เรื่องของการพยากรณ์ดวงชะตา เสริมดวง บูชาของมงคล หรือที่คนรุ่นใหม่นิยามศัพท์ว่า ‘มูเตลู’ (Mutelu) ล้วนเป็นศาสตร์ที่อยู่คู่สังคมไทยมาตั้งแต่โบราณกาล และแม้จะอยู่ในยุคดิจิทัลที่ทุกคนเชื่อมต่อกันได้เพียงปลายนิ้ว สรรพสิ่งสามารถหาคำตอบได้ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ ทว่าความเชื่อเหล่านี้กลับมีอิทธิพล คงกระพันเหนือกาลเวลา ดังที่เราเห็นผู้คนกราบไหว้บูชาพญานาค พระตรีมูรติ ไอ้ไข่ หรือแชร์สีเสื้อมงคล ซื้อเครื่องประดับนำโชค มีวอลเปเปอร์มงคลบนหน้าจอสมาร์ตโฟน ล้วนแล้วแต่สร้างความมั่นใจยามก้าวเท้าออกจากบ้าน

จึงไม่น่าแปลกใจสักเท่าไร หากเรื่องของการทำนายทายทักดวงและวัตถุมงคล จะสามารถต่อยอดให้เป็น ‘ธุรกิจ’ และ ‘สร้างอาชีพ’ ได้ ตั้งแต่หมอดูใต้ต้นมะขามตามสวนสาธารณะ จนถึงนักโหราศาสตร์เลื่องชื่อ คาแรกเตอร์โดดเด่นในหน้าจอโทรทัศน์

เช่นเดียวกับ ซัง-อนัญญา โตแสงชัย ผู้ประกาศข่าวกีฬาและพิธีกรผู้คร่ำหวอดในวงการบันเทิงมานานกว่า 10 ปี ที่ผันตัวมาจับต้องธุรกิจสายดังกล่าว ร่วมกับนักแสดงและนักพยากรณ์ดวงชะตา แมน-การิน วราภัสร์ ภายใต้ชื่อบริษัท ‘โฮโรโซไซตี้’ (Horosociety) ที่นำหลักการตลาดและศาสตร์แห่งมูเตลูมาผสมผสานจนเกิดเป็น ‘มูเก็ตติง’ (Muketing) หรือการตลาดสายมู 

อย่างไรก็ดี อนัญญาได้อธิบายว่า หลักมูเก็ตติงของโฮโรโซไซตี้ ไม่ใช่แค่การมีนักพยากรณ์ดวงชะตาในสังกัดหลากรูปแบบ ทั้งโหราศาสตร์ ไพ่ยิปซี ตัวเลขเบอร์โทรศัพท์ ฯลฯ เพราะยังมีหน้าที่เป็นเอเจนซีปลุกปั้นนักพยากรณ์ไร้ชื่อ ให้กลายเป็นอินฟลูเอนเซอร์พราวเสน่ห์ ขณะเดียวกันได้นำเครื่องมือเทคโนโลยี Data Analytics มาใช้สร้างแคมเปญร่วมกับแบรนด์ชื่อดัง ยกตัวอย่าง แคมเปญเบอร์มงคลจากค่าย AIS รวมถึงเปลี่ยนวอลเปเปอร์มงคลให้กลายเป็นของสะสมบนโลกดิจิทัลอย่าง NFT

ด้วยความน่าสนใจที่ว่า เราจึงชวนเธอมาพูดคุยถึงที่มาของบริษัทด้านมูเก็ตติงครบวงจรนี้ ไปจนถึงประเด็นการสร้างความน่าเชื่อถือต่อโปรดักต์ในมือ ที่ยังมีคนจำนวนหนึ่งมองเป็นเรื่องงมงาย วิธีการบริหารคนในองค์กร โดยเฉพาะนักพยากรณ์ดวงชะตาในสังกัด ที่มีสถานะไม่ต่างจากดาราดัง และแพสชันส่วนตัวที่มีต่อวิถีมูเตลู  

ดูเหมือนชีวิตของคุณจะผกผันไม่ใช่น้อย จากผู้สื่อข่าวกีฬา พิธีกรรายการบันเทิง และนักแสดงโฆษณา จนถึงตอนนี้ ที่กลายมาเป็นผู้บริหารของโฮโรโซไซตี้

