ยิ่งใกล้ช่วงสิ้นปีเท่าไหร่ ร้านค้าต่างๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ก็แลดูจะยิ่งสรรหาเทศกาลหรือโอกาสพิเศษให้จัดโปรโมชั่นกระหน่ำลดราคาสินค้าถี่ขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Black Friday, Cyber Monday และเทศกาลลดราคา 12.12 รวมไปถึงฤดูกาลลดราคาช่วงปลายปีหรือ year-end sale ต่างๆ อีก เรียกได้ว่าหากใจไม่แข็งพอหรือตบะไม่แกร่งกล้า ก็อาจถึงขั้นกระเป๋าตังค์ฟีบ ประสบภัยทางการเงิน ล้มละลายกันได้ง่ายๆ ทีเดียว
แต่หากมองอีกมุม ในเมื่อของบางอย่างที่เคยมีราคาเกินเอื้อมหรือราคาไม่ชวนให้เราเอื้อมไปหยิบจับมันจะลดราคาลงมาอยู่ในระดับที่พอจับต้องได้และชวนให้น่าซื้อแล้ว หากจะไม่ควักกระเป๋าซื้อมาครอบครองก็คงเสียดายไม่เบา ยิ่งสำหรับคนที่ทำงานมาเหนื่อยๆ ทั้งปีแล้ว ช่วงท้ายปีก็นับเป็นโอกาสอันดีที่จะให้รางวัลตัวเองในสนนราคาคุ้มค่า
ดังนั้น ในสัปดาห์นี้ เราจะไปปลุกความเป็นนักช้อปในตัวด้วยศัพท์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับการลดราคาแบบกระหน่ำและของราคาถูกที่ฉกฉวยช่วงชิงมาได้ในราคาย่อมเยาเพื่อต้อนรับเทศกาลช้อปท้ายปี
ช้อปให้สุด หยุดที่ล้มละลาย
หากใครเป็นสายช้อปที่หยุดตัวเองไม่ได้ เห็นของที่หมายปองแล้วต้องซื้อมาครอบครองให้จงได้ พร้อมควักเงินรูดบัตรต่างๆ เพื่อให้ได้ของชิ้นนั้นมา ขอแสดงความยินดีด้วย คุณเป็น shopaholic หรือ ผู้ที่คลั่งการช้อปเป็นชีวิตจิตใจ คำนี้หลายคนอาจจะได้เห็นจากภาพยนตร์เรื่อง Confessions of a Shopaholic ซึ่งดัดแปลงมาจากหนังสือของ Sophie Kinsella คำนี้ประกอบขึ้นจากการเอาคำว่า shop ที่แปลว่า จับจ่าย ซื้อของ กับ alcoholic ที่หมายถึง ผู้ติดแอลกอฮอล์ มารวมร่างกัน ทำให้เห็นภาพว่าคนที่เป็น shopaholic เสพติดการซื้อของและหักห้ามใจตัวเองไม่ได้
ทั้งนี้ คนที่เป็น shopaholic อาจจะมีอาการอยากใช้เงิน คือเงินเข้ามาปุ๊บ ก็อยากจะรีบวิ่งเอาไปแปลงเป็นสิ่งของมาปั๊บ แบบนี้ภาษาอังกฤษจะเรียกว่า Money burns a hole in your pocket. เห็นภาพเหมือนว่าเงินร้อนมากจนอยู่ในกระเป๋าไม่ได้ ไหม้จนกระเป๋าเป็นรูและหล่นรั่วไหลออกมา เช่น I’ve just got my pay for the month, and it’s burning a hole in my pocket. ก็คือ เพิ่งได้เงินเดือนนี้มา ตอนนี้กระสันอยากใช้เงินมาก
นอกจากนั้น คนที่เป็นนักช้อปที่แท้ทรูก็อาจจะมีช่วงที่ชอบช้อปแหลก ระหว่างงานก็แอบสั่งของทางเว็บ เลิกงานก็วิ่งเข้าห้างไปช้อป ช่วงเวลาแบบนี้ในภาษาอังกฤษจะเรียกว่า a shopping spree ก็คือ ช่วงเวลาที่ช้อปแหลก ปกติจะใช้กับกริยา go on เช่น He always goes on a shopping spree when he’s stressed. ก็คือ เครียดก็ช้อปแหลก (ทั้งนี้ คำว่า spree ใช้กับเรื่องอื่นที่ไม่ใช่การซื้อของก็ได้ เช่น He went on a drinking spree. ก็คือ ดื่มแหลก)
