สัตว์ประหลาด, คาเมนไรเดอร์, เอเลี่ยน, ยอดมนุษย์, ขบวนการห้าสี ฯลฯ หากย้อนกลับไปตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา แนวความชอบดังกล่าวล้วนเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นเด็กผู้ชาย ด้วยลักษณะคาแรกเตอร์ท่าทางแข็งแกร่ง ดุดัน น่าเกรงขาม ขณะเดียวกันเพศตรงข้ามอย่างเด็กผู้หญิง และ ‘LGBTQ’ มักถูกยัดเยียดให้ชื่นชอบตุ๊กตา การ์ตูนตาหวาน หรืออะไรก็ตามที่สื่อถึงความอ่อนช้อย 

เช่นเดียวกับการประกอบอาชีพ อุดมคติของคนส่วนมาก ณ ช่วงเวลานั้น มักแบ่งแยกชัดเจนว่าเพศไหนต้องประกอบอาชีพอะไร เช่น ชาย ต้องเป็นทหาร ตำรวจ วิศวะ และหญิง ต้องเป็น ครู แพทย์พยาบาล จึงจะเหมาะสมคู่ควร ขณะที่กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) กลับถูกจัดอยู่ในหมวดอาชีพประเภท นางโชว์ นักเต้นคาบาเรต์ ช่างแต่งหน้า หรือช่างทำผมไปเสียหมด ซ้ำร้ายพวกเขายังถูกสังคมบางส่วนตีตราว่าเป็นพวกที่ ‘ผิดแปลก’ จากคนอื่นๆ 

ทว่านั่นเป็นเพียงกำแพงความเชื่อโบราณคร่ำครึ ที่กำลังถูกกลุ่มคนรุ่นใหม่กระเทาะให้พังทลายไปกับกาลเวลา

‘ต้า’ – อรรถพล คชวิตี้ เจ้าของสตูดิโอรับออกแบบและลงสีโมเดลสัตว์ประหลาด (ไคจู) ที่มีชื่อว่า ‘Carla : Custom & Repaint’ คือหนึ่งในกลุ่ม LGBTQ+ ที่กำลังแสดงให้เห็นว่าความเชื่อเหล่านั้น มิใช่สิ่งที่ถูกเสมอไป เมื่อเธอสามารถนำรสนิยมความชอบเกี่ยวกับสัตว์ประหลาด สัตว์ยักษ์ และคาแรกเตอร์ตัวละครเหนือมนุษย์ทั้งหลายในวัยเด็ก มาต่อยอดสร้างเป็นอาชีพ เป็นรายได้ แถมยังส่งออกไปยังต่างประเทศ จนสามารถเลี้ยงดูปากท้องครอบครัวและพนักงานอีกหลายสิบชีวิต ทั้งยังเป็นที่คร่ำหวอดในวงการดังกล่าวสมดั่งฉายาว่า Queen of Monster

The Momentum เดินทางไปยังสตูดิโอ Carla : Custom & Repaint เพื่อพูดคุยกับอรรถพล ว่าเพราะเหตุใดเธอจึงนำความชอบเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดมาทำเป็นอาชีพ เคล็ดลับของการเป็นนักออกแบบและลงสีโมเดลคืออะไร ไปจนถึงความภูมิใจต่อเพศสภาพ และการพิสูจน์ให้สังคมเห็นว่า LGBTQ+ ไม่ได้ถูกจำกัดให้อยู่ในกรอบของอาชีพใดอาชีพหนึ่ง

ภาพจำแรกของคุณกับหนังสัตว์ประหลาดเป็นอย่างไร 

ต้องขอย้อนความกลับไปสมัยเด็กๆ ที่จำความได้ คือ ครอบครัวเรารักการดูหนังมาก โดยเฉพาะพวกหนังสัตว์ประหลาด พี่สาวเราเขาก็จะเปิดหนังเรื่องก็อตซิลล่า (Godzilla), จูราสสิค พาร์ค (Jurassic Park), เอเลียน (Alien), พรีเดเตอร์ (Predator) หรือแม้แต่หนังสยองขวัญอย่างชักกี้ (Child’s Play) วนไปวนมาให้เราดู ทั้งที่ตอนนั้นเราสี่ขวบเองนะ (หัวเราะ)