จะบอกว่าเราเป็นคนจับฉ่ายประมาณหนึ่ง (หัวเราะ) คนส่วนใหญ่จะรู้จักเราจากการเป็นผู้ประกาศข่าวกีฬาให้กับสถานีโทรทัศน์ True Vision เราทำอยู่ที่นั่นตั้งแต่ปี 2551-2558 ก่อนจะไปเป็นพิธีรายการ Sport Mania ทางช่อง GMM Sport ร่วมกับพี่ป๋อง (กพล ทองพลับ) กับพี่แจ็คเล็ก (สุวินัย อ่อนสะอาด) แล้วถึงย้ายไปช่อง Workpoint TV ตอนปี 2559-2560 ก่อนจะเฟดตัวเองมาทำงานเบื้องหลัง เพราะท้องลูกคนแรก

กระทั่งเมื่อปีก่อน (65) เรากลับมาทำงานสื่อเบื้องหน้าอีกครั้ง ในฐานะ DJ สถานีวิทยุ Mellow Pop FM 97.5 เพราะเรามีความสันทัดในวงการ K-POP ระดับหนึ่ง และตอนนี้ ที่กำลังปั้นโปรเจกต์ Sportainment กับสื่อออนไลน์ Main Stand

พอมีเวลาส่วนตัวเยอะขึ้น ก็มีเวลาในการปั้นสามธุรกิจส่วนตัว คือโฮโรโซไซตี้ ที่เป็นบริษัทมูเก็ตติงเอเจนซี (Muketing Agency) ดีอินเทลลิเจ็นซ์ (D Intelligence) ที่เป็นบริษัทรับดูแลด้านมาร์เก็ตติง IT หลังบ้านให้กับลูกค้า และออกแบบหลักสูตรการศึกษาให้กับมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

จากมุมมองคนนอกคุณเป็นหญิงแกร่งที่บริหารงานหลายอย่าง ต้องจัดการตนเองอย่างไรให้สติไม่กระเจิงเสียก่อน 

ต้องบอกว่า เราไม่ใช่คนเก่งหรือเพอร์เฟกต์ แต่ที่เราไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับการทำงาน เพราะเราทำมันด้วย ‘แพสชัน’ อย่างเรื่องกีฬาเราก็รู้ตัวว่า ชอบมาตั้งแต่ 10 ขวบ ตรงนั้นมีส่วนซึมซับให้เราเป็นคนคุ้นชินกับการแข่งขัน ไม่ชอบยอมแพ้ 

แพสชันและการแข่งขัน ถือเป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนโลกใบนี้ โดยเฉพาะเรื่องของธุรกิจ ขณะเดียวกัน ‘โอกาส’ ก็เป็นส่วนสำคัญ อย่างธุรกิจที่เราทำอยู่มีพาร์ตเนอร์ มีสปอนเซอร์เข้ามา ก็เพราะเข้ารู้ว่า เราเป็นใคร ทำอะไรมาก่อน เขาจึงให้โอกาส และเมื่อได้โอกาสก็ต้องทำให้เต็มที่ที่สุด

แล้วเหตุการณ์ใดที่ทำให้คุณหันมาสนใจศาสตร์แห่งมูเตลู และลงมือทำธุรกิจประเภทมูเก็ตติง

ต้องย้อนความกลับไปสมัยเราเรียนคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นอกจากเรื่องความชอบกีฬาที่เล่าไว้ก่อนหน้า เรายังสนใจในเรื่องศาสตร์การดูดวง ศึกษาพวกตำราดูดวงผ่านตัวเลข ผ่านไพ่ อ่านประวัตินอสตราดามุส (Nostradamus) ช่วงพักกลางวัน เราก็เลยตั้งโต๊ะรับดูดวงให้เพื่อนที่ห้องสมุดคณะ คิววันละ 1-2 คน เงินค่าดูก็แล้วแต่จะให้กี่บาทก็ได้ โดยที่ไม่สนใจเรื่องเงินเพราะเรามีเจตนาอยากช่วยผู้อื่น และเงินที่ได้เราจะเอาไปทำบุญโลงศพที่วัดหัวลำโพง แต่พอนานวันคนมาต่อคิวชักจะเยอะ ก็ไม่ไหวเลยเลิกดู พอเรียนจบก็มุ่งมั่นกับการทำงานพิธีกร ทำงานโฆษณา จนลืมวิธีดูดวงไปปริยาย  

แต่จุดเปลี่ยนที่ทำให้เราสนใจเรื่องมูเก็ตติงจริงจัง คือช่วงปี 2555 เผอิญมีเพื่อนทำอาชีพดารามาบอกกับเราว่า ซังสนใจไปดูเบอร์มงคลกับหมอแมน (การิน วราภัสร์) ไหมเขาแม่นนะ เราก็สงสัยดูดวงด้วยเบอร์โทรเนี่ยนะ จะแม่นอย่างไรวะ (หัวเราะ)

