“나는 할 수 있다!!”
“ฉันทำได้!!”
เสียงของเด็กสาววัย 18 ปีคนหนึ่งที่ตะโกนบนสะพานข้ามแม่น้ำฮัน (Han River) ในกลางดึกคืนหนึ่งของปี 2007 เพื่อปลุกขวัญกำลังใจให้กับตัวเอง เธอคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นลีดเดอร์วง Girls’ Generation อย่าง แทยอน (TAEYEON) ที่เพิ่งเดบิวต์มาหมาดๆ
แทยอนเริ่มเส้นทางการเป็นศิลปินจากเกิร์ลกรุ๊ปที่มีผลงานประจักษ์หลากหลายผลงาน ไม่ว่าจะเป็น Into The New World (2007), Gee (2009), Oh! (2010) และ The Boys (2012) รวมทั้งยังเฉิดฉายร่วมกับสมาชิกบนเวทีคอนเสิร์ตทั่วทวีปเอเชีย และมีรางวัลใหญ่การันตีความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็น Song of the Year, Album of the Year และ Artist of the Year จากหลายเวที เช่น Gaon Chart Music Awards, Golden Disc Awards ตลอดช่วงปี 2008-2016

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง แทยอนยังเก็บเกี่ยวประสบการณ์การเป็นนักร้อง และได้ร้องเพลงประกอบละคร (OST) อีกหลายเรื่อง เช่น If (2008) จากเรื่อง Hong Gil-Dong (2008), Can You Hear Me? (2008) จากเรื่อง Beethoven Virus (2008) และ I Love You (2010) จากเรื่อง Athena (2010) จนได้รับฉายา Queen of OST ตามมาภายหลัง
หลายครั้งหลายหนมักมีการพูดทำนองว่า ระยะเวลาของไอดอลนั้นอยู่ไม่นาน โดยเฉพาะกับไอดอลหญิง เมื่อวงยืนระยะมาได้ประมาณ 7 ปี ความสนใจของสังคมก็เริ่มหันไปหาไอดอลหน้าใหม่ที่มีความสดใหม่มากกว่า
แต่กรณีของแทยอนไม่เป็นเช่นนั้น เธอเลือกหนทางการเดบิวต์เป็นศิลปินเดี่ยวในปี 2015 กับเพลง I (2015) ที่สร้างปรากฏการณ์ดังพลุแตก และพาเธอคว้ารางวัล Best Female Artist จากเวที 2015 Mnet Music Awards (MAMA) ได้สำเร็จ
แทยอนยังคงสานต่อความสำเร็จนั้นในปีต่อๆ มากับการปล่อยทั้งมินิอัลบั้ม อัลบั้มเต็ม และคอนเสิร์ตมากมาย เช่น ในปี 2016 ลีดเดอร์ของ Girls’ Generation ได้เป็นศิลปินคนแรกที่เปิดโปรเจกต์ ‘SM Station’ กับการปล่อยซิงเกิล Rain (2016) ตามมาด้วยการปล่อย Why – The 2nd Mini Album ในช่วงฤดูร้อนของเกาหลี ก่อนจะส่งท้ายปีด้วยอีกหนึ่งซิงเกิล Ballad อย่าง 11:11 (2016) ทำให้เธอสามารถคว้ารางวัล Best Female Artist จากเวที Mnet Music Awards (MAMA) ปีที่ 2 ติดต่อกันได้สำเร็จ
ทั้งนี้รางวัลใหญ่สูงสุดที่แทยอนสามารถทำได้ คือการคว้ารางวัล Song of the Year (Digital Daesang) จากเวที Seoul Music Awards ครั้งที่ 29 ในปี 2020 กับซิงเกิลดังของเธออย่าง Four Seasons (2019) ทำให้แทยอนกลายเป็นศิลปินหญิงคนที่ 3 ที่สามารถคว้ารางวัลนี้มาได้ต่อจาก โบอา (BoA) และไอยู (IU)

