มันเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินของศิลปินที่คุณจะต้องพูดออกมา ลาฟ ดิอาซ (Lav Diaz) ผู้กำกับในตำนานชาวฟิลิปปินส์ พูดถึงหนังเรื่องนี้ เขาเล่าว่าตอนนั้นกำลังเขียนบทหนังแกงค์สเตอร์อยู่ และที่จริงเขาวางแผนจะถ่ายหนังอีกเรื่องหนึ่ง แต่หลังจากประธานาธิบดีดูเตอร์เตขึ้นรับตำแหน่งในฟิลิปปินส์ เปลี่ยนประเทศไปสู่สงครามยาเสพติด เปิดพื้นที่ให้ความรุนแรงสำหรับอนุรักษ์นิยมในการกำจัดสิ่งที่พวกเขาเห็นว่าเป็นกากเดนสังคม ลาฟก็รู้สึกอย่างแรงกล้าว่าเขาต้องทำหนังเรื่องนี้ มันเป็นความจำเป็นสำหรับเขาที่ศิลปิน นักดนตรี กวี นักเขียน จะต้องพูดออกมา และนี่คือเรื่องของหนังเรื่องนี้

เรื่องเล่าถูกย้อนกลับไปในขวบปีอันยากเข็ญใต้กฏอัยการศึกของประธานาธิบดีมาร์กอส ในโลกข้างนอกนั้นเจ้าหน้าที่รัฐไล่ฆ่าผู้คนตามหมู่บ้านแปะป้ายว่าเป็นกบฏแบ่งแยกดินแดน โลกข้างนอกนั้น เจ้าหน้าที่รัฐปล่อยข่าวว่ามีผีดูดเลือดอยู่ในป่า ชาวบ้านตายลงอย่าลึกลับเพราะภูติผีออกอาละวาด หน่วยทหารตั้งอยู่ในหมู่บ้านเผยแผ่เกียรติยศและความยิ่งใหญ่ของท่านผู้นำ ถ้าคุณไม่เห็นด้วยก็ระวังว่าจะเป็นศพต่อไปของผีดูดเลือด หรือผีม้า หรือผีนกฮูก ผีอะไรก็ตามในตำนานโบราณถูกขุดมาใช้ข่มขวัญผู้คน

ฮิวโก้เป็นกวีดาวรุ่ง เขาเขียนบทกวีต่อต้านรัฐเผด็จการอย่างงดงามและเผ็ดร้อน ขึ้นอ่านให้ผู้คนในบาร์เล็กๆ ฟังปลุกอารมณ์ฮึกเหิมในการผลักดันสังคม คนรักของเขาชื่อ ลอเรนา หล่อนยังสาว ยังสวย หล่อนเป็นหมออาสา เดินทางมายังหมู่บ้านเล็กๆ เพื่อเปิดคลินิกรักษาชาวบ้านในหมู่บ้านห่างไกล ฮิวโก้เป็นห่วงเธอเหลือเกิน แต่เขาก็ต้องให้เธอไปทำหน้าที่ของตัวเอง

ที่นั่นเธอถูกคุกคามด้วยกองกำลังทหารที่มองว่าเธออาจจะเป็นพวกคอมมิวนิสต์ เธอหายตัวไปหลายปี ฮิวโก้กลายเป็นคนหนุ่มล้มเหลว เร่ไปตามถนน เพื่อนๆ ของเขาพยายามจะกอบกู้จิตวิญญาณแตกสลายของชายที่สูญเสียคนรัก แต่ก็ไม่เป็นผล ในที่สุดเขาตัดสินใจเก็บข้าวของมาตามหาเธอในหมู่บ้าน มาเพื่อพบคลินิกที่ร้างไปแล้ว เธอไปอยู่ไหนไม่มีใครรู้ ที่นั่น เขาผูกสัมพันธ์กับหญิงบ้าที่สูญเสียลูกและสามีในเหตุประท้วงเดือนมีนาคม และปัญญาชนประจำหมู่บ้านที่มีเพียงหนังสือและปากกาเป็นอาวุธ ในโลกที่ทหารมีปืน มีอำนาจจะทำให้ใครหายไปก็ได้ ด้วยวิธีการใดก็ได้

