ทันทีที่เพลง SET ME FREE ดังกระหึ่มในคอนเสิร์ต ‘TWICE 5TH WORLD TOUR READY TO BE IN BANGKOK’ นั่นคือช่วงเวลาที่ TWICE วงไอดอลเกาหลีชื่อดัง กลับมาจัดโชว์ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ หลังเว้นว่างไปนานถึง 4 ปี 

ครั้งสุดท้ายที่ TWICE จัดคอนเสิร์ตในเมืองไทยคือ TWICE WORLD TOUR 2019 ‘TWICELIGHTS’ IN BANGKOK ผมยังจำได้แม่นว่า ช่วงนั้นยังไม่ได้ฟังเพลงของไอดอลเกาหลี ไม่ว่าจะวงนี้หรือวงไหนเลย แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็บังเอิญได้ฟังเพลงที่สนุกและติดหูมาก อย่าง What is Love?, Heart Shaker และ Yes or Yes จึงตัดสินใจติดตามผลงาน แล้วกลายเป็น ONCE (ชื่อเรียกแฟนคลับของวง) ทันที พร้อมอดเสียดายไม่ได้ว่าทำไมไม่รีบตามให้เร็วกว่านี้

ผมสัญญากับตัวเองว่า ถ้า TWICE กลับมาประเทศไทยเมื่อไรจะตามไปดูคอนเสิร์ตแน่นอน เพื่อสัมผัสว่า เสน่ห์ ความสง่า และความน่ารักสดใสของสาวๆ นั้นวิเศษเพียงใด 

ระหว่างที่รอคอยการกลับมา ผมก็ติดตามผลงานของ TWICE อยู่ห่างๆ คอยดูพัฒนาการของ 9 สาวเก่ง 3 สัญชาติ (เกาหลี ญี่ปุ่น และไต้หวัน) นายอน (Nayeon), จองยอน (Jeongyeon), โมโมะ (Momo), ซานะ (Sana), จีฮโย (Jihyo), มินะ (Mina), ดาฮยอน (Dahyun), แชยอง (Chaeyong) และจื่อวี (Tzuyu) เสมอ ซึ่งก็พบว่า แต่ละคนต่างเติบใหญ่อย่างน่าประทับใจเช่นกัน

กว่าจะกลายเป็นเกิร์ลกรุ๊ปที่ฮอตฮิตในระดับโลกแบบนี้ TWICE ถือว่ามาไกลมากๆ เมื่อเทียบกับตอนก่อนเดบิวต์ครั้งแรกเมื่อปี 2015 ที่ทั้ง 9 สาวเข้าร่วมรายการเรียลลิตี้โชว์ SIXTEEN ที่จัดขึ้นเพื่อเฟ้นหาไอดอลวงใหม่ของค่าย JYP โดยเฉพาะ แต่ละคนแม้จะมีศักยภาพน่าสนใจ มีพื้นฐานด้านการร้อง เต้น และมีออร่า มีเสน่ห์น่ารักน่าเอ็นดูกันอยู่แล้ว แต่ก็ยังเป็นเด็กสาว ไม่ประสีประสา และต้องเจียระไนอีกพอสมควรกว่าจะเฉิดฉายและเปล่งประกายเต็มที่

ข้อดีประการหนึ่งของ TWICE อาจอยู่ที่การได้เมมเบอร์ทุกคนที่เป็นส่วนผสมลงตัวมาตั้งแต่แรก ทุกคนต่างมีจุดเด่นจุดขายของตัวเองกันอย่างชัดเจนว่า ใครรับหน้าที่ไหนในวง กลายเป็นว่าแต่ละคนต่างช่วยเสริมเสน่ห์ซึ่งกันและกันอย่างดี

เช่น นายอนและจีฮโยเป็นสายร้องโชว์พลังเสียง โมโมะเป็นสายเต้นประจำวง ด้วยท่าทางการเคลื่อนไหวร่างกายที่ทรงพลังเกินใคร ดาฮยอนและแชยองเป็นสายแรปเปอร์ที่มีความน่ารักน่าชัง จื่อวี ผู้เป็นมักเน่หรือน้องเล็กสุดของวง เป็นสายวิชวล ผู้มาพร้อมความสวยงามและเสน่ห์ชวนสะดุดตา

