“ปล่อยประวิตร เอาผิดชัชชาติ” ประโยคนี้น่าจะอธิบายกระบวนการตรวจสอบทางการเมืองของประเทศไทยได้อย่างดี เพราะไม่เพียงพี่ใหญ่ของคสช. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หลุดคดีจากการไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิ้นจากการ “ยืมแหวนแม่-นาฬิกาเพื่อน” อย่างคาใจคนทั้งสังคม
ขณะเดียวกัน ป.ป.ช. (คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) ก็เตรียมรื้อสองคดีของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยหนึ่งในผู้ที่ถูกกล่าวหายังรวมถึง ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่กำลังได้รับความนิยมหลังจากถูกเปิดชื่อว่า อาจจะได้เป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในนามของพรรคเพื่อไทย
การรื้อคดีนี้ของ ป.ป.ช. ถูกมองว่าเป็นเกมการเมืองของ คสช. ที่ต้องการจะเตะตัดขาดิสเครดิตอดีตรัฐมนตรีคมนาคมดาวรุ่งพุ่งแรงที่จะชิงตำแหน่งนายกฯ แข่งขันกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะ ป.ป.ช. เกินครึ่งก็ถูกแต่งตั้งเข้ามาโดยคนของคสช. หรืออาจเตรียมการไว้เพื่อเป็นไม้ตายต่อรองกับพรรคเพื่อไทยในสถานการณ์จำเป็น
ทั้งนี้ ในการเลือกตั้งที่น่าจะเกิดขึ้นปีนี้ มีนักการเมืองจำนวนมากที่ต้องพกคดีติดตัวในระหว่างเลือกตั้ง
อดีตนักการเมืองเพื่อไทยครองแชมป์คดีเยอะสุด
กรณีของชัชชาติไม่ใช่ครั้งแรกที่ คสช. ถูกกล่าวว่าเอาคดีมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพราะระหว่างที่พรรคพลังประชารัฐเดินสายดูดอดีต ส.ส. จากพรรคการเมืองต่างๆ ก็มีข้อสังเกตว่า นักการเมืองจำนวนหนึ่งที่ยอมย้ายค่าย อาจเพราะมีการใช้คดีความมาต่อรองว่า หากยอมเข้าร่วมก็อาจจะช่วยยุติคดีได้
ด้วยเหตุนี้ เราจึงเห็นนักการเมืองที่มีคดีติดตัว แต่ก็มีภาษีที่มีฐานเสียงจำนวนหนึ่ง ถูกดูดให้ย้ายค่ายไป
แน่นอนว่าพรรคเพื่อไทยมีคนถูกดำเนินคดีมากที่สุด เพราะเป็นอดีตรัฐบาล ซึ่งหากกวาดตาดูเร็วๆ จะพบว่า มีอดีตรัฐมนตรีที่จะลงเลือกตั้งครั้งนี้ถูกดำเนินคดีอยู่ เช่น เฉลิม อยู่บำรุง, กิตติรัตน์ ณ ระนอง, อนุดิษฐ์ นาครทรรพ, และ ปลอดประสพ สุรัสวดี
ส่วน วัฒนา เมืองสุข ถูก ป.ป.ช. กล่าวหาในคดีทุจริตบ้านเอื้ออาทรสมัยเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร
นอกจากนี้ ยังมีจากพรรคไทยรักษาชาติ คือ วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล และณัฐวุฒิ ใสยเกื้ย จากพรรคเพื่อธรรม คือ นลินี ทวีสิน และพรรคภูมิใจไทย คือ ศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ ซึ่งถูกดำเนินคดีจากการเหตุการณ์สมัยเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลยิ่งลักษณ์เช่นกัน
คดีการเมืองยุค คสช. ไร้ฝั่งหนุน คสช
นอกจากคดีในกำมือของ ป.ป.ช. ตลอด 4 ปีภายใต้การปกครองของ คสช. แม้จะไม่มีนักการเมืองบริหารประเทศ แต่ก็มีบรรดานักการเมืองจำนวนมากทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่เป็นจำเลยและผู้ต้องหา ซึ่งทั้งหมดเป็นคดีการเมือง