และนี่คือหนังขาวดำยาวสี่ชั่วโมงที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง โหดร้าย ทุกข์เศร้า การสูญสิ้นตัวตนของคนทำงานศิลปะ การถูกกระทำซ้ำซ้อนของชาวบ้านธรรมดาสามัญที่ต่อสู้หรือยอมจำนนอย่างไร้ทางออก สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ลาฟทำมาตลอดในหนังของเขา นับตั้งแต่กลางยุค 90’s ที่เขาเปลี่ยนสาขาจากการเป็นนักข่าว นักเขียน มาทำหนัง อาจจะนับให้ละเอียดขึ้นว่านับตั้งแต่ 1993 ที่เขาเริ่มถ่าย Evolution of Filipino Family ซึ่งเขาทำมันจนเสร็จในอีกสิบปีต่อมา และฉายภาพยนตร์ยาว 11 ชั่วโมงเรื่องนี้ในปี 2004 ภาพยนตร์ขาวดำเล่าเรื่องชีวิตผู้คนตลอดช่วงเวลายาวนานของกฏอัยการศึก และเขาก็เล่าเรื่องเหล่านี้ ตัวละครที่ประกอบขึ้นจาก ชาวนา ผู้หญิงบ้า ศิลปิน โลกทุกข์เศร้าที่เชื่อมโยงเกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์ของประเทศ บาดแผลที่ถูกจับจ้องยาวนานจากการถ่ายทำที่แช่กล้องทิ้งฉากยาวๆ บางฉากอาจยาวถึงหนึ่งชั่วโมง ดึงดูดผู้ชมลงไปในหล่มหลุมของบาดแผลภายในของผู้คน บาดแผลของผู้ที่ถูกกระทำจากประวัติศาสตร์ หากนอกจากมันจะเป็นหนังยาวมากๆ เป็นหนังขาวดำ มันยังเป็นหนังเพลงอีกด้วย

หนังเพลงมักถูกจดจำในฐานะของหมวดภาพยนตร์แห่งสุขนาฎกรรม ความรื่นรมย์ เพราะผู้คนรื่นรมย์พวกเขาจึงร้องเพลง ลาฟทดลองเอาหนังเพลงมาเล่าเรื่องที่ไม่มีความรื่นรมย์หลงเหลือ แน่นอนว่าเขาไม่ใช่คนแรก (Dancer in The Dark ของ Lars von Trier ก็เป็นหนังเพลง) หรือบรรดาอุปรากรหรือละครเพลง (หรือแม้แต่หนังสร้างจากละครอย่าง Les Misérables) ก็ด้วย แต่เหนือไปกว่านั้น เขาไม่มีนักดนตรี  หนังเพลงของเขาเกือบทั้งหมดเป็นเพลงที่เขาแต่งขึ้นเอง หลายครั้งก็แต่งขึ้นก่อนถ่ายแล้วให้นักแสดงท่องจำคำร้องแล้วร้องเลย ไม่มีเสียงดนตรี มีเพียงเสียงร้องเปล่าเปลือยของนักแสดง ในท่วงทำนองนี้ เพลงจึงเป็นสิ่งที่ก้ำกึ่งอยู่ระหว่างเสียงเพลงกับเสียงร่ำไห้ เสียงร้องของผู้คนและเสียงครวญของสัตว์ที่เจ็บปวด

ในขณะที่ผู้คนในเรื่อง ตั้งแต่ทหาร ชาวบ้าน กวี ล้วนต่างร้องเพลงไร้ดนตรีของตน ท่านผู้นำกลับได้พูดโดยฟังไม่ได้ศัพท์ หนังฉายภาพของท่านผู้นำอย่าน่าสะพรึงกลัวในฐานะคนสองหน้า ใบหน้าด้านหน้าตามปกติ แต่ด้านหลังกลับมีใบหน้ามีใบหน้าหนึ่งงอกขึ้นมาแทนเส้นผม จนไม่ว่าจะกันไปทางไหนท่านผู้นำก็จ้องมองอยู่ ท่านผู้นำเข้ามาในจอเพื่อกล่าวถ้อยแถลงด้วยเสียงดังฟังชัดอย่างน่าสะพรึง ซึ่งเป็นเสียงที่ไม่ถูกแปล “เราจะแปลข้อความของไอ้รูทวารไปทำไมกัน” ลาฟกล่าวเมื่อถูกถามถึงการละเว้นซับไตเติลในช่วงนี้ ยิ่งไปกว่านั้นอันที่จริงสิ่งที่เขาพูดก็ไม่สามารถแปลได้ เพราะมันไม่เป็นภาษา บทในช่วงนี้ถูกเขียนจากสปีชของฮิตเลอร์ มาร์กอส และดูเตอร์เตมายำรวมกันแล้วเล่นแบบถอยหลัง ท่านผู้นำในหนังจึงเป็นนักปราศรัยที่ผู้ชมไม่ได้ฟัง แต่คนในหนังได้ฟัง เข้าใจ ซาบซึ้งและทำลายผู้อื่นจากสิ่งหนัง