แต่อย่างที่บอกไปว่า TWICE เดินทางมาไกลมาก และเส้นทางที่ผ่านมาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ถึงแม้จะมีพื้นฐานดี แต่ช่วงแรกเมมเบอร์หลายคนยังเก่งแค่ด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ครบเครื่องรอบด้าน ซึ่งมองเห็นได้ชัดเจนมากจากการแสดงสดเพลงแรกของวงอย่าง Like OOH-AHH ที่แม้จะถือเป็นการเดบิวต์อย่างน่าประทับใจ แต่ในเชิงเพอร์ฟอร์แมนซ์แล้วยังต้องปรับกันอีกเยอะ เพื่อดึงเสน่ห์ และความเป็นหนึ่งเดียวออกมาให้ได้

และเวลาของการฝึกฝนอย่างหนักก็คุ้มค่า ในช่วงเวลาไม่กี่ปี เสียงวิจารณ์ว่า TWICE ก็ค่อยๆ น้อยลง ผลงานเชิงประจักษ์คือการออกโชว์ทีไรและมีเพอร์ฟอร์แมนซ์ที่พร้อมเพรียง สวยงามขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเพลง CHEER UP, TT, KNOCK KNOCK, LIKEY และ Dance the Night Away

เมื่อพัฒนาการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จำนวนของ ONCE ที่รักและศรัทธาก็เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน จากที่ฐานแฟนคลับอาจจำกัดอยู่ในแค่เกาหลี ก็หันมาตีตลาดเพลงอันดับสองของโลกอย่างญี่ปุ่น ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูง ส่วนหนึ่งเพราะเมมเบอร์ของ TWICE อย่าง มินะ, ซานะ และโมโมะ เป็นคนญี่ปุ่นอยู่แล้ว ล่าสุดพวกเธอยังออกอัลบั้มในชื่อยูนิต MISAMO ซึ่งก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

แต่ TWICE ก็ไม่หยุดความโด่งดังแค่ในเอเชียเท่านั้น พวกเธอค่อยๆ มุ่งหน้าตีตลาดระดับโลก ช่วยส่งให้กราฟความนิยมของวงค่อยๆ พุ่งทะยาน ประจวบเหมาะกับพัฒนาการที่ก้าวกระโดด 

เริ่มจากการเปลี่ยนแนวเพลง จากที่เคยทำเพลงป็อบน่ารัก สดใส ฟังง่าย ฟังสนุก เช่น Like OOH-AHH, What is Love?, Heart Shaker, TT, LIKEY, YES or YES มาสู่เพลงที่มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ผสมผสานหลากหลายแนวเพลงไม่ว่าจะเป็น ดิสโก้, ซินธ์ป็อป, ฟังก์ และอื่นๆ อีกมากมายที่มีความเป็นสากลมากขึ้น เช่น เพลง FANCY, Feel Special, The Feels, CRY FOR ME, MORE & MORE, Alcohol-Free, SCIENTIST และ MOONLIGHT SUNRISE 

ONCE บางคนที่ติดตาม TWICE มาตั้งแต่แรกอาจไม่คุ้นชิน แต่หลายคนก็เข้าใจและปรับตัวตามได้ เพราะคนเราต้องมีพัฒนาการเป็นธรรมดา จะหยุดอยู่กับที่ตลอดไปย่อมไม่ได้ จนปัจจุบัน TWICE ทั้ง 9 คน เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สวย เก่ง แกร่ง เป็นเวอร์ชันที่ใกล้เคียงกับความสมบูรณ์แบบที่สุดไปแล้ว และไม่ว่าจะไปเล่นคอนเสิร์ตที่ประเทศไหน บัตรก็ Sold Out ทุกงาน

