เมื่อวันพุธที่ 19 ต.ค. 59 บริษัท เทสลามอเตอร์ส (Tesla Motors) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสุดหรู ประกาศว่ารถยนต์และยานพาหนะทุกคันที่ผลิตในโรงงานของเทสลาในขณะนี้ รวมไปถึงรถยนต์ซีดาน Model 3 ที่เพิ่งเปิดตัว ได้ติดตั้งอุปกรณ์ทุกชิ้นที่จำเป็นต่อระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบแล้ว พร้อมยืนยันว่าปลอดภัยยิ่งกว่ารถที่ใช้คนขับ
อีลอน มักส์ (Elon Musk) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของเทสลา อธิบายว่า รถทุกคันจะมีกล้อง 360 องศา ติดตั้งรอบคัน 8 ตัว พร้อมด้วยเซ็นเซอร์อัลตราโซนิก 12 ตัว ซึ่งสามารถตรวจจับวัตถุขนาดเล็กและใหญ่ในระยะไกลกว่าเดิมถึง 2 เท่า และเปลี่ยนมาใช้ระบบตรวจจับสัญญาณเรดาร์ด้านหน้ารถ จะประมวลผลข้อมูลได้เร็วขึ้น และช่วยให้คนขับมองเห็นในสภาพอากาศแม้มีฝนตกหนัก มีหมอก และฝุ่นปกคลุม
“นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบจะกลายเป็นมาตรฐานการผลิตยานยนต์ของเทสลาทุกคัน” มักส์กล่าวเสริมว่า รถยนต์ไฟฟ้าทั้งรุ่น Model S และ Model X ที่อยู่ในระหว่างการผลิต จะมาพร้อมกับอุปกรณ์ชุดใหม่ดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ รถยนต์ของเทสลามีระบบขับเคลื่อนกึ่งอัตโนมัติ หรือ Autopilot แต่ก็ยังต้องอาศัยคนขับคอยควบคุมบังคับพวงมาลัยเป็นหลัก โดยเฉพาะยามฉุกเฉิน
ซีอีโอหนุ่มคาดว่ารถยนต์ไร้คนขับของเทสลาจะพร้อมวิ่งด้วยระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบจากลอสแอนเจลิสตรงสู่นิวยอร์กภายในปี 2017 “โดยที่คนขับไม่จำเป็นต้องแตะพวงมาลัยเลยสักนิด” เขาย้ำ
แต่โจทย์ใหญ่กว่านั้นของเทสลาคือ การพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเปรียบเสมือน ‘หัวใจสำคัญ’ ของรถยนต์ ให้มีกำลังประมวลผลที่ทรงพลังกว่าเดิมกว่า 40 เท่า!
นอกจากนี้ ทางบริษัทยังต้องพัฒนาระบบ Autopilot หรือระบบขับเคลื่อนกึ่งอัตโนมัติของรถเทสลารุ่นเก่า ซึ่งไม่ได้ติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวอีกด้วย เพื่อรับรองความปลอดภัย
จริงอยู่ที่เทสลาได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำแห่งอุตสาหกรรมรถยนต์ไร้คนขับมาโดยตลอด แต่ดูเหมือนว่า 1-2 ปีมานี้ เทสลาจะเดินเกมค่อนข้าง ‘ช้า’ และ ‘พลาดท่า’ ไปหน่อย
บริษัทเทสลาเคยกำหนดวันเปิดตัวรถยนต์ไร้คนขับไว้แล้ว แต่ดูเหมือนว่า ‘เดดไลน์’ จะถูกเลื่อนออกไปหลายหน จนคู่แข่งหลายรายถือโอกาสรีบปล่อยโฆษณาเปิดตัวรถยนต์ไร้คนขับ ไม่ว่าจะเป็น Uber, BMW, Volvo, Ford หรือ Mercedes-Benz
ประกอบกับข่าวของผู้ขับรถเทสลา Model S เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถพุ่งชนกับรถบรรทุกในขณะที่เปิดโหมด Autopilot หรือระบบขับเคลื่อนกึ่งอัตโนมัติ ก็สั่นคลอนความน่าเชื่อถือของบริษัทอยู่ไม่น้อย ปัจจุบันเจ้าหน้าที่รัฐยังคงอยู่ในระหว่างการสืบสวนคดีดังกล่าว
แม้จะมีข่าวลือว่าทางบริษัทพยายามปกปิดข่าวอุบัติเหตุก่อนการขายหุ้นเทสลา แต่มัสก์ได้ออกมาปฏิเสธ และแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียอันน่าเศร้า เขายืนยันว่าเป็นอุบัติเหตุที่มีผู้เสียชีวิตครั้งแรก นับตั้งแต่เปิดใช้ระบบ Autopilot มาแล้วกว่า 130 ล้านไมล์ ซึ่งน้อยกว่าสถิติอุบัติเหตุทางถนนที่พบการเสียชีวิตจากการขับขี่รถยนต์ทั่วโลกที่เกิดขึ้นทุกๆ 60 ล้านไมล์
อย่างไรก็ตาม สื่อต่างประเทศยังตั้งคำถามว่าเทคโนโลยีนี้ ‘ปลอดภัย’ จริงหรือไม่ และโลกพร้อมจะก้าวไปสู่อนาคตที่ไม่มีใครขับรถอีกต่อไปแล้วหรือยัง
เว็บไซต์ Recode เปิดเผยว่า ข่าวอุบัติเหตุดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทสตาร์ทอัพ Mobileye ผู้ผลิตชิปและร่วมพัฒนาระบบขับเคลื่อนรถยนต์กึ่งอัตโนมัติให้กับรถยนต์เทสลาร่วงลงทันที จาก 212 เหรียญฯ เหลือ 206 เหรียญฯ
ทั้งนี้ อีลอน มัสก์ ได้ทวิตว่าทางบริษัทจะ Live การแถลงข่าว เพื่ออัพเดตความคืบหน้าล่าสุดของ Model 3 ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นราคาประหยัดรุ่นแรกของเทสลาวันนี้ในเวลา 2 ทุ่ม (ตามเวลาท้องถิ่น) ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนของอุตสาหกรรมรถยนต์สู่ยุคใหม่
น่าติดตามกันต่อไปว่า ผู้นำด้านนวัตกรรมรถไร้คนขับอย่างเทสลา จะงัดไม้ไหนออกมาสู้กับคู่แข่ง หรือลบข้อครหาเก่า และมัดใจคนได้อีกครั้งในยามนี้
อ้างอิง:
– Bhuiyan, J. ‘In the wake of a fatal crash, Tesla will quit using Mobileye’s chips for Autopilot vision’.
– http://recode.net/2016/7/26/12285930/tesla-mobileye-self-driving-cars
– Golson, J. and Bohn, D. ‘All new Tesla cars now have hardware for ‘full self-driving capabilities’.
– Sage, A. ‘Tesla says self-driving hardware to be built into all its cars’. http://reuters.com/article/us-tesla-autopilot-idUSKCN12K00H
– http://theverge.com/2016/10/19/13340938/tesla-autopilot-update-model-3-elon-musk-update
– Tesla.com