เราอาจบอกว่านี่คือภาพแทนของมาร์กอส เมื่อเปรียบจากห้วงเวลาในหนัง ยุคสมัยหนึ่งใช้อธิบายถึงยุคสมัยอื่นๆได้เสมอ เพราะประวัติศาสตร์มักเล่นซ้ำตนเอง เฉกเช่นกับการที่หกตุลาสามารถทาบทับกับการสังหารหมู่กลางกรุง หรือการเปลี่ยนแปลงการปกครองสอดรับไปกับยุคสมัยเผด็จการตามแง่มุมตีความส่วนบุคคล ยุคสมัยมาร์กอสในหนังก็ถูกลดรูปให้กลายเป็นภาพโยงใยไปถึงสังคมฟิลิปปินส์ร่วมสมัย ลาฟให้สัมภาษณ์ว่าใบหน้าด้านหลังของตัวละครท่านผู้นำจำลองมาจากใบหน้าของดูเตอร์เตประธานาธิบดีคนปัจจุบันที่มีนโยบายตาต่อตาฟันต่อฟันกับคนค้ายาเสพติดทำผิดกฏหมาย โดยไม่สนใจกระบวนการยุติธรรม การที่ผู้คนยอมรับชื่นชม ปล่อยให้เขาปกครองประเทศจึงเป็นสภาวะบ้าคลั่งแบบเดียวกับยุคสมัยของมาร์กอส เป็นยุคสมัยของปีศาจนักพูด

ดังที่หลายคนรู้กันดี ภาพยนตร์ของลาฟ นอกจากจะเป็นหนังขาวดำ ยังเป็นหนังขนาดยาวถึงยาวมาก นักวิชาการภาพยนตร์บางคนเคยวิเคราะห์ว่าความยาวในแต่ละฉากตอนของลาฟ ไม่ใช่การสังเกตสังกาที่ปล่อยให้ผู้ชมรับรู้เวลาผ่านความเนิ่นยาวแต่เพียงอย่างเดียว หากฉากยาวๆ ในหนังของเขามักเป็นฉาก ‘กิจกรรม’ ฉากที่ไม่สลักสำคัญ ฉากอย่างเช่นการเดินเท้าทางไกล ทัศนียภาพตั้งนิ่งก่อนตัวละครจะปรากฏในระยะไกลแล้วเดินเชื่องช้าผ่านกล้องจนออกไปจากกล้อง ตัวละครเดินเท้า ตัวละครร่ายบทกวี ตัวละครฟูมฟายซบหน้าร้องให้กลิ้งเกลือกไปมา ตัวละครทำกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่ง (โดยมากคือการเดินเท้าและคร่ำครวญ) นี่ไม่ใช่เพียงการรับรู้เวลา หรือการสัมผัสความลำบากยากเข็ญอย่างชิดใกล้ หาดมันคือการจ้องมองบาดแผล (trauma) ของผู้คน บาดแผลของผู้คนในหนังของลาฟ ไม่ใช่เพียงบาดแผลเชิงปัจเจก เพราะหนังเกือบทั้งหมดของเขาผูกพ่วงอยู่กับช่วงเวลาเฉพาะ พื้นที่เฉพาะ บาดแผลของผู้คนในหนังของเขาคือบาดแผลของประเทศที่ปรากฏอยู่ในประวัติศาสตร์ส่วนบุคคล

ตัวละครหลักของเขามักคือผู้หญิงบ้าและศิลปิน ผู้หญิงบ้าในหนังของลาฟ เป็นภาพแทนของแผ่นดินแม่ ใน Season of the Devil หญิงบ้าคือเหยื่อของการทำลายล้างโดยรัฐ สูญเสียทุกคนในชีวิตและทำเพียงเร่ร่อนไปอย่างโดดเดี่ยวจนกระทั่งลอเรนา คนรักของกวีช่วยดูแลเธอไว้ การจ้องมองบาดแผลของเธอเจืออยู่ในการเดินเท้าไม่รู้จบ หรือในเสียงเพลงที่เล่าเรื่องของแม่อีกคนหนึ่งซึ่งประสบชะตากรรมเดียวกันกับเธอ ถูกพรากลูกและสามีไปในเหตุการณ์ปราบปรามเดือนมีนาคม (ที่หนังไม่ให้รายละเอียดมากนัก) ผู้หญิงบ้าสูญเสียมาแล้วในอดีต เร่ร่อนไปในปัจจุบันและถูกทำลายในเวลาต่อมา