เลยกลายเป็นว่าเราเห็นภาพลักษณ์ของพวกสัตว์ประหลาดและไดโนเสาร์เหล่านี้มีเสน่ห์ มีความเท่ ต่อมาคุณพ่อต้ามีโอกาสได้ไปสวนสนุกยูนิเวอร์แซลที่ประเทศญี่ปุ่น ท่านก็ซื้อเทปวิดีโอเรื่องอุลตร้าแมน กับเรื่องก็อตซิลล่าปะทะสัตว์ประหลาด 3 หัว (Godzilla vs Three Headed Monster) กลับมาฝาก เราก็เอามาเปิดวนดูทุกวันถึงจะเป็นพากย์ภาษาญี่ปุ่นฟังไม่รู้เรื่อง ดูบ่อยจนแม่ต้องแอบเอาเทปไปซ่อน แต่พอโตขึ้นเราก็เริ่มห่างหายกับมันไปสักพัก 

เราแทบไม่สนใจตัวบทของคนเลยนะ เราสนใจดูแค่ตัวสัตว์ประหลาด อยากรู้ว่ามันมีดีเทล มีคาแรกเตอร์เป็นอย่างไร อย่างจูราสสิค เวิลด์ ภาคใหม่ (Jurassic World Dominion) ที่ใครว่าห่วย เรากลับมองว่าสนุก เพราะเราไม่ได้โฟกัสกับบทของคน

วัยเด็กของคุณกับการเก็บสะสมโมเดลล่ะเป็นอย่างไร

คุณแม่ไม่ค่อยให้ซื้อเก็บเท่าไหร่ (หัวเราะ) มีซื้อบ้างค่ะ แต่ซื้อมาถ้าไม่หายก็พังหมดเพราะเราไม่ค่อยรักษาของ ส่วนใหญ่ที่สะสมก็เป็นพวกโมเดลหุ่นยนต์กับโมเดลสัตว์ประหลาดตามประสาเด็ก

เหตุผลที่ทำให้คุณตัดสินใจหันมาทำอาชีพออกแบบและเพ้นท์สีโมเดลสัตว์ประหลาด

เป็นช่วงปี 2014 ที่ค่ายเลเจนดารี (Legendary Entertainment) เอาคาแรกเตอร์ก็อตซิลล่ากลับมารีเมกทำเป็นภาพยนตร์อีกครั้ง เผอิญตอนนั้นตรงกับช่วงเราฝึกงาน ตกเย็นก็ชวนเพื่อนขี่มอเตอร์ไซต์ไปดูเรื่องนี้กัน ดูเสร็จเราประทับใจ กรี๊ดมาก กลับมาบ้านเลยตัดสินใจค้นหากลุ่มคนที่ชื่นชอบเก็บของเล่นเกี่ยวกับแฟรนไชส์ก็อตซิลล่า แล้วก็ไปเจอกับกลุ่ม Godzilla Project พอได้มาเจอกับกลุ่นคนที่ชื่นชอบเหมือนเราก็ตื่นเต้น 

และด้วยความที่เราเรียนเกี่ยวกับสายศิลป์มาโดยตรง ขณะที่พี่ๆ ที่บ้านเขาก็เปิดบริษัทเกี่ยวกับออร์กาไนเซอร์ออกแบบฉากอีเวนท์ ตอนปิดเทอมเราก็จะไปคลุกคลีให้เขาสอนเทคนิคพวกเรื่องงานลงสีกับงานปั้นก็เลยทำให้เรามีทักษะด้านนี้พอสมควร เราก็เลยไปหาซื้อโมเดลก็อตซิลล่าถูกๆ ตามตลาดนัดมาลองเพ้นท์ดู ตอนแรกก็กะทำเล่นๆ เพราะเรารู้สึกว่างานตลาดนัดพวกนี้มันไม่สวยเท่าไหร่ ทำไปทำมาพวกพี่เขาก็เชียร์ให้เรารับจ้างทำเป็นอาชีพ เราก็ลังเลอยู่สักพักนะ แต่พอรับมางานแรกก็ต่อเนื่องยาวจนปีนี้ก้าวเข้าสู่ปีที่เจ็ด

แสดงว่าช่วงมหาวิทยาลัยคุณศึกษาเกี่ยวกับเทคนิคออกแบบลงสีมาโดยตรง

เราเรียนจบมาทางด้านงานเครื่องประดับอัญมณี สาขาเครื่องเงิน ตอนฝึกงานก็หัดปั้น หัดลงสี พวกต้นแบบเครื่องประดับอัญมณี เลยกลายเป็นว่าเราอยู่กับงานประเภทนี้มาตลอด แค่ตอนเราทำงานไม่ได้สนใจเลือกไปทางนั้น อาจจะเพราะโดนที่บ้านบังคับให้เรียนด้วย ตอนแรกเราเรียนเกี่ยวกับออกแบบนิเทศศิลป์แต่เกเรโดนรีไทร์ออกมา

