เว็บไซต์ Fast Company ได้จัดอันดับสุดยอดบริษัทที่มีความเป็นนวัตกรรมมากที่สุดในปี 2017 ทั้งหมด 50 อันดับจากหลายพันบริษัท โดยวัดจากนวัตกรรมที่น่าดึงดูดมากที่สุดในแง่ความน่าสนใจและเงินในกระเป๋า รวมทั้งการสร้างความแตกต่างและส่งผลกระทบระดับโลก

ผลปรากฏว่าบริษัท Amazon ได้รับการยกย่องให้เป็นบริษัทที่มีความเป็นนวัตกรรมมากที่สุดจากโปรเจกต์ Amazon Go และอีกหลายๆ โครงการของ Amazon ที่น่าสนใจไม่น้อยไปกว่ากัน

นอกจาก Amazon แล้ว มีบริษัทไหนที่น่าสนใจเข้ารอบไปบ้าง The Momentum ได้สรุป 10 อันดับของบริษัทที่โดดเด่นทางด้านนวัตกรรมมากที่สุดจากการจัดอันดับของ Fast Company และวิเคราะห์แนวทางความสำเร็จของแต่ละบริษัทมาไว้ให้แล้ว

1. Amazon

Amazon ถือเป็นธุรกิจที่เติบโตแบบก้าวกระโดดจากร้านขายหนังสือออนไลน์ที่เคลมว่ามีหนังสือมากที่สุดในโลกเป็นล้านเล่ม ขยับมาเป็นอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดรายหนึ่งของโลกภายใน 20 ปี ที่น่าสนใจกว่านั้น เจฟฟ์ เบโซส์ ซีอีโอบริษัทไม่ได้ยึดติดกับวิธีการทำธุรกิจออนไลน์อย่างเดียว แต่ยังคิดค้นพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ในทุกด้าน เช่น เครื่องอ่าน e-book และแท็บเล็ต Kindle รวมถึงเปิดบริการระบบคลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) ให้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนใช้งานในชื่อ Amazon Web Services

ล่าสุด Amazon ได้เปิดตัว Amazon Go ซูเปอร์มาร์เก็ตอัจฉริยะ ที่ผนวกเทคโนโลยีออนไลน์เข้ากับโลกออฟไลน์ ทำให้ลูกค้าสามารถบริหารการช้อปปิ้งของตัวเองได้ โดยไม่ต้องเสียเวลาต่อคิวหรือพกเงินสด ยังไม่รวมถึงการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ Alexa และนำโดรนเข้ามาอำนวยความสะดวกในการส่งของ

ครบทุกด้านอย่างนี้ ไม่แปลกที่จะคว้าอันดับหนึ่งไปครอง

(อ่านต่อ Amazon Go ร้านสะดวกซื้ออัจฉริยะไม่ต้องต่อคิว ไม่ต้องจ่ายเงินสด)

2. Google

ถ้าพูดถึงความก้าวหน้าของปัญญาประดิษฐ์ ก็คงต้องยกให้กับ Deep Learning ของ Google ที่สามารถเรียนรู้และจดจำสิ่งต่างๆ จากภาพได้ ไม่เพียงเท่านั้น ทีมนักวิจัย Google Brain พัฒนาระบบการเรียนรู้การแปลภาษาที่เรียกว่า Google Neural Machine Translation (GNMT) ขึ้นมา ทำให้ระบบ AI สามารถสร้างภาษากลางของตัวเองขึ้นมา 1 ภาษา เพื่อใช้แปลทุกภาษามาเป็นภาษากลาง (ที่มันเข้าใจได้) ก่อนที่จะแปลเป็นภาษาที่เราต้องการอีกทีหนึ่ง และอีกหนึ่งความสำเร็จของวงการปัญญาประดิษฐ์ที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้ก็คือ ซอฟต์แวร์ AlphaGo ระบบ Machine Learning ที่สามารถเอาชนะผู้เล่นเกมหมากล้อมหรือโกะระดับมืออาชีพได้เลย

นับเป็นความสำเร็จที่ Google ได้จารึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ว่าสามารถพัฒนาสมองกลให้เทียบเท่ามนุษย์จริงๆ ได้ หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ!

(อ่านต่อ พลิกล็อก Google คอนเฟิร์ม AlphaGo คือ AI ปริศนาในโลกออนไลน์ที่ชนะเซียนหมากล้อมระดับโลก 60 เกมรวด!)