แต่ใช่ว่าจะมีเฉพาะคนจนและคนบ้าที่ตกเป็นเหยื่อ นับจาก Death in the Land of Enacantos (2007) ตัวละครหนึ่งที่เขาสำรวจตรวจสอบคือปัญญาชนกระฎุมพี กวี นักดนตรี นักเขียน นักต่อสู้ นักปรัชญา ในหนังเรื่องนี้ ความทุกข์ของตัวละครเริ่มจากเรื่องเชิงปัจเจก กวีสูญเสียคนรัก สูญเสียพลังใจในการมีชีวิตอยู่ เขาออกตามหาคนรัก และพบว่าคนรักของเขาอาจจะสาบสูญไปเพราะเหตุผลทางการเมือง อย่างที่รู้กันดีการเมืองเป็นเรื่องส่วนตัวเพราะในทางใดทางหนึ่ง ชีวิตส่วนตัวของผู้คนก็ถูกกำกับด้วยการเมืองระดับใหญ่

ในหนังเรื่องนี้ กวีไม่เขียนกวีเพราะไม่มีคนรัก ต่อมาเขาพบว่า หรือบทกวีจะไม่มีอำนาจอะไรเหลืออยู่อีกต่อไปแล้ว ศิลปินไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกที่ถูกควบคุมโดยปีศาจได้หรือเปล่า การสำรวจตรวจสอบภาวะของศิลปินว่ายังมีความจำเป็นหรือไม่ มีความหมายหรือเปล่า เป็นประเด็นหลักเสมอมาในหนังของเขา ไม่ใช่เพียงเพราะไม่มีคนรัก แต่เพราะไม่มีความดีงามเหลืออยู่ในโลกนี้ ถึงกระนั้นก็ตามกวีก็ต้องทำงานของตนต่อไป งานของเขาคือการประกาศความจริงว่าเราอยู่อาศัยในยุคสมัยของปีศาจ ในหนังเรื่องนี้มีเพียงบทกวี และ ถ้อยแถลงของท่านผู้นำเท่านั้นที่ไม่ถูกใส่ท่วงทำนอง มีเพียงสิ่งซึ่งอยู่ตรงข้ามกันเท่านั้นที่ไม่ใช่เสียงคร่ำรวญ และนั่นคือพลังของกวี ของศิลปะ

หนังจบลงด้วยความจริง แต่ไม่ใช่ความหวัง กวีค้นพบว่าคนรักของเขาหายไปไหน ความจริงทำให้ผู้คนสาบสูญไป หนังเลือกจบลงตรงนี้ จบลงโดยไม่ให้คำตอบว่าความจริงจะนำไปสู่สิ่งใด ทหารพากวีไปหาคนรัก มอบปืนให้เขากระบอกหนึ่งโดยไม่อธิบายอะไรมากกว่านั้น ลาฟให้สัมภาษณ์ว่าสำหรับเขาหนังไม่ได้จบลงอย่างสิ้นหวัง หากจบลงอย่างมีความหวังเพราะความจริงคือความหวัง แม้ความจริงที่คือความสิ้นหวังก็ตาม สิ่งสำคัญจึงไม่ใช่การปฏิเสธความจริง เพื่อให้ความหวังหล่อเลี้ยงตัวเองอย่างปลอมๆ ต่อไป หากคือการเผชิญหน้ากับความจริงและเริ่มต้นจากจุดนั้น จากจุดที่เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้ จุดที่เราสูญเสียทุกอย่างไป จุดที่ระบอบอันชั่วร้ายฝังรากทุกหนแห่ง ที่จุดนั้นเราเริ่มต้น

และนี่คือถ้อยแถลงฉุกเฉินเร่งด่วนที่ศิลปินชื่อลาฟ ดิอาซ แถลงต่อสังคมฟิลิปปินส์ และแน่นอน ประวัติศาสตร์เล่นซ้ำตัวเองทุกแห่งหน หนังเรื่องนี้จึงเป็น ถ้อยแถลงฉุกเฉินต่อเราทุกคนในประเทศนี้และอีกหลายๆ ประเทศเช่นกัน

Tags: , ,