จากการรวบรวมของบีบีซีไทย พบว่า มีนักการเมืองอย่างน้อย 29 คน จาก 5 พรรคการเมืองที่มีคดีติดตัว โดยมาจาก
-
พรรคเพื่อไทย 9 คน เช่น วัฒนา เมืองสุข กับ กิตติรัตน์ ณ ระนอง ซึ่งทั้งสองคนยังมีคดีใน ป.ป.ช. ด้วย
-
พรรคเพื่อชาติ 8 คน เช่น สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรค
-
พรรคไทยรักษาชาติ 6 คน เช่น จาตุรนต์ ฉายแสง และพิชัย นริพทะพันธุ์
-
พรรคอนาคตใหม่ 5 คน เช่น ธนาธร จึงรุ่งเรือง หัวหน้าพรรค
-
พรรคเกียน 1 คน คือ สมบัติ บุญงามอนงค์ หัวหน้าพรรค
ทั้งนี้ หากไม่นับนักการเมืองที่ถูกดูดไปแล้ว ยังไม่พบว่ามีนักการเมืองจากพรรคพลังประชารัฐหรือฝั่งที่สนับสนุน คสช. ถูกดำเนินคดีทางการเมือง
รัฐธรรมนูญ คสช. เปิดทางเขี่ยนักการเมืองง่าย
คดีของนักการเมืองต่างๆ อยู่ในวิสัยที่ คสช. จะสามารถเข้าไปแทรกแซงได้ระดับหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คดีที่อยู่ในมือ ป.ป.ช. หรือหรือในคดีที่ยังไม่เข้าสู่กระบวนการศาล (ยกเว้นศาลทหาร)
คดีเหล่านี้อาจถูกหยิบยกมาเมื่อใดก็ได้เมื่อถึงสถานการณ์ที่ผู้มีอำนาจ ต้องการสร้างความได้เปรียบ ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญที่ คสช. ออกแบบมาก็กำหนดให้ผู้ที่จะเป็น ส.ส. ต้องไม่เป็นผู้ที่ถูกคุมขังโดยหมายศาล ต้องไม่ถูกคําพิพากษาให้จําคุก หรือต้องไม่ถูกคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกแม้จะมีการรอการลงโทษ ฯลฯ
นั่นหมายความว่า คดีต่างๆ ของนักการเมือง โดยเฉพาะคดีทางการเมืองที่เกิดขึ้นหลังรัฐประหาร เช่น การฝ่าฝืนคำสั่งไม่ไปรายงานตัวต่อ คสช. หากศาลตัดสินว่ามีความผิดให้จำคุก ก็จะทำให้ผู้นั้นต้องขาดคุณสมบัติจากการเป็น ส.ส. ไป
นอกจากนี้คดีความต่างๆ ที่อยู่ในมือ ป.ป.ช. หากถูกไต่สวนว่ากระทำความผิด และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองประทับรับฟ้อง ก็จะทำให้นักการเมืองที่จะเข้าไปเป็น ส.ส. หรือรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งจะต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ทันที่ และหากศาลมีคำพิพากษาว่ามีความผิด นักการเมืองผู้นั้นก็จะต้องออกจากตำแหน่งและจะถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งใม่เกิน 10 ปี
ที่ร้ายไปกว่านั้น จะถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ทำให้ไม่สามารถสมัครหรือมีตำแหน่งทางการเมืองได้ตลอดชีวิต
กติกาเหล่านี้ ที่เกิดบนสถานการณ์ที่ฝ่ายที่ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบก็เป็นฝ่ายเดียวกับผู้มีอำนาจ จึงทำให้นักการเมืองจากการเลือกตั้งเดินอยู่บนทางเสี่ยงว่าอาจจะถูกเขี่ยออกจากสนามการเมืองได้โดยง่าย
และที่สำคัญ คดีความเหล่านี้ อาจเป็นไม้ตายสำคัญในการเลือกตั้งนายกฯ การตั้งรัฐบาล หรือการล้มรัฐบาลได้ในอนาคต
Tags: รัฐธรรมนูญ, คสช., ป.ป.ช., พรรคอนาคตใหม่, พรรคเพื่อไทย, เลือกตั้ง62, นักการเมือง