แม้กระทั่งการทัวร์คอนเสิร์ตในประเทศปราบเซียนอย่างสหรัฐอเมริกา เพราะหายากที่วงนอกประเทศ จะสร้างความสนใจในวงกว้างได้ แต่ TWICE ก็กลายเป็นวงเคป็อปเกิร์ลกรุ๊ปวงแรกในประวัติศาสตร์ และเป็นวงเคป็อปวงที่สอง นอกจากวง BTS ที่สามารถจัดคอนเสิร์ตในสนามกีฬาที่ใช้แข่งกีฬาใหญ่ๆ อย่างอเมริกันฟุตบอล NFL ซึ่งจุคนได้ไม่ต่ำกว่า 5-6 หมื่นคน ที่ Metlife Stadium (สนามเหย้าของทีม New York Giants และ New York Jets), SoFi Stadium (สนามเหย้าของทีม LA Rams และ LA Chargers)

ที่น่าทึ่งก็คือ คอนเสิร์ตทุกรอบ สามารถขายตั๋วหมดทุกใบ!

ความนิยมขนาดนี้ เมื่อถึงวันแรกที่เปิดขายบัตรคอนเสิร์ต TWICE ในไทย ที่อิมแพ็คอารีน่า เมืองทองธานี แน่นอนว่าเกิดปรากฏการณ์ตลาดแตก ONCE ตบตีแย่งชิงบัตรอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน แน่นอนว่าตั๋วรอบวันเสาร์ที่ 23 กันยายนก็ขายจนหมดอย่างรวดเร็ว จนต้องประกาศเพิ่มรอบวันที่ 24 กันยายนทันที ซึ่งก็ขายดีจนหมดเกลี้ยงเช่นเดิม 

สำหรับใครที่แย่งชิงตั๋วมาได้ ตลอด 2 ชั่วโมงครึ่งกับ 28 เพลง (หรือ 34 เพลงหากแยกเพลงช่วงเมดเลย์ออกมาแบบเดี่ยวๆ) ของคอนเสิร์ต TWICE 5TH WORLD TOUR READY TO BE IN BANGKOK คือคอนเสิร์ตมากคุณภาพ ที่ผมขอเรียกว่า ถ้าไม่เพอร์เฟกต์ก็ใกล้เคียงกับคำว่าเพอร์เฟกต์ที่สุด!

ตั้งแต่เพลงแรก SET ME FREE จนถึงเพลงสุดท้าย STRAWBERRY ไม่ว่าจะร้อง เต้น หรือเอนเตอร์เทนคนดู พลังของ TWICE ก็ไม่เคยตก ทุกเพลงที่นำมาโชว์ ไม่ว่าจะโชว์ทั้งกรุ๊ป หรือเป็นเพลงโซโล่ ก็สามารถขับเน้นเสน่ห์ และตรึงความน่าสนใจไว้ได้ จนไม่มี ONCE คนไหนกล้ากระพริบตา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลงโซโล่ที่เมมเบอร์แต่ละคนต่างเลือกมา ซึ่งเปิดโอกาสให้พวกเธอได้นำเสนอตัวตน นำเสนอด้านที่พบเจอได้ไม่บ่อยนักออกมาให้เห็น

เช่น แชยอง ถือโอกาสเอาเพลงที่เธอแต่งเอง My Guitar ขึ้นมาเล่น, ดาฮยอนเองที่เล่นแกรนด์เปียโนประกอบเพลง Try ของ โคลบี้ เคลเลต์ (Colbie Caillat), โมโมะ ที่โชว์เพลง Move ของ บียอนเซ (Beyoncé) พร้อมกับเต้น Pole Dance ประกอบ และจองยอน ที่เอาเพลงสนุกๆ Can’t Stop the Feeling ของ จัสติน

ทิมเบอร์เลก (Justin Timberlake) มาเล่นนอกจากนั้น ยังเซอร์ไพรส์โดยการ ‘พูดภาษาไทย’ ที่แต่ละคนพูดกันอย่างคล่องแคล่ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดาฮยอนพูดทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทยแบบน้ำไหลไฟดับ เรียกเสียงฮือฮาดังกระหึ่มจาก ONCE ทั้งอิมแพ็คอารีน่า 

