แม้จะป่วยไข้ใกล้ชีพวาย แต่วุฒิสมาชิกของวุฒิสภาแห่งสหรัฐอเมริกาจากรัฐแอริโซนาก็ยังไม่ยอมยกธงขาว พร้อมกันนี้ยังกล่าวเตือนโดนัลด์ ทรัมป์ อีกรอบในผลงานหนังสือเล่มสุดท้ายของตนเอง

          จอห์น แม็คเคน (John McCain) ไม่ใช่คนที่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ เขาเคยรอดตายจากการเป็นเชลยและถูกทรมานในสงครามเวียดนาม เคยเป็นคู่แข่งคนสำคัญในการเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีถึงสองครั้ง และเคยได้รับการเสนอชื่อเป็นตัวเต็งของพรรครีพับลิกัน แต่ก็พ่ายแพ้ให้กับบารัก โอบามา นอกจากนั้นเขายังเป็นฝ่ายค้านในพรรคของตนเอง คอยขวางแนวคิดขวาจัดของคนในพรรคทุกกระบวนความ

ปกหนังสือ The Restless Wave จากร้าน Barnes & Noble ในแมนฮัตตัน (ถ่ายเมื่อ 24 พ.ค. 2018 โดย REUTERS/Shannon Stapleton)

          มาถึงตอนนี้ วุฒิสมาชิกเอาตัวเข้าขวางเข้าชนกับคู่ต่อสู้อีกคน และคาดหวังในชัยชนะครั้งสุดท้ายของชีวิต …อย่างน้อยก็เป็นคำบอกกล่าวใน The Restless Wave: Good Times, Just Causes, Great Fights and Other Appreciations หนังสือเล่มที่ 7 ของเขา ที่ออกวางขายในสหรัฐอเมริกาเมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และยังบอกอีกว่า “ถ้าคุณกำลังอ่านหนังสือเล่มนี้อยู่ บางทีผมอาจจะไม่มีชีวิตอยู่แล้วก็ได้”

          จอห์น แม็คเคน วัย 81 ปี มีเนื้องอกในสมองที่ไม่สามารถเยียวยารักษาได้ หลังจากรับรู้ชะตาชีวิตของตนเอง เขาก็เริ่มเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเสมือนเป็นการชำระล้างใจ รวมถึงชำระหนี้กับตัวเอง กับอเมริกา และโดยเฉพาะกับโดนัลด์ ทรัมป์ ถ้อยความดูแคลนประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกามีปรากฏอยู่ในแทบทุกหน้าของหนังสือความหนา 383 หน้าเล่มนี้

          แม็คเคนไม่ยอมรามือ ไม่ว่ากับโรคร้ายหรือคู่ต่อสู้ทางการเมือง ไม่นานมานี้ ระหว่างที่นอนป่วยอยู่ เขาก็ลุกขึ้นมาประท้วงจีนา ฮัสเพล (Gina Haspel) ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการซีไอเอ เหตุเพราะเธอเคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับการทรมานผู้ต้องหา แต่เคลลี แซดเลอร์ (Kelly Sadler) ทีมงานของทรัมป์ในทำเนียบขาว ตอบกลับว่า ช่างเขา อีกไม่นานเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว กระทั่งซินดี แม็คเคน (Cindy McCain) ผู้เป็นภรรยาต้องตอบโต้ผ่านทวิตเตอร์ เมนชันตรงถึงแซดเลอร์ว่า “ฉันขอเตือนเผื่อคุณลืม สามีของฉันมีครอบครัว มีลูกเจ็ดคน และหลานอีกห้าคน”

          นอกจากแม็คเคนแล้ว ยังมีเพื่อนร่วมพรรคอีกเพียงสองคนเท่านั้นที่ไม่เห็นชอบกับการแต่งตั้งฮัสเพล

          เรื่องดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงโศกนาฏกรรมของแม็คเคน ยามนี้เขาเปรียบเสมือนเข็มทิศคุณธรรมของพรรครีพับลิกัน แม้ว่าเขามักจะล้มเหลวและยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวบ่อยครั้งก็ตาม …การต่อสู้กับทรัมป์ครั้งนี้เป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของแม็คเคน และเขามีเวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว

          The Restless Wave ปรากฏออกมาควบคู่กับหนังสารคดีของ HBO เรื่อง John McCain: For Whom the Bell Tolls ที่จะออกอากาศครั้งแรกในวันที่ 28 พฤษภาคมนี้ มันจะเป็นทั้งมรดกและคำเตือนของแม็คเคน ให้ทุกคนตื่น ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป ด้วยน้ำเสียงประชดประชัน ที่ขันและขื่นในเวลาเดียวกัน

วุฒิสมาชิก จอห์น แมคเคน ขณะเพิ่งตรวจพบมะเร็งในสมอง (ถ่ายเมื่อ 25 กรกฎาคม 2017 โดย REUTERS/Aaron P. Bernstein)

          แม็คเคนเคยเป็นแม้กระทั่งคู่ต่อสู้ของทรัมป์ในสนามเลือกตั้ง เสียดายแต่ว่า แม็คเคนเพิ่งจะมาค้นพบคำพูดเกี่ยวกับประธานาธิบดีเอาตอนที่เงาของความตายเริ่มฉายทับตนเอง “ดูเหมือนว่าเขาไม่เคยเข้าใจในคุณธรรมของการเป็นผู้ปกครองและระบอบการปกครองเอาเสียเลย” แม็คเคนวิจารณ์ทรัมป์อย่างไม่ไว้หน้า “ภาพลักษณ์ความแข็งกร้าวแบบเรียลิตี้โชว์ดูจะสำคัญกว่าคุณค่าของเรา คำป้อยอเน้นย้ำความเป็นมิตรของเขา ขณะเดียวกันคำวิจารณ์จะเน้นย้ำความเป็นศัตรูของเขา”