 พอไปถึงหมอแมนเขาก็ฉีกกระดาษให้เราเขียนเบอร์ตนเอง แล้วเขาก็ทำนายดวงชะตาให้ ปรากฏตรงกับสิ่งที่เราเผชิญในชีวิต ไม่ได้ตรงเหมือนตอนเราดูดวงในโซเชียลฯ จุดนั้นกลายเป็นความรู้สึกถูกชะตา จนรู้สึกว่า ความรู้นี้เราสามารถไปต่อยอดทำอะไรที่มีประโยชน์ได้ หลังจากนั้นก็เลยบอกหมอแม่นว่า ถ้าพี่อยากจะเปิดตัวในฐานะนักพยากรณ์ เราสามารถช่วยประชาสัมพันธ์ให้ได้นะ พอหมอแมนได้ฟังเขาก็ตอบตกลงทันที เพราะเขาก็กำลังตามหาคนมาช่วยด้านนี้อยู่ ภายหลังก็เลยกำเนิดเป็นบริษัทโฮโรโซไซตี้ 

ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นจุดเชื่อมโยงว่า โฮโรโซไซตี้เกิดขึ้นได้ก็เพราะความชอบเรื่องดวงของเรา รวมไปถึงแพสชันที่อยากเป็นที่พึ่งทางใจให้แก่ผู้คน ซึ่งหมอแมนก็มีแพสชันแบบเดียวกัน

ช่วงตั้งไข่บริษัทคุณวางโครงสร้างของโฮโรโซไซตี้ไว้แบบไหน

Day 1 ของโฮโรโซไซตี้มีคนในบริษัททั้งหมด 2 คน คือเรากับหมอแมน ในตำแหน่ง Co-Founder 

หมอแมนจะมีหน้าที่เบื้องหน้า เช่น การพยากรณ์ส่วนตัว ถ่ายรายการ หรือออกอีเวนต์ ส่วนเราจะมีหน้าที่ซัพพอร์ตในเรื่องของการดีลพาร์ตเนอร์ การประชาสัมพันธ์ ก่อนจะค่อยๆ มีทีมงาน 4-5 ราย เข้ามาช่วยในส่วนของมาเก็ตติงหลังบ้าน แต่แน่นอนพอศาสตร์การทำนายที่มีอยู่ในมือมีอยู่ศาสตร์เดียวก็ถึงจุดที่การทำงานมันตัน เพราะหมอแมนเขาไม่ได้ชำนาญศาสตร์การดูฮวงจุ้ย ตั้งศาล ไพ่ยิปซี เขายืนยันหนักแน่นว่า เขาเป็น ‘นักพยากรณ์’  ที่ชำนาญการพยากรณ์ผ่านตัวเลข

สุดท้ายเราเลยตัดสินใจว่าเราจะเพิ่มการบริการมูเก็ตติงที่มีดีมากกว่าแค่การพยากรณ์ของหมอแมน คือ

1.Artist Management เรามีหน้าที่ปั้น ติดต่อหางานและบริหารนักพยากรณ์ดวงชะตา ซึ่งในสังกัดมีอยู่ 7-8 ราย และที่เป็นพันธมิตรอีก 50 ราย เปรียบก็เหมือนค่ายแกรมมี อาร์เอส ที่มีศิลปินแนวร็อก ฮิปฮอป ป็อป ฯลฯ ขณะที่เราจะมีนักพยากรณ์หลากรูปแบบ เช่น ดูไพ่ ฮวงจุ้ย โหราศาสตร์ เข็มทิศ ญาณสัมผัส ฯลฯ

หมอฝ้าย รัสรินทร์ (หมอฝ้าย The Magic queen) คือตัวอย่างนักพยากรณ์ที่อยู่ในสังกัดของเรา หมอฝ้ายถือว่า มีผู้ติดตามมาก่อนหน้าแล้วอยู่พอสมควร เพราะเขาดังมาจากการเป็นนางแบบ เราเห็นความสามารถก็จับเธอมาปั้นต่อ จนปัจจุบันกลายเป็นนักพยากรณ์ประจำตัวดาราดัง อาทิ แพท-ณปภา ตันตระกูล, แอร์-ภัณฑิลา ฟูกลิ่น, อุ้ม-ลักขณา อมิตรสูญ และมีรายการประจำอยู่ที่ช่อง Amarin TV ซึ่งจุดนี้การันตีคุณภาพหมอฝ้ายได้ดี