3. Uber

หลังจากจุดกระแส disruption ในวงการธุรกิจบริการแท็กซี่ไปแล้ว Uber ยังพัฒนาโครงการนำร่องรถยนต์ไร้คนขับขึ้นมา เพื่อสร้างทางเลือกใหม่ให้กับเจ้าของรถยนต์ แถมยังแซงหน้า Google ขึ้นมาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีนี้อีกด้วย โดย Uber ได้พยายามพิสูจน์ในเรื่องของการลดจำนวนอุบัติเหตุลง และล่าสุด Uber เข้าซื้อกิจการบริษัทสตาร์ทอัพ Otto เพื่อพัฒนาโครงการรถไร้คนขับสำหรับรถบรรทุก ซึ่งในอนาคตการขนส่งทางรถบรรทุกอาจจะไม่ต้องใช้มนุษย์อีกแล้ว

4. Apple

ถึงจะไม่มีผลิตภัณฑ์ว้าวๆ ออกมาเรียกคะแนนนิยมจากแฟนๆ ทั่วโลก แต่ Apple ก็หันไปทุ่มกับการแก้ปัญหาด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมอย่างสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นการผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และจะเปลี่ยนไปใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตที่ปลอดภัยมากกว่าเดิม

Apple ยังผุดโครงการ iPhone Recycling Program ที่ใช้หุ่นยนต์ Liam มาช่วยชำแหละไอโฟนเครื่องเก่าเพื่อนำวัสดุทั้งหมดไปรีไซเคิล และส่งสินค้าที่ไม่ใช้งานแล้วกลับคืนบริษัทเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ ได้อีก ซึ่งนับเป็นวิธีช่วยลดจำนวนขยะอิเล็กทรอนิกส์ด้วยนวัตกรรมได้อย่างสร้างสรรค์

5. Snapchat

Snapchat คือแอปพลิเคชันโซเชียลที่ชนะใจวัยรุ่นอเมริกันได้มากกว่าเฟซบุ๊กเสียอีก ด้วยการออกแบบฟีเจอร์ที่สามารถส่งข้อความต่างๆ ได้ โดยข้อความนั้นจะทำลายตัวเองภายใน 24 ชั่วโมง ไม่มีการบันทึกข้อมูลไว้แต่อย่างใด ทำให้ครองใจกลุ่มวัยรุ่นที่รู้สึกไม่เป็นส่วนตัวกับการใช้เฟซบุ๊กอีกต่อไป

ยิ่งไปกว่านั้น Snapchat ยังเป็นผู้จุดกระแสวัฒนธรรมการ Live แบบสั้นๆ ทางโซเชียลในหมู่วัยรุ่น ถึงขนาดที่เฟซบุ๊กต้องเพิ่มฟีเจอร์ Live บ้างทั้งในเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม รวมทั้งฟีเจอร์ Instagram Stories ซึ่งล้วนแล้วแต่มี Snapchat เป็นต้นแบบทั้งนั้น

6. Facebook

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเฟซบุ๊กยังคงเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์กที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในเวลานี้ และเริ่มไปไกลกว่าสังคมออนไลน์ด้วยการเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอข่าวของสื่อผ่าน Facebook Live การออกแบบปุ่มหัวใจหรือหน้ายิ้ม เพื่อแสดงอารมณ์ความรู้สึกของผู้ใช้งาน เพิ่มฟีเจอร์สำหรับการทำธุรกิจออนไลน์ การจ่ายเงินออนไลน์ รวมไปถึงการพัฒนา Jarvis ปัญญาประดิษฐ์ในบ้านอีกด้วย

7. Netflix

Netflix คือผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิงอันดับหนึ่งของสหรัฐฯ ซึ่งนอกจากจะประสบความสำเร็จด้านการอำนวยความสะดวกในการดูหนัง ซีรีส์ และรายการต่างๆ แบบ on-demand แล้ว ยังลงทุนผลิตคอนเทนต์เอง และเรียกได้ว่ามีคุณภาพไม่แพ้กับรายการโทรทัศน์ชั้นนำอย่าง HBO หรือ FOX จนกลายเป็นสตรีมมิงที่น่าจับตามองมากที่สุดในยุคนี้

8. TWILIO

Twilio ผู้ให้บริการ API บนระบบคลาวด์ที่ให้ผู้พัฒนาแอปฯ เรียกใช้ API เพื่อต่อสายโทรศัพท์ หรือส่งข้อความ SMS ไปหาลูกค้า

9. CHOBANI

Chobani แบรนด์กรีกโยเกิร์ตที่นำการออกแบบเข้ามาแก้ปัญหาบรรจุภัณฑ์และครองทุกตลาดของโยเกิร์ต

10. Spotify

Spotify ยังคงครองบัลลังก์ของผู้ให้บริการมิวสิกสตรีมมิงระดับโลกด้วยฟังก์ชันที่ครบเครื่อง และเพลงครบรสมากคุณภาพ

อ้างอิง:

Tags: , , , , , , , ,