ส่วนการใช้เงินซื้อของที่ไม่ได้จำเป็น แต่เป็นการซื้อเพื่อบำเรอตัวเอง แบบนี้ภาษาอังกฤษจะใช้คำว่า splurge เช่น ปกติกินแต่ข้าวโรงอาหารเพราะรัดเข็มขัด แต่รู้สึกว่ามื้อเย็นนี้อยากกินดีๆ หรูๆ สักมื้อเพื่อชุบชูจิตใจตัวเอง แบบนี้ก็อาจจะบอกว่า I guess it wouldn’t hurt to splurge on a nice dinner for once. ก็คือ ขอกินดีๆ สักมื้อคงไม่เป็นไรเนอะ
เห็นป้าย Sale แล้วใจสั่น
คำแรกที่ขาช้อปเห็นปุ๊บแล้วมีอาการตอบสนองในระดับสัญชาตญาณก็น่าจะเป็นคำว่า sale ปกติแล้ว คำว่า sale ที่แปลว่า การลดราคา จะไม่ค่อยเติม -s ข้างท้ายเท่าไหร่ เช่น The midnight sale starts next week. ส่วน sales ที่มี -s ข้างท้ายส่วนใหญ่แล้วจะหมายถึง ยอดขาย เช่น This year’s sales have dropped by 35%. หรือฝ่ายขาย เช่น the sales department
แต่ทั้งนี้ sale ก็เรียกได้ว่าเป็นคำที่ใช้กันดาษดื่นจนเริ่มหมดมนต์ขลัง ดังนั้น ห้างร้านต่างๆ ก็มักเติมคำขยายต่างๆ ลงไปเพิ่มความอู้วอ้าห์ เช่น clearance sale หมายถึง ลดล้างสต็อก นำของในคลังมาโละขายในราคาถูกเพื่อกำจัดให้ของหมดๆ ไป ทำนองว่าอยากขายให้หมด ไม่อยากเก็บไว้แล้ว แบบนี้จะเรียกว่า closeout หรือ closeout sale ก็ได้เช่นกัน blowout sale หมายถึง ลดราคาถล่มทลาย ลดระเบิดระเบ้อ ลดจัดเต็ม ลดจนต้องรอขอชีวิต ไม่ใช่ลดแค่ 5-10% และ flash sale หมายถึง ช่วงนาทีทอง ลดราคาแค่ในช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น ไม่ได้ลดทั้งปีทั้งชาติ ใครช้าก็อดไป
นอกจากนั้น ยังมีสิ่งที่เรียกว่า rummage sale มาจากคำว่า rummage ที่แปลว่า คุ้ย (เช่น She rummaged around in her bag for her cell phones.) หมายถึง การลดราคาที่นำของมากองสุมกัน เช่น เสื้อผ้า ให้นักช้อปมาคุ้ยหาสมบัติกันเอาเอง
ส่วน fire sale หมายถึง การลดสะบั้นหั่นแหลก ส่วนใหญ่ใช้ในกรณีที่เจ้าของร้านยอมลดราคาแบบเข้าเนื้อขาดทุนเพราะร้อนเงิน เช่นในกรณีที่ต้องปิดกิจการหรือล้มละลายเป็นต้น (ในกรณีล้มละลาย อาจจะเรียกว่า liquidation sale ก็ได้ คือนำของมาขายทอดตลาดเพื่อสร้างสภาพคล่อง) ศัพท์คำนี้ว่ากันว่ามีที่มาจากในอดีตที่ร้านค้าที่โดนไฟไหม้นำของที่เหลือรอดจากอัคคีภัยมาขายในราคาถูกเพื่อหาเงินนั่นเอง
นอกจากคำว่า sale แล้ว ยังมีอีกหลายคำที่ใช้พูดถึงการลดราคาได้ เช่น คำว่า red tag หรือ ป้ายราคาสีแดง ปกติแล้วเวลาที่ร้านค้าในสหรัฐอเมริกาต้องการจะโละหรือขายสินค้าชิ้นหนึ่งให้ออกให้ได้ ก็มักจะใช้วิธีการลดราคาแบบสะบั้นหั่นแหลกและสีป้ายราคาเป็นสีแดงไว้เพื่อให้รู้ว่าราคาที่ลดนี้ไม่ใช่ราคาที่ลดชั่วคราวตามหน้าเทศกาล แต่เป็นราคาที่ลดเป็นการถาวรจนกว่าจะขายออก ด้วยเหตุนี้ เวลาพูดคำว่า red tag ก็จะเป็นที่รู้กันว่าลดราคาหนักมากจริงๆ คำนี้จะใช้เป็นคำนามก็ได้ (เช่น an annual red-tag sale) หรือเป็นกริยาก็ได้ (เช่น Many items have been red-tagged.)