ก็พยายามศึกษาเรียนรู้มาตลอด อย่างปีที่ผ่านมาก็เพิ่งจะหันมาใช้เทคนิคการปั้นโมเดลแบบสามมิติ (3D) ต่างจากตอนแรกที่เน้นปั้นดินอย่างเดียว

จำได้ไหมว่างานชิ้นแรกที่รับทำคืออะไร

เป็นโมเดลเต่ายักษ์กาเมร่า (Gamera) คนจ้างเป็นแบรนด์ขายอะไหล่ยนต์แบรนด์หนึ่ง เขาอยากให้เพ้นท์สีโมเดลใหม่เป็นสีส้มกับดำให้ตรงกับธีมแบรนด์ เป็นเดือนอยู่เหมือนกันกว่าเราจะกล้ารับงานนี้มาทำ

ช่วยแนะนำอุปกรณ์การทำงานของคุณหน่อย

หลักๆ มีทั้งหมด 2 อย่าง คือ  

1. แอร์บรัช (Air Brush) – ไว้สำหรับพ่นสีตัวโมเดลแบบกว้างๆ ให้มีความกลมกลืนไหลลื่นเวลาไล่เฉด 

2. พู่กัน – ไว้เก็บรายละเอียด หรือส่วนที่อยากเน้นลายเส้นซิกเนเจอร์ 

นอกนั้นก็จะเป็นสีประเภทต่างๆ อย่างสีน้ำ สีแอร์บรัช และทินเนอร์ จะใช้งานแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับตัวประเภทโมเดล

สำหรับคุณแล้วอะไรคือข้อหลักสำคัญอันดับหนึ่งของงานประเภทนี้ 

การศึกษาข้อมูล เพราะงานทั้งหมดทั้งมวลที่เราทำล้วนเกี่ยวข้องกับสี และเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของลูกค้าส่วนใหญ่ อยากให้เราทำสีโมเดลให้ออกมาเหมือนกับในหนัง ฉะนั้น เราก็ต้องไปรีเสิร์ชข้อมูลว่าตัวสัตว์ประหลาดที่เรากำลังจะเพ้นท์มีสีในหนังเป็นแบบไหน อย่างหัวโมเดลไดโนเสาร์ทีเร็กซ์ตรงหน้า ถ้าใครเคยดูเรื่องจูราสสิคพาร์คจะรู้ว่ามันมีอยู่หลายสิบสี ถ้าเป็นตัวดังๆ ที่ชื่อว่าเร็กซี่ ลายสีจะต้องออกโทนน้ำตาลแดง แต่ถ้าเป็นตัวผู้ชื่อว่าบัค ลายสีก็จะต้องเป็นโทนเขียว หรืออีกหนึ่งตัวช่วยก็จะเป็นพวกหนังสืออาร์ตเวิร์ก

สำหรับเรา การลงสีมันฝึกกันได้ แต่ถ้าคุณไม่รีเสิร์ช ไม่ศึกษาข้อมูลเลย คุณก็ไม่มีวันเก่งขึ้น

นานไหมกว่าจะมีสตูดิโอและทีมงานแบบที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน

เราเริ่มทำงานคนเดียวในห้องเล็กๆ จนมีลูกมือคนแรกตอนปี 2018 แล้วถึงจะเริ่มมีทีมงาน มีนักศึกษาฝึกงานมาช่วย ทั้งจากเพาะช่าง มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยศรีปทุม เรื่อยมา บางคนฝึกงานแล้วก็อยู่ทำงานต่อด้วยเลย รวมๆ แล้วตอนนี้ในทีมมีทั้งหมดสิบสี่คน 

เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของคนที่นี่รักการดูหนัง ชอบเก็บโมเดล บรรยากาศภายในออฟฟิศเลยสนุกตาม ทุกคนไม่ได้ตื่นเช้ามาทำงานเพราะต้องทำ แต่มาทำเพราะชอบ 