2.Muketing Agency คือการสร้างมูลค่าและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า การบริการ และแคมเปญต่างๆ ของแบรนด์โดยตรง หรือผ่านเอเจนซีที่ดูแลแบรนด์นั้น เช่น ที่เราทำแคมเปญเบอร์มงคลเสริมชีวิต ร่วมกับบริษัท AIS มายาวนานถึงปีที่ 8 นอกจากนั้นยังมีองค์กรที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ธนาคาร ประกัน และยานยนต์ เพราะความเชื่อเรื่องดวง เรื่องมงคล แฝงอยู่ในไลฟ์สไตล์ของคนเอเชีย ไม่ใช่แค่ในคนไทย

3.Content Creator With Tech (Applied to Serve Different Requirements) เมื่อพาร์ตเนอร์รู้ว่า แบรนด์ตนเองมีมุมที่สามารถผสมผสานกับคอนเทนต์มูเก็ตติงได้ ต่อมาเราจะใช้วิธีสร้างแคมเปญ ที่สามารถดึงให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมาตอบคำถาม โดยมีทีม IT ดูแลระบบ Data collection และ Data insights คอยจัดเก็บคำตอบลงใน Cloud Service ที่เชื่อมกับระบบเว็บไซต์หลังบ้านของเราและที่เป็นเว็บไซต์ของพาร์ตเนอร์ ก่อนจะนำข้อมูลที่ได้ไปประมวลผลลัพธ์ เช่น ตรวจดวงชะตา แนะนำเบอร์มงคลเสริมชีวิต หรือคุณเหมาะกับโปรดักต์ประเภทไหน  

โดยข้อมูลใน Cloud Service ยังสามารถวิเคราะห์ให้พาร์ตเนอร์ได้รู้ว่า คนที่เข้ามาเล่นกิจกรรมเป็นฐานลูกค้าของเขาจริงๆ ไหม หรือเป็นแค่คนที่เข้ามาเล่นเอาของรางวัลเฉยๆ เพื่อที่เขาจะสามารถวางแผนการตลาด รวมถึงวางแผนกิจกรรมในครั้งถัดไป 

นอกจากนี้ เรายังทำหน้าที่เป็นเสมือนเป็น E-Commerce ที่นักพยากรณ์หรือแบรนด์พันธมิตร สามารถมาสมัครสมาชิกเพื่อนำสินค้ามาฝากขายผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลฯ

เท่าที่ฟังดูเหมือนว่า ระบบ Data Analytics จะมีประโยชน์แค่กับตัวองค์กร ไม่ใช่ในระดับปัจเจกบุคคล 

ธรรมชาติของการดูโหราศาสตร์ ดูตัวเลข ดูไพ่ ล้วนเกี่ยวโยงกับตัวเลขสถิติ ฉะนั้นนักพยากรณ์จะเก็บข้อมูลตัวเลขเหล่านั้นผ่านประสบการณ์อัตโนมัติ หมายความว่า ต่อให้ไม่มี Data ข้อมูลของผู้ใช้บริการ ประสบการณ์ดังกล่าว ก็มีส่วนช่วยเพิ่มเปอร์เซ็นต์ความถูกต้องในการพยากรณ์อยู่ดี อีกทั้งข้อมูลใน Data เป็นเรื่องส่วนบุคคลที่เราไม่สามารถนำมาเปิดเผยโดยพลการ นำไปใช้ประโยชน์ได้มากสุดคือ การวิเคราะห์สถิติคนที่เข้ามาใช้งานว่า เป็นเพศอะไร อายุวัยเท่าไร ทำงานอะไร ประมาณนี้เสียมากกว่า 

ก่อนหน้านี้คุณบอกว่า หมอแมนนิยามเป็นตนเองเป็น ‘นักพยากรณ์’ ไม่ใช่ ‘หมอดู’ อะไรคือเหตุผล

เราเชื่อว่า หมอดูใครก็เป็นได้ จะทำนายใต้ต้นมะขาม ตามสวนสาธารณะ ตรงไหนก็ได้ กลับกันนักพยากรณ์ต้องมีเบสิก ผ่านการศึกษาศาสตร์กับอาจารย์ และที่สำคัญต้องมีบุคลิกน่าเชื่อถือ มีความชัดเจนในวิชาชีพ

คุณจะเห็นเลยว่า แอปพลิเคชัน TikTok ทำให้เกิดหมอดูจำนวนมหาศาล ซึ่งบางรายไม่ใช่หมอดูจริงๆ แต่ไปดูดเอาคำทำนายของหมอช้าง (ทศพร ศรีตุลา) หรือหมอลักษณ์ (ลักษณ์ ราชสีห์) มาตัดเป็นคลิปตนเอง โดยที่เขาก็ไม่ได้มีคาแรกเตอร์น่าสนใจ