อีกคำที่เจอได้บ่อยเช่นกันก็คือคำว่า deal ซึ่งปกติหมายถึง ข้อตกลงทางธุรกิจ แต่หากใช้ในวงการช้อปปิ้งจะหมายถึง การเสนอขายของในราคาถูกกว่าปกติหรือมีการลดแลกแจกแถมที่ปกติไม่มี เรียกว่าเป็นข้อเสนอพิเศษ เช่น Black Friday deals ก็คือ โปรโมชั่นสำหรับวันแบล็กฟรายเดย์ แต่ถ้าข้อเสนอนี้เสนอให้ลูกค้าเฉพาะในช่วงเวลาจำกัด ต้องรีบซื้อภายในช่วงเวลาที่กำหนดเท่านั้นถึงจะได้ ก็จะเรียกว่า flash deals นั่นเอง
ถูกอย่างกับได้ฟรี
ส่วนบรรดาข้าวของที่เราช้อปมาได้นั้น คำที่มักจะใช้เรียกกันในปัจจุบันก็คือ haul เช่น Sephora haul ก็คือ บรรดาเครื่องประทินโฉมที่ไปได้มาจากร้านเซฟอร่าเป็นต้น หรือ haul video ซึ่งก็คือ วิดีโอที่นักช้อปถ่ายให้เราดูว่าไปได้ของอะไรมาบ้าง คำนี้แต่เดิมเป็นกริยา หมายถึง แบกลาก มักใช้กับของที่หนักและมีขนาดใหญ่ ต่อมาภายหลังเริ่มนำมาใช้เป็นคำนามในแวดวงการประมง หมายถึง ปริมาณปลาที่จับมาได้ เช่น We got a good haul yesterday. ก็คือ เมื่อวานจับปลาได้เยอะเลยทีเดียว ดังนั้นเมื่อนำมาใช้กับการช้อปปิ้ง ก็จะให้ภาพว่าได้ของมาปริมาณเยอะมากจนต้องใส่ถุงกระสอบลากกลับบ้านทีเดียว
อีกคำที่เป็นที่นิยมเช่นกันก็คือคำว่า loot เช่น Black Friday loot หมายถึง บรรดาของราคาถูกที่ไปฉกมาได้ตอนช่วงแบล็กฟรายเดย์ คำนี้เดิมทีหมายถึง ของที่ปล้นสะดมมาได้ (หรือใช้เป็นกริยาหมายถึง ปล้นสะดม ก็ได้) ต่อมาเมื่อมีเกมคอมพิวเตอร์ จึงเริ่มนำมาใช้หมายถึง ไอเท็มหรือของในเกมที่เก็บได้จากตัวละครที่โดนฆ่า (หรือถ้าใช้เป็นกริยา ก็จะหมายถึง เก็บไอเท็มจากตัวละครที่โดนฆ่า) ด้วยความที่ของที่เราได้มาจากร้านค้าในช่วงลดราคาอาจถูกมากจนทำให้เรารู้สึกเหมือนไปปล้นร้านและได้มาฟรีๆ เราก็เลยสามารถเอาคำว่า loot มาใช้พูดถึงของที่ได้มาในราคางามได้อีกด้วย
อีกคำที่ให้ภาพใกล้เคียงกับคำว่า loot ก็คือคำว่า steal ซึ่งสามารถใช้เป็นคำนาม หมายถึง ของที่ได้มาในราคาแสนถูกราวกับไปขโมยมาโดยไม่เสียเงินอย่างไรอย่างนั้น เช่น หากเพื่อนเราซื้อไอแพดโปรรุ่นใหม่ล่าสุดมาได้ในราคาเพียง 10,000 บาท เราก็อาจจะพูดว่า What a steal! ก็คือ โห ทำไมถึงได้มาถูกอย่างนี้ ทั้งนี้ ในกรณีนี้ อีกคำที่ใช้ได้เหมือนกันก็คือคำว่า bargain ซึ่งไม่ได้หมายความว่า ต่อรองราคา ได้เพียงอย่างเดียว แต่ยังหมายถึง ของที่ได้มาในราคาถูก อีกด้วย เช่น That was a real bargain! ก็คือ ซื้อมาได้ราคานี้คือถูกเว่อร์
แต่ถ้าเราไม่ได้ต้องการเน้นความถูกหรือคุ้มค่า แต่อยากเน้นว่าสิ่งที่ไปแย่งชิงหรือคุ้ยจากกองมาได้นี้มันช่างดีงามพระรามแปดราวกับเพชรในตม แบบนี้เราก็อาจจะใช้คำว่า find แบบที่เป็นคำนาม เช่น เพื่อเราไปคุ้ยกองหนังสือลดราคามาแล้วได้หนังสือหายากที่ปัจจุบันเลิกตีพิมพ์ไปแล้วมาได้ แบบนี้เราก็อาจจะบอกว่า What a great find! ก็คือ ได้ของดีมานะเนี่ย
บรรณานุกรม
American Heritage Dictionary of the English Language
Ayto, John. Oxford Dictionary of English Idioms. OUP: Oxford, 2009.
Brenner, Gail. Webster’s New World American Idiom Handbook. Wiley Publishing: Indianapolis, 2003.
Cambridge Advanced Learners’ Dictionary
Elizabeth, Mary. Barron’s American Slang Dictionary and Thesaurus. Barron’s Education Series: New York, 2009.
Gulland, Daphne M., and Hinds-Howell, David. The Penguin Dictionary of English Idiom. Penguin Books: London, 2002.
Longman Dictionary of Contemporary English
Longman Idioms Dictionary. Pearson: Essex, 2010.
Merriam-Webster Dictionary
Oxford Advanced Learners’ Dictionary
Oxford Idioms Dictionary for Learners of English. OUP: New York, 2006.
Shorter Oxford English Dictionary
Tags: เทศกาลลดราคา, ช้อปปิ้ง