ดีใจค่ะ จากตอนแรกที่รับงานเฉพาะในประเทศ ก็ขยับขยายมีลูกค้าต่างประเทศทั้งอเมริกา ฮ่องกง ติดต่อมาให้ช่วยลงสีโมเดลสัตว์ประหลาด รายได้ก็อยู่ประมาณหลักหมื่นถึงหลักแสน แต่พอช่วงเศรษฐกิจซบเซาก็เริ่มขยับมาทำงานประเภทอาร์ต ทอย (Art Toy) กับพุทธศิลป์ รวมถึงเป็นที่ปรึกษาให้แก่แบรนด์ของเล่นด้านการออกแบบสินค้า

งานโมเดลประเภทไหนที่ลงสีได้ยากที่สุด

ก่อนอื่นต้องบอกว่าเราตาบอดสี จะไม่เห็นสีเขียวกับสีน้ำตาลเหมือนคนปกติ ฉะนั้นงานลงสีที่ยากที่สุดจึงกลายเป็นงานลงสีผิวมนุษย์ เพราะมีรายละเอียดของเฉดสีมากกว่างานอื่นๆ เราเลยจำเป็นต้องเข้าคอร์สเรียนฝึกผสมสีผิวมนุษย์กับอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในวงการ เพื่อมาทำงานชิ้นนี้ (หยิบ) ที่เป็นงานรูปปั้นกวนอูโดยเฉพาะ ตอนนี้เราเลยเลือกที่จะไม่รับงานลงสีมนุษย์สักเท่าไหร่ 

งานกวนอูชิ้นนี้นับเป็นงานปั้นเชิงพุทธศิลป์ ไม่ถึงขั้นรูปปั้นพระพุทธรูป แต่ถ้าเจ้าของเขาเอาไปทำพิธีเบิกเนตรบูชาตามความเชื่อก็จะเป็นอีกระดับไปเลย

ส่วนงานอีกประเภทหนึ่งที่ยาก คือ งานซ่อมแซมโมเดลที่วัสดุทำจากเรซิ่น (Polyester Resin) เพราะต้องลงสี ประกอบข้อต่อตรงส่วนชำรุด ให้กลับมามีสภาพใกล้เคียงกับของเดิมมากที่สุด

มีคนเคยสงสัยไหมว่าทำไมคุณถึงมาทำงานประเภทนี้

เยอะมาก ส่วนใหญ่เขาจะคิดว่าถ้าเราเป็น LGBTQ+ แล้วต้องทำอาชีพเป็นช่างแต่งหน้า ช่างออกแบบเสื้อผ้า แต่เปล่าค่ะ เราเป็นช่างทำสีโมเดลสัตว์ประหลาด ซึ่งมันเป็นคำตอบที่แปลกใหม่นะสำหรับตัวคนถาม เพราะค่านิยมของคนส่วนใหญ่มักจะคิดว่ากะเทยต้องรักสวยรักงาม ไม่อยากทำงานที่เนื้อตัวมอมแมมสกปรก และความจริงยังมี LGBTQ+ อีกมากที่สนใจงานสายนี้ เพียงแต่เขาอาจไม่ได้อยากทำเป็นอาชีพจริงจัง

แล้วกับกลุ่มคนที่ชื่นชอบสัตว์ประหลาดเหมือนคุณล่ะ

กลุ่มเพื่อนที่คบกันอยู่อย่าง Kaiju Kingdom เขาไม่เคยมองเราแปลกแยกเลยนะ เขามองเราเป็นพี่น้อง หรือเป็นผู้หญิงคนหนึ่งด้วยซ้ำ ทั้งที่ส่วนใหญ่เขาเป็นผู้ชายกันหมด ซึ่งผู้ชายบางคนในสังคมก็ยังมีความคิดอคติเหยียดเพศอยู่ แต่เพื่อนกลุ่มนี้เลือกที่จะไม่คิดแบบนั้น 

อธิบายให้ครอบครัวเข้าใจได้อย่างไรถึงอาชีพที่ทำอยู่ รวมถึงยอมรับตัวตนของคุณที่เป็น LGBTQ+

เราเป็นลูกครอบครัวคนจีน พอพ่อแม่ท่านรู้ว่าลูกชายคนเดียวของที่บ้านเป็น LGBTQ+ ในใจท่านก็ผิดหวังแหละแต่ท่านเลือกที่จะไม่พูด ส่วนมากที่เจอคำพูดแย่ๆ จะมาจากคนข้างนอกมากกว่า ยกตัวอย่างตอนเราเรียนปวช. คุณพ่อพาเราไปออกงานสังคมของเพื่อนที่เป็นคนมียศ เขาก็จะถามพ่อเราตลอดว่าทำไมมึงเลี้ยงลูกให้เป็นกะเทย หรือเวลาไปงานรวมญาติก็จะเจอคำถามประเภททำไมลูกลื้อถึงแต่งหน้าแต่งตัวแบบนี้ล่ะ ซึ่งเรารู้สึกไม่โอเคเท่าไหร่ที่ต้องเจอคำถามแบบนี้อยู่ตลอด สุดท้ายเลยตัดปัญหาด้วยการเลิกออกงานสังคม 