ส่วนตัวหมอแมน ที่เขาไม่เรียกตัวเองว่าหมอดู เพราะหมอแมนเขาไม่ได้ใช้วิธีดูดวง แต่เขาใช้วิธีพยากรณ์ชีวิตคนอื่นผ่านตัวเลขเบอร์โทรศัพท์ ที่ผลลัพธ์เป็นการคาดคะเนอนาคต ไม่ใช่การล่วงรู้อนาคตละเอียดร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นจะเห็นว่า มูเตลูมีสับเซตที่แตกออกไปหลายแขนง

การทำธุรกิจจำเป็นต้องมีการนำเสนอสินค้าและบริการ ที่ตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้าได้ แต่กับเรื่องดวงชะตาผู้คนมักจะคิดว่า เป็นการเสียเงินซื้อที่มีผลลัพธ์ไม่แน่นอน บางคนซื้อแล้วชีวิตดีขึ้น แต่บางคนซื้อแล้วก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ฉะนั้น คุณมีวิธีทำให้ลูกค้าสนใจโปรดักต์หรือเข้าใจสัจธรรมข้อนี้อย่างไร

ปัจจุบัน อุปนิสัยผู้บริโภคคนส่วนใหญ่ก็เลือกซื้อสินค้าและบริการ เพราะความรู้สึกดี รู้สึกสบายใจ มูเก็ตติงก็เช่นเดียวกัน ผู้บริโภคซื้อสินค้าและบริการก็เพราะตอบโจทย์และให้แนวทางการดำเนินชีวิต ซึ่งเราต้องตีโจทย์ จับความได้ว่า ลูกค้าต้องการอะไรและเขากำลังกังวลอะไร เช่น การตั้งศาลเพื่อความสบายใจเวลาขึ้นบ้านใหม่

ที่สำคัญคือต้องตอบโจทย์ความต้องการได้ทั้งแบบ B2B (Business to Business) และ B2C (Business to Customer) รวมถึงมีความแม่นยำ เพื่อที่จะเกิดการบอกข้อดีกันปากต่อปากในหมู่ลูกค้า โดยโฮโรโซไซตี้แบ่งหลักการดังกล่าวเป็น 5 ด้าน ได้แก่

1.Muketing เป็นการจับเทรนด์กระแสสังคม มาทำคอนเทนต์สายมูผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลฯ เพื่อสร้าง Engagements ที่สามารถกระตุ้นให้คนดูรู้สึกอยากใช้บริการ หรือซื้อสินค้าจากเรา

2.MuTech เช่น การแนะนำเบอร์มงคลผ่านเว็บไซต์ หรือบริการฝากดูดวงที่เราทำร่วมกับทาง Line Thailand ที่ล้วนเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทุกวัย และเป็นการลบคำสบประมาทที่ว่า ‘มูเตลู’ เป็นสิ่งที่ล้าสมัย

3.MuChandise เป็นสินค้าที่สามารถซื้อ จับต้องได้ หรือพกติดตัวเสริมสิริมงคล ทั้งวอลเปเปอร์มงคล ที่ได้รับกระแสตอบรับดีตั้งแต่ปลายปี 2564 ต่างหูตัวเลขที่ออกแบบโดยหมอแมน ผ้าพันคอปีนักษัตรที่เราทำกับแบรนด์พาร์ตเนอร์ Horoscarf ฯลฯ

4.MuAcademy ช่วงโควิด-19 ระบาดหนัก เราตระหนักว่า มีคนจำนวนมากต้องการหาอาชีพเสริมเพื่อทดแทนรายได้ที่ขาดหายไป ซึ่งอาชีพหมอดูก็เป็นอาชีพที่มีคนสนใจเป็นอันดับต้นๆ รวมไปถึงคนที่ต้องการเรียนรู้ศาสตร์การทำนายดวงเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน ทำให้โฮโรโซไซตี้เปิดการเปิดคอร์สเรียน ที่มีนักพยากรณ์ระดับอาจารย์ทำหน้าที่สอนในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ 

5.MuTraveling เป็นโปรเจกต์ล่าสุด ที่เราอยากผลักดันการท่องเที่ยวสายมู ดังที่เราเห็นนักท่องเที่ยวแห่ไปกราบไหว้ถ้ำนาคี-ถ้ำนาคา หรือไอ้ไข่ การทำเช่นนี้ จะช่วยกระจายรายได้สู่ชาวบ้านท้องถิ่นทั่วประเทศ สร้างแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ถึงขั้นทำเป็นแผนที่ลายแทง คล้ายกรณีที่เราไปตามหาสถานที่สายมูในฮ่องกง ไต้หวัน และมาเก๊า 