ที่พิเศษกว่านั้น คอนเสิร์ตครั้งนี้ยังติดตั้งจอภาพขนาดยักษ์ ต่อให้นั่งอยู่บนยอดดอย ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพากล่องส่องทางไกล สามารถดูสาวๆ แต่ละคนได้แบบชัดเจน พร้อมกันนั้นตัวโชว์ยังแสดงแสงสีเสียงจัดเต็ม ใครเอา Candybong หรือแท่งไฟประจำวงเข้าไปด้วย จะได้เห็นไฟจากบงที่เล่นสีต่างๆ พร้อมเพรียงกันทั้งอารีน่า ถือเป็นโปรดักชันที่ปล่อยของรอบด้าน สมกับการรอคอยมานานกว่า 4 ปีของจริง

แต่ถ้าถามว่าจุดไหนที่ผมประทับใจมากที่สุดของงานนี้ คำตอบก็คือการได้เห็น TWICE ขนเอาวงแบนด์มาเล่นแบ็กอัปประกอบให้ ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าชีวิตนี้จะได้ฟังสาวๆ ร้องเพลงท่ามกลางดนตรีสด ซึ่งช่วยเพิ่มอรรถรสและยกระดับความสนุกให้แกรนด์ขึ้นหลายเท่าตัว

และจากตอนแรกคิดว่าคงเอาแบนด์มาเล่นแค่เฉพาะช่วงเพลง Feel Special, CRY FOR ME, FANCY และ The Feels เท่านั้น ที่ไหนได้ หลังจากนั้น TWICE ก็ยังใช้บริการของวงแบนด์เล่นสดจนจบงาน การได้ฟังเพลงป็อปหลายเพลงที่ถูกนำมามิกซ์ใหม่ให้กลายเป็นเพลงร็อกขึ้น เป็นอีกรสชาติที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนจากวง จนอยากให้มิกซ์เพลงเวอร์ชันนี้ปล่อยให้ฟังทางสตรีมมิงจริงๆ ถือเป็นไฮไลต์เด่นที่ทำให้คอนเสิร์ตนี้ Feel Special ของจริง

น่าเสียดายที่ผมไม่ได้ดูคอนเสิร์ตรอบวันอาทิตย์ด้วย แต่เข้าใจเลยว่าทำไม ‘ชาวต่างชาติ’ หลายคนถึงต้องมาตามดู WORLD TOUR นี้ซ้ำรอบสอง เพราะนี่คือโชว์ที่อัดแน่นไปด้วยโมเมนต์น่าประทับใจจริงๆ แต่เพียงแค่นี้ก็ทำให้ผมนอนตายตาหลับได้แล้ว

หลังจบคอนเสิร์ตครั้งนี้ ไม่มีใครรู้ว่า TWICE จะกลับมาเยือนไทยอีกครั้งเมื่อไร แม้ในคอนเสิร์ต สาวๆ จะให้คำมั่นสัญญาว่าจะกลับมาอีกไม่นานเกินรอ แต่ไม่ว่าจะต้องรออีกนานแค่ไหน ONCE ชาวไทยอย่างผมก็พร้อมจะรอเสมอ และเชื่อว่าโชว์ครั้งนี้ที่ว่าสุดยอดแล้ว แต่โชว์ต่อไปที่พวกเธอสร้างสรรค์ จะต้องโดดเด่นและ Special ยิ่งกว่าแน่นอน 

ซึ่งจากที่เช็กฟีดแบ็กจาก ONCE จำนวนมาก หลายคนพูดตรงกันว่า ถ้าครั้งหน้าไปจัดคอนเสิร์ตที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน โชว์ที่ออกมาจะต้องตระการตาและยิ่งใหญ่ไม่แพ้โปรดักชันที่ขนไปเล่นไกลถึงสหรัฐฯ เลยทีเดียว

วันนั้นจะมาถึงเมื่อไร และสิ่งที่คาดการณ์จะเป็นจริงหรือไม่ ONCE ชาวไทยทุกคนจะรอคอย TWICE อย่างใจจดใจจ่อแน่นอน

Tags: ,