ด้วยทัศนคติรอบข้างที่เจอเลยกลายเป็นแรงผลักดัน ว่าถ้าเราเป็นกะเทยจะต้องยิ่งตั้งใจเรียน ต้องไม่ทำให้ตัวเองโดนด่า จนพอเรียนจบมาทำงานด้านนี้ ได้ออกรายการทีวี มีคนมาสัมภาษณ์ เลี้ยงตัวเอง เลี้ยงครอบครัวได้ คำตำหนิคำดูถูกว่าทำไมเลี้ยงลูกให้เป็นกะเทยมันถูกหักล้าง อาจมีหลงเหลืออยู่บ้างแต่ครอบครัวเราภูมิใจกับความสำเร็จของเรามากกว่า 

ถือเป็นความโชคดีด้วยที่เราอยู่ในครอบครัวที่ไม่เคยตบตีบีบคอบังคับให้เราเลิกเป็น LGBTQ+ ถึงแม้ช่วงแรกที่เข้ารู้ว่าเราเป็นแบบนี้จะเสียใจมาก ถึงขั้นที่แม่หนีไปวัดนั่งวิปัสสนา เหตุผลไม่ใช่เพราะเขากลัวจะไม่มีผู้สืบสกุลนะ แต่เขากลัวเราจะถูกสังคมรังแก ถูกผู้ชายหลอก ซึ่งเราพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามันไม่ใช่อย่างที่เขาคิด ทุกวันนี้ครอบครัวเลยพร้อมสนับสนุนเราเป็นอย่างดีทั้งด้านตัวตนและอาชีพ

อยากจะบอกอะไรถึงคนที่ยังคิดว่า สัตว์ประหลาด, คาเมนไรเดอร์, ยอดมนุษย์, ขบวนการห้าสี ฯลฯ ต้องเป็นความชอบหรือสัญลักษณ์ของผู้ชาย และเด็กผู้ชาย

คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะไปบังคับหรือจำกัดความชอบของใคร ไม่ว่าเขาจะเป็นเพศใดก็ตาม ใช่ว่าเป็นเด็กผู้ชายจะต้องชอบขบวนการห้าสี หรือเป็นเด็กผู้หญิง เป็นกะเทย จะต้องชอบตุ๊กตาบาร์บี้ (barbie) อย่างเราเป็นกะเทย เราชอบสัตว์ประหลาด นี่คือความชอบของเรา คุณไม่มีสิทธิ์มาเปลี่ยน และเราก็ไม่คิดจะเปลี่ยนเพื่อคุณเช่นกัน ตอนทำงานไม่เคยมีลูกค้าคนไหนมานั่งตัดสินเลยนะว่าเราเป็นเพศอะไร เขาสนแค่เราเป็นใคร เราลงสีเก่งแค่ไหน

รู้สึกอย่างไรกับภาพที่ผู้คนออกมาลงถนนเดินขบวนเฉลิมฉลองเทศกาล Pride Month กันคราคร่ำเป็นประวัติกาล เพื่อเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมทางเพศ

รู้สึกดีใจมากๆ แอบเสียดายอยู่ที่ไม่ได้ไปเพราะเราติดงาน ต้องขอขอบคุณและชื่นชมใครหลายๆ คนบนโลกโซเชียลฯ ที่ช่วยกันขับเคลื่อนสิทธิความเท่าเทียมทางเพศ เพราะที่ผ่านมาเราถูกกดขี่ ถูกเหยียดเพศสภาพมาโดยตลอด ด้วยเหตุผลแค่คุณรู้สึกไม่ชอบกะเทย ลึกๆ ก็ยังมีกลุ่มคนหัวโบราณที่ยังไม่ชอบอยู่นะ แต่ช่างเขาอย่างนี้ดีแล้ว มาช่วยกันเปิดพื้นที่ในสังคมไทยให้กับ LGBTQ+ พวกเรามีความเก่งพอตัว โลกนี้ไม่ได้มีแค่เพศชายกับหญิง กะเทย เกย์ ทอม ดี้ ฯลฯ ต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของโลกเหมือนกัน

อาชีพใดอาชีพหนึ่งก็ไม่ได้จัดอยู่แค่เพศชาย เมื่อก่อนคนมักจะพูดว่าเพศชายเป็นช้างเท้าหน้า แต่ปัจจุบันนี้ไม่ใช่แล้ว ใครก็เป็นช้างเท้าหน้าได้ กะเทยหลายๆ คนที่เรารู้จักเลี้ยงดูครอบครัว เลี้ยงลูกน้องได้เป็นสิบๆ คน

ในฐานะที่คุณเป็น LGBTQ+ คนหนึ่ง ถ้ามีโอกาสได้เรียกร้องสิทธิขั้นพื้นฐานจากรัฐเพิ่มเติม คุณจะเรียกร้องอะไร

คงเป็นส่วนของสิทธิรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม เราอยากมีลูก หลายคนอาจกลัวว่าถ้ารับเด็กมาเขาจะมีปัญหาหรือเปล่าถ้าทั้งพ่อทั้งแม่เขาเป็นผู้ชาย แต่สุดท้ายขึ้นอยู่กับว่าเราให้ความรักความอบอุ่นแก่เด็กคนนั้นได้มากแค่ไหน

อีกเรื่องคือการจดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย การแต่งงานสร้างครอบครัว เราเคยมีคนรักเป็นชาวต่างชาติที่คบกันมานาน ก็คุยกันว่าเราควรขยับจากสถานะจากแฟนเป็นสามีภรรยาได้แล้วนะ ไม่จำเป็นต้องจัดพิธีใหญ่โตก็ได้ ขอแค่มีคู่คิดที่อยู่ด้วยกันไปจนตาย เรารู้สึกว่าการแต่งงานมีส่วนช่วยเติมเต็มให้ชีวิตของกะเทยคนหนึ่งครบถ้วน 

ถ้าเปรียบ LGBTQ+ ก็เหมือนอาชีพเราที่รัฐไร้การสนับสนุน ไม่เห็นถึงความสำคัญ มีแค่คนในวงการศิลปินด้วยกันที่มองเห็นถึงความสำคัญ

พอจะบอกได้ไหมว่าโปรเจ็คถัดไปในอนาคตอันใกล้ของ Carla : Custom & Repaint คืออะไร

เป็นงานคอมมิคคอน ไทยแลนด์ 2022 (Comic-Con Thailand 2022) ที่กำลังจัดในเดือนตุลาคมนี้ ก็จะมีไปออกบูธและทำโปรเจกต์คัสตอมโมเดลร่วมกับแมตต์ แฟรงก์ (Matt Frank) เขาเป็นนักวาดการ์ตูนชื่อดังชาวอเมริกัน ที่รู้จักกันเพราะเราเคยของานวาดเขามาทำเป็นโมเดลสัตว์ประหลาด จากนั้นก็ได้พูดคุยกันผ่านเฟซบุ๊กต่อจนเขาวาดคาแรกเตอร์เป็นหน้าเราส่งมาให้ (ยิ้ม) 

Fact Box

  • ผู้ที่สนใจอยากลงสีเพิ่มความสมจริงให้กับโมเดลและฟิกเกอร์ สามารถติดต่อ Carla : Custom & Repaint สตูดิโอได้ที่เพจเฟซบุ๊ก และแอ็กเคานต์ไอจี Carla : Custom & Repaint เบอร์โทรศัพท์ 084 906 6078
  • Kaiju Kingdom คือ กลุ่มคนผู้ชื่นชอบและหลงไหลในเสน่ห์ของภาพยนตร์แนวสัตว์ประหลาดในประเทศไทย โดยสามารถติดตามความเคลื่อนไหว พร้อมพูดคุยกับพวกเขาได้ที่เพจเฟซบุ๊กและแชนแนลยูทูป Kaiju Kingdom
  • คำว่า ‘ไคจู’ (Kaiju,  怪獣) มีรากศัพท์มาจากภาษาญี่ปุ่นคำ มีความหมายแปลว่า สัตว์ประหลาด หรือสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ โดยในประเทศไทยเริ่มใช้กันอย่างแพร่หลายเป็นวงกว้างหลังภาพยนตร์เรื่อง Pacific Rim ออกฉายเมื่อปี 2013
Tags: , ,