อย่างไรก็ดี วอลเปเปอร์มงคลยังคงได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ซึ่งเป็นโปรดักต์ที่มีหลักการเดียวกับการเทรด NFT

หลักการซื้อ-ขาย NFT และวอลเปเปอร์มงคล เป็นไปในลักษณะคล้ายกัน คือถูกผลิตออกมาจำนวนลิมิเต็ด แต่ก็มีความต่างตรงที่ NFT สามารถเทรดขายกันได้ตามการประเมินราคา ขณะที่วอลเปเปอร์มงคลระดับราคาแพง จะถูกออกแบบฟังก์ชันเพื่อผูกดวงและเสริมดวงชะตาแก่บุคคลนั้นโดยเฉพาะ ทำให้การนำไปขายมือสองจะยิ่งยาก เพราะวอลเปเปอร์ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้เข้ากับคุณ

ส่วนวอลเปเปอร์ที่เราเห็นใช้กันทั่วไป เพื่อนมีก็ส่งต่อให้กัน จะเป็นในลักษณะของการเสริมโชคด้านต่างๆ แต่ไม่ได้จำเพาะเจาะจง เหมือนการซื้อต่อพระเครื่อง ที่ใครครอบครองก็ได้พุทธคุณเดียวกัน

การจะออกแบบวอลเปเปอร์ชิ้นหนึ่งไม่ใช่ว่ากราฟิกจะดีไซน์อย่างไรก็ได้ นักพยากรณ์จะต้องช่วยจัดวางองค์ประกอบ ทั้งสีพื้นหลัง ปีนักษัตร เติมยันต์ เติมเทพ เพื่อความเหมาะสมและมงคลต่อผู้ใช้

มีวิธีบริหารคนในองค์กรอย่างไร โดยเฉพาะนักพยากรณ์ในสังกัดที่แทบไม่ต่างจากเซเลบ

เรามีพนักงานที่ทำงานเบื้องหลักหน่วย แต่นักพยากรณ์ในสังกัดมีมากกว่า 50 คน ดังนั้น วิธีการจัดการง่ายๆ คือ อยู่บนพื้นฐานของการให้เกียรติกัน มีแพสชันเดียวกัน ตามที่เกริ่นไว้ตอนต้นว่า โฮโรโซไซตี้เริ่มจาก Core Value เป็นการช่วยคน ช่วยในทีนี้รวมถึงคนในบริษัทเช่นกัน

 ขณะที่นักพยากรณ์เราไม่ได้มองเขาเป็นแค่ลูกจ้างหรือคนในสังกัด เพราะเราดูแลเขาเหมือนเป็นพี่ เป็นน้อง เป็นครอบครัว ยินดีช่วยเหลือ ผลักดันกันและกันเสมอ 

และข้อดีของการที่นักพยากรณ์มีติ่ง (ผู้ติดตาม) ไม่ต่างจากดาราไอดอล ทำให้เรากล้าที่จะสนับสนุนเขาเต็มที่ ดีกว่าลงทุนกับสินค้าใดสินค้าหนึ่ง เวลาเราเห็นติ่งของนักพยากรณ์เขาสลับฐานแฟนกัน เหมือนเราได้เห็นไอดอลเกาหลีแลกบ้านแฟนคลับกัน ซึ่งมันอิมแพ็กมาก (ยิ้ม) 

ในฐานะผู้บริหารเท่ากับว่า คุณจำเป็นต้องเรียนรู้ศาสตร์การพยากรณ์อยู่ตลอดเวลา

แน่นอน โดยเฉพาะเมื่อเราทำงานเป็นบริษัท Muketing Agency ยิ่งจำเป็นต้องเข้าใจพื้นฐานของทุกศาสตร์การพยากรณ์ 

ข้อแรก ถ้าไม่เข้าใจเราจะคุยกับนักพยากรณ์ไม่รู้เรื่อง ทั้งการทำงานและการคัดเลือกเข้าสังกัด

ข้อสอง เราจะไม่สามารถคิดต่อยอดด้านการตลาดต่อได้ เหมือนการทำงานในองค์กร Media Agency ที่ลูกค้าอยากลงโฆษณา เขาโยนโจทย์มาให้คุณ 4 บรรทัด ก็ต้องมานั่งคิดแล้วว่า จะตีโจทย์อย่างไรให้ถูกใจลูกค้าและไม่ให้เสียตัวตนเรา ยิ่งการที่เราเป็นบริษัท Muketing Agency หนึ่งเดียวในประเทศไทยความคาดหวังก็ยิ่งสูงตาม

 

ถึงตรงนี้สามารถพิสูจน์ได้แล้วจริงๆ ว่า มูเตลูเป็นหนึ่งในสิ่งที่ขับเคลื่อนสังคมไทย?