          ที่คมชัดที่สุดคือการที่เขาประณามทรัมป์ว่า “งี่เง่า” ต่อนโยบายการยับยั้งผู้อพยพชาวละตินอเมริกันและมุสลิม อีกเรื่องหนึ่งที่แม็คเคนย้อนความถึงคือ พิธีการแปลงสัญชาติทหารอเมริกัน 161 คนในอัฟกานิสถาน ที่เขาเคยเข้าร่วม เขาวิจารณ์ว่า ผู้อพยพหลายคนที่เข้าประเทศมาอย่างผิดกฎหมายยังเสียสละหรือทำประโยชน์ให้สหรัฐอเมริกามากกว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่เสียอีก

          นอกจากนั้นแม็คเคนยังปกป้องการสืบสวนของรัสเซีย ที่ทรัมป์เรียกว่าเป็นขบวนการ ‘ล่าแม่มด’ แม็คเคนกล่าวถึงกรณีนี้ว่า เขาเชื่อใจเอฟบีไอและที่ปรึกษาพิเศษ-โรเบิร์ต มึลเลอร์ (Robert Mueller) มากกว่าทรัมป์และคนฝ่ายนั้น

          แม็คเคนกล่าวยืนยันว่า เขาได้มอบหลักฐาน ‘Steele Dossier’ (ข้อมูลลับของคริสโตเฟอร์ สตีล-อดีตนักสืบ MI6 โต๊ะรัสเซียของอังกฤษ ซึ่งบันทึกไว้ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงธันวาคมปี 2016) ที่น่าอับอายเกี่ยวกับการเชื่อมโยงของรัสเซียและทรัมป์ให้กับเจมส์ โคมีย์ (James Comey) อดีตผู้อำนวยการเอฟบีไอด้วยตนเอง หลังจากได้รับมาจากอดีตนักการทูตอังกฤษคนหนึ่ง

          แม็คเคนเตือน ด้วยเหตุผลบางอย่างอาจทำให้ทรัมป์ละเว้นภัยคุกคามที่ข่มขู่โดยประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้ซึ่งต้องการจะทำลายกฎระเบียบและค่านิยมของโลกเสรีนิยมที่แม็คเคนปกป้องมาตลอดชีวิต และด้วยเหตุ นี้ปูตินจึงดูเหมือนจะประสบความสำเร็จในทุกวัน

          ประเด็นที่จอห์น แม็คเคน ชื่นชอบดูเหมือนจะเป็นเรื่องการทรมาน ตลอดทั้งบท-ก่อนที่จะเกิดเหตุขุ่นข้องหมองใจกับตำแหน่งใหม่ของจีนา ฮัสเพล-เขาเขียนบรรยายถึงความทุกข์ทรมานของบรรดานักโทษในเงื้อมมือของอเมริกา อันชวนให้เขาย้อนรำลึกถึงความทุกข์ทรมานในเวียดนามของตนเอง การทรมานนักโทษถือเป็นความอัปยศต่อเกียรติภูมิของสหรัฐอเมริกา

          ในตอนท้ายแม็คเคนกล่าวถึงความโล่งใจ ที่เส้นทางชีวิตของเขาไม่อาจทอดยาวไปถึงอนาคตข้างหน้า “ผมรักชีวิตของผม” เขาเขียนบอก แต่ “เวลาสำหรับต่อสู้ของผมใกล้หมดลงแล้ว”

          นอกจากนั้นเขายังเล่าแผนการเรื่องพิธีฝังศพของตนเอง กล่าวเชิญผู้คนทั้งวอชิงตันเข้าร่วม ยกเว้นโดนัลด์ ทรัมป์คนเดียวเท่านั้น ที่เขาไม่ปรารถนาให้มาร่วมส่งวิญญาณ

อ้างอิง:

Fact Box

  • จอห์น ซิดนีย์ แม็คเคน เกิดเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 1936 เป็นทายาทในครอบครัวที่ทั้งปู่และพ่อเป็นนายทหารของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา แม็คเคนสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายเรือแอนนาโปลิสในปี 1958 ก่อนเข้าเป็นนักบินเครื่องบินจู่โจมจากเรือบรรทุกเครื่องบิน มีส่วนร่วมในสงครามเวียดนาม ช่วงปลายปี 1967 ระหว่างปฏิบัติภารกิจทิ้งระเบิดในเวียดนามเหนือ เขาถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส และตกเป็นเชลยศึกของฝ่ายตรงข้าม ต้องทนทุกข์กับการถูกทรมานเป็นเวลานาน 5 ปี กว่าจะได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระในปี 1973 หลังจากสหรัฐอเมริกาลงนามสงบศึกที่กรุงปารีส
  • แม็คเคนลาออกจากกองทัพเรือสหรัฐฯ ในปี 1981 และย้ายภูมิลำเนาไปอยู่แอริโซนา ก่อนจะเบนเข็มมาเล่นการเมือง ปี 1982 เขาได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้ง และได้รับตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของรัฐแอริโซนา หลังจากรับตำแหน่งได้สองปี เขาก็ได้รับเลือกตั้งอีกครั้งให้เป็นสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐอเมริกา
  • แม็คเคนลงสมัครชิงตำแหน่งตัวแทนพรรครีพับลิกัน เพื่อสมัครเข้ารับการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2000 แต่ก็พ่ายแพ้ให้กับจอร์จ ดับเบิลยู. บุช และในปี 2008 เขาลงสมัครเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง ในฐานะตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน แต่ก็แพ้คะแนนเสียงให้กับบารัก โอบามาไป