราะผมตั้งใจให้คนที่เล่นเกมแล้วอยากซื้อคอมฯ หรือเกมมิงเกียร์ นึกถึงเราเป็นตัวเลือกแรก ผมมองว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว คนส่วนใหญ่ไม่เปิดทีวีดูละครหลังข่าว เขาเลือกเปิดยูทูบดูสตรีมเมอร์ ดูแข่งกีฬาอีสปอร์ต ขนาดดาราบางคนยังหันมาเป็นยูทูบเบอร์ ฉะนั้น ถ้าเราอยากเป็นที่รู้จักมากขึ้น ก็ต้องปรับตัวตามพฤติกรรมผู้บริโภค”

สู่ร้านขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ครบวงจร ที่มียอดขายหลัก 100 ล้านต่อเดือน กับการขยายเพิ่มเป็น 4 สาขา

จากร้านขายอุปกรณ์คอมฯ มือสองกำไรหลักร้อย ปัจจุบัน ไอแฮฟซีพียูมียอดขายต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท พร้อมเนรมิตหน้าร้านเป็นของตัวเองตามหัวเมือง กทม. และปริมณฑล รวม 4 สาขา แต่ก็มีคำถามตามมาว่า สุดท้ายแล้วคุณภาพด้านต่างๆ ของร้านที่สั่งสมมาจะเลือนหายจนกลายเป็นเหมือนร้านขายอุปกรณ์คอมฯ ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไปหรือไม่

“เป็นเวลานานกว่าไอแฮฟซีพียูจะมีหน้าร้านเป็นของตัวเอง อย่างสาขาย่อยที่รามอินทราก็เพิ่งเปิดเมื่อสองปีที่แล้ว (2020) ด้วยคอนเซปต์ที่ต้องการขยับเข้าใกล้ลูกค้ามากขึ้น และขยับช่องทางการซื้อจากช่องทางออนไลน์มาออฟไลน์ ผมใช้เวลาการตัดสินใจเปิดสาขานี้แค่ห้าวัน พอได้ผลตอบรับดีถึงขยายสาขาอื่นตามมา แต่ส่วนตัวไม่ได้อยากขยายสาขาเพิ่มไปกว่านี้แล้ว เพราะรู้สึกว่าอาจจะดูแลได้ไม่ทั่วถึง ผมอยากเน้นรักษาคุณภาพมากกว่าปริมาณ  

“พอมีสาขามากขึ้น ช่องทางขายมากขึ้น ลูกน้องมากขึ้น การบริหารลำบากขึ้นไหม ไม่มี เพราะผมใช้หลัก ‘Put the right man on the right job’ คือวางคนให้ถูกกับงาน ใครถนัดอะไรก็ไปทำหน้าที่นั้น ผมไม่สามารถมาถึงจุดนี้ได้เลยถ้าไม่มีทีมช่วยหลังบ้าน

“ปีนี้ (2022) เรามียอดขายต่อเดือนประมาณ 117 ล้านบาท ส่วนปีก่อนยอดขายรวมคือ 850 ล้านบาท ปีนี้ก็ต้องเป้ายอดขายไว้ที่ 1,200 ล้านบาท ผมดีใจ แต่ก็เหนื่อยมากๆ อย่างที่บอกว่าผมใช้เวลาสิบชั่วโมงกับการทำงานไลฟ์ตอนบ่าย สตรีมเกมตอนเย็น ที่เหลือคือเวลาพักผ่อนหกชั่วโมง นอนอีกแปดชั่วโมง

“หลายคนอาจจะมองว่าเป็นจำนวนเงินที่เยอะ แต่ผมกลับคิดว่านี่เป็นสิ่งที่ผมสมควรได้รับ เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมกล้าพูดเต็มปากเลยว่า ผมแทบขายวิญญาณให้กับไอแฮฟซีพียู ผมมองว่านี่เป็นความสุขมากกว่าภาระหน้าที่ 

“เราเริ่มจากการเป็นพ่อค้าตัวเล็กๆ ขายคอมฯ มือสอง ลูกค้าอาจจะไม่เชื่อใจบ้าง เราก็เลิกขายมือสอง หรือลูกค้าอาจจะคิดว่าเราขายราคาแพงเกินไป ก็ปรับราคาลง จัดสเป็กคอมฯ ตามวัตถุประสงค์ลูกค้า ไม่ยัดเยียดหวังฟันกำไร สำรวจจุดอ่อนของตัวเอง หมั่นปรับปรุงสม่ำเสมอ และที่สำคัญหาจุดเด่นของตัวเองให้เจอโดยไม่พยายามเลียนแบบใคร” ซีอีโอแห่งไอแฮฟซีพียูกล่าว

หลังบทสนทนากว่า 2 ชั่วโมง ทำให้เรามองเห็นตัวตนของพีรดนย์ในเบื้องลึกมากกว่าแค่บุคลิกอารมณ์ดีภายนอกของเขา ทุกการกระทำของเขาล้วนมีเหตุและผลรองรับ กระทั่งความพยายามที่ให้ผลลัพธ์เป็นไอแฮฟซีพียูในวันนี้

ไม่แน่ว่าอนาคตอันใกล้นี้ คุณเองก็อาจได้เรียกใช้บริการจากไอแฮฟซีพียูก็เป็นได้