คำที่ผู้คนค้นหาที่มากที่สุดเป็นอันดับแรกในปี 2565 บนเว็บไซต์ Google คือวันนี้ใส่เสื้อสีอะไรดี สะท้อนให้เห็นว่า คนไทยจะเชื่อไม่เชื่อขอดูไว้ก่อน ขณะเดียวกันคนที่เชื่อ เขาจะเชื่อถึงขั้นเดินมาหาคนคนหนึ่งเพื่อให้เขาไกด์การดำเนินชีวิตหรือเปล่า เพราะคำทำนายของนักพยากรณ์จะได้ผล ก็ต่อเมื่อคนที่เขาแนะนำเปิดใจยอมรับ

แน่นอนว่า ต้องมีกรณีที่ลูกค้าใช้บริการแล้วฟีดแบ็กกลับมาทั้งในด้านดีและด้านลบ แล้วคุณจัดการอย่างไร

ถ้าในแง่ดีส่วนใหญ่เราจะได้รับฟีดแบ็กจากลูกตามสื่อโซเชียลฯ อย่างที่เราเห็นกรณีนักพยากรณ์คนไหนดูแม่น ก็จะมีคนแห่ไปคอมเมนต์ว่า คนนี้ทำนายแม่นมากเลนะ แล้วบอกต่อชักชวนเพื่อนตามมา

สำหรับฟีดแบ็กที่เป็นลบเราไม่ได้ชี้ชัดนะว่า นักพยากรณ์เราไม่แม่น แต่เราจะแบ่งออกเป็น 2 กรณีคือ

1.พวกที่มาดูเพราะแค่อยากลองของ ไม่ใช่เขาไม่มีความศรัทธาเลยนะ แต่เขาแค่มีเวลา มีกำลังทรัพย์ ก็เลยลองมาทำนายดูเพื่อหวังให้ได้คำตอบคามคาดหวัง กับอีกแบบคือ เป็นหมอดู เป็นคนมีเซนส์เหมือนกันแต่อยากมาลองวิชา

2,เป็นคนที่ไม่มีศีลธรรม ไม่เคยทำบุญ ไม่เคยทำดีต่อคนรอบข้าง ไม่มีความกตัญญูต่อพ่อแม่ ไม่มีสิ่งดีๆ ในตัวก็ไม่มีทางที่ชีวิตจะดีขึ้น เหมือนคุณอยากทำธุรกิจแต่คุณไม่มีความรู้คุณก็ลงมือทำไม่ได้ นี่ไม่เกียวกับหลักสายมูเลยนะ แต่เป็นหลักการที่สังคมโลกเข้าใจกัน

99% ของนักพยากรณ์จะบอกตรงกันว่า ชีวิตจะดีขึ้นหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับการปรับปรุงพัฒนาตนเอง การหมั่นทำความดีจึงเป็นจุดเริ่มต้น ที่เราสามารถเสริมดวงตัวเองได้

ในขณะที่เรื่องมูเตลูและความเชื่อลี้ลับได้รับความนิยม กลับมีคนอีกกลุ่มที่ยืนยันว่า เป็นเรื่องงมงายไร้สาระ เพราะทุกสิ่งอย่างสามารถพิสูจน์ได้ด้วยหลักทางวิทยาศาสตร์ เช่นนั้น คุณจะมีวิธีเปลี่ยนใจคนกลุ่มนี้ด้วยวิธีใด

เรามีคนรอบข้างที่ไม่เชื่อเรื่องมูเตลูใกล้ตัวอยู่หลายคน เช่น น้องสามี หลักๆ จะแบ่งเป็นคนที่ไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ลบหลู่ กับอีกประเภทคือไม่เชื่อแต่ก็ทำตามเพื่อความสบายใจของครอบครัว

ถ้าถามว่า จะมีวิธีเปลี่ยนใจคนกลุ่มนี้ด้วยวิธีใด จากที่เราลงมือสร้างโฮโรโซไซตี้ ทำให้เราสามารถชักชวนเขาได้หลายทาง เพราะเรามีสิ่งที่จับต้องได้ เรามีคอนเทนต์ มีแนวทางที่สามารถยกเหตุผลมาอธิบายได้ 

ยกตัวอย่าง ลูกน้องที่อยู่อีกบริษัทในเครือ เขาไม่ทำบุญ ไม่เข้าวัด ไม่เชื่อเรื่องดวง เราก็แนะนำเขาเป็นนัยว่า ถ้าคุณต้องไปพรีเซนต์งานลูกค้าก็ลองเลือกเวลาที่ดูแล้วเป็นบวกกับเราเหน่อย จะได้ไม่ได้อย่างน้อยก็เพื่อเพิ่มโอกาสขายงานสำเร็จ เขาก็โอเคทำตามก็ได้ 

สรุปง่ายๆ คืออะไรที่ไม่ยุ่งยาก ทำให้เขาเสียทรัพย์ ไม่สูญเสียตัวตน มีสิทธิทำให้เขาสนใจด้านนี้ง่ายขึ้น 

อีกประเด็นหนึ่งคือ เรื่องของสายมูสอดแทรกอยู่แทบจะในทุกสื่อ คนเลยมองเรื่องนี้เป็นความบันเทิง อย่างสีเสื้อมงคลคุณอาจจะไม่เชื่อเรื่องใส่แล้วเสริมดวง แต่อีกมุมหนึ่งคุณใส่เสื้อสีนี้แล้วเหมาะกับคุณนะ พอโดนไซโคบ่อยๆ นานวันเข้าก็ขอลองบ้างสักหน่อย มีคนจำพวกนี้เยอะที่เปลี่ยนใจภายหลัง 

จริงๆ เรื่องสายมูแทบจะถูกนับเป็น Subculture ของไทยไปแล้ว เพราะเป็นสิ่งที่แฝงอยู่ในทุกสังคม ทุกอิริยาบถ

ตลอด 11 ปี ที่คุณทุ่มเทให้กับวงการสายมู คุณได้อะไรกลับมาบ้าง

แน่นอนว่า เราได้เติมเต็มแพสชันที่อยากจะช่วยคน โดยร่วมกับคนอื่นๆ ในนามโฮโรโซไซตี้ ที่มีขนาดองค์กรใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ นั่นคือสิ่งสำคัญที่เรามุ่งหวังตั้งแต่วันแรก และทำให้เรารู้สึกว่า เราใช้ชีวิตทุกวันแบบไม่เปล่าประโยชน์

และจากการที่วันนั้นเราเลือกไปดูดวงชะตากับหมอแมน ทำให้เราพบกับผู้ชายคนหนึ่งที่ภายหลังกลายมาเป็นสามี

Fact Box

  • นักพยากรณ์ชื่อดังที่เป็นพันธมิตรและอยู่ในสังกัดของ Horosociety ต่างมีเทคนิคทำนายดวงชะตาต่างกัน อาทิ หมอฝ้าย The Magic Queen (พยากรณ์ด้วยวิชาไพ่ทาโรต์และไพ่ยิปซี) อาจารย์บาส 7th Sense (พยากรณ์ด้วยวิชาสื่อญาณมิติที่ 4 และไพ่ทาโรต์) หมอแม็ค ขั้นเทพ (พยากรณ์ด้วยศาสตร์แห่งตัวเลข โหราศาสตร์ และฮวงจุ้ย) แก้วตา เม้าท์ดวง (พยากรณ์ด้วยวิชาโหราศาสตร์) ฯลฯ
  • นิยามศัพท์ ‘มูเตลู’ ที่สื่อถึงเรื่องเกี่ยวกับโชคลาง ความเชื่อ ดวงชะตา ของขลัง มีที่มาจากภาพยนตร์แนวสยองขวัญ ประเทศอินโดนีเซีย ในปี 2522 ที่มีชื่อเรื่องว่า ‘Penangkal Ilmu Teluh’ หรือในชื่อภาษาไทย ‘มูเตลู ศึกไสยศาสตร์’ โดยเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับหญิงสาว 2 ราย ที่ต่างแอบชอบชายคนเดียวกัน พวกเธอจึงใช้วิชาไสยศาสตร์มนตร์ดำร่ายใส่ชายหนุ่มคนดังกล่าว โดยมนตร์ที่ท่องอ่านออกเสียงว่า “มูเตลู มูเตลู”
  • ในปี 2564 มีผลสำรวจจากวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล สาขาการตลาด ที่ระบุว่า มีคนไทยมากกว่า 52 ล้านคน คิดเป็นจำนวน 74% จากจำนวนประชากรในประเทศทั้งหมด ให้ความสนใจในเรื่องโชคลาง ส่งผลให้การตลาดสายมูเก็ตติงเติบโตอย่างรวดเร็วตามไปด้วย

 

Tags: , , , , , ,