ในปีนี้เอง แทยอนยังคงสร้างสถิติต่อเนื่องให้เหล่าโซวอน (ชื่อทางการของแฟนคลับ Girls’ Generation) ได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับ The Tense คอนเสิร์ตเอเชียครั้งที่ 5 ของเธอที่ความพิเศษคือเป็นการทัวร์คอนเสิร์ตฉลองครบรอบการเดบิวต์เดี่ยว 10 ปี โดยที่นครไทเป แทยอนจัดคอนเสิร์ตครั้งนี้ขึ้นที่สนาม Taipei Dome ซึ่งเป็นสนามกีฬาในร่มที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวัน ความจุกว่า 4 หมื่นที่นั่ง ทำให้เธอสร้างประวัติศาสตร์เป็น ‘ศิลปินต่างชาติคนแรก’ ที่จัดคอนเสิร์ตที่สนามกีฬาแห่งนี้
และเพื่อเป็นการปิดท้ายปีแห่งการฉลองครบรอบ 10 ปีการเดบิวต์เป็นศิลปินเดี่ยวของเธอ แทยอนยังปล่อยอัลบั้มพิเศษอย่าง ‘Panorama : The Best of TAEYEON’ ออกมาเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2025 โดยอัลบั้มนี้เป็นการรวบรวมเพลงเก่าหลากหลายแนวที่แทยอนปล่อยตลอดทศวรรษที่ผ่านมา
อัลบั้มพิเศษนี้มีการวางอาร์ตไดเรกชันให้สื่อสาร ‘ความเป็นแทยอน’ ออกมาได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งการใช้สีม่วงอันเป็นที่รักของแทยอน รวมถึงการใช้สัญญะของ ‘ผีเสื้อ’ ซึ่งเป็นสัตว์ที่เคยปรากฏออกมาในผลงานของแทยอนหลายต่อหลายครั้ง รวมทั้งเป็นส่วนสำคัญในลายเซ็นของเธอเองด้วยเช่นกัน
สำหรับเพลงไตเติลของอัลบั้มนี้มาในชื่อ Panorama (2025) เป็นเพลงสไตล์ป็อปร็อก (Pop Rock) ซึ่งเป็นแนวทางที่ถนัดของแทยอน โดยเธอให้สัมภาษณ์กับนิตรสาร Clash Magazine ว่า “ฉันอยากได้เพลงที่สะท้อนตัวตนของฉันในตอนนี้ และเพื่อตอบแทนอย่างจริงใจให้กับแฟนๆ การครบรอบ 10 ปีนั้นเป็นอะไรที่มีความหมายมากๆ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นฉันเลยรู้สึกว่า เพลงนี้จะต้องเปี่ยมอารมณ์จริงๆ แต่ต้องไม่รู้สึกหนักจนเกินไป ฉันเลยอยากเติมความหวังเล็กๆ ลงไปด้วยในเพลงนี้”

สำหรับในส่วนของเนื้อหาของ Panorama เป็นการถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกเกี่ยวกับการบอกลาช่วงเวลาในอดีตและทักทายการมาของวันข้างหน้า เปรียบเสมือนการมองย้อนกลับไปในเส้นทางดนตรีของแทยอน พร้อมกันนั้นยังชวนให้เหล่าโซวอนตั้งตารอคอยถึงอนาคตที่จะเกิดขึ้น
한 걸음씩 계속 걸어가
소리 높여 외치는 Goodbye
모든 걸 뒤로 한 그때
펼쳐져 내 앞에 다
전부 새롭게
(ก้าวไปทีละก้าว
ตะโกนคำว่าลาก่อนดังขึ้นมา
ตอนที่ฉันทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง
สิ่งต่างๆ ที่เปิดออกตรงหน้าฉัน
ล้วนเป็นสิ่งใหม่ทั้งหมด)
ด้านงานมิวสิกวิดีโอของเพลง Panorama เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวแบบ Road Movie ที่เส้นเรื่องเป็นตัวของแทยอนที่สูญเสียความทรงจำ จนกระทั่งได้พบใครอีกคนหนึ่งที่หน้าตาคล้ายกับเธอ และออกเดินทางไปสู่จุดหมายร่วมกัน ซึ่งในเวลาต่อมาแทยอนเฉลยกับแฟนคลับว่า ‘เด็กสาว’ อีกคนนั้นก็คือ ‘ตัวแทนของโซวอน’ นั่นเอง
ในมุมมองของผู้เขียนเองยังรู้สึกว่า การถ่ายมิวสิกวิดีโอของเพลง Panorama ยังเป็นการหย่อน Easter Egg ชวนให้นึกย้อนกลับไปในมิวสิกวิดีโอของเพลง I ซึ่งเป็นเพลงเดบิวต์ศิลปินเดี่ยวของแทยอนที่เลือกใช้แนวทางนี้ รวมถึงมี 2 ตัวละครนำหญิงในเรื่องราวเช่นเดียวกัน
อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจคือ แม้ว่าแทยอนจะเดบิวต์มาแล้ว 10 ปี แต่อัลบั้มชุดพิเศษนี้ของแทยอนนับเป็นครั้งแรกที่ SM Entertainment ค่ายต้นสังกัดเลือกปล่อยคุณภาพของไฟล์เพลงมาเป็นแบบ Dolby Atmos (เฉพาะเพลง Panorama) ต่างจากศิลปินรายอื่นในสังกัดที่ต่างได้ใช้เทคโนโลยีมานานแล้วกว่า 2-3 ปี
นอกจากนั้นแล้วในอัลบั้มใหม่นี้ของแทยอน เธอยังได้ คิม จงวาน (Kim Jongwan) นักร้องนำจากวง NELL มารีมิกซ์เพลง Time Lapse (2017) จากอัลบั้ม My Voice – The 1st Album ใหม่ เพื่อนำเสนอในอัลบั้มฉลองครบ 10 ปีของเธอด้วยเช่นกัน
แทยอนบอกว่า ในเวอร์ชันใหม่ของ Time Lapse (2025 Mix) จะเน้นความสำคัญไปที่ ‘เสียงร้อง’ ของเธอมากขึ้น ต่างจากเวอร์ชันก่อนหน้าที่เพลงจะแวดล้อมไปด้วยเสียงของเครื่องดนตรี (Instrumental) ทำให้เวอร์ชันใหม่ที่ได้ มีเซนส์ของความใกล้ชิดที่มากขึ้น

นอกจาก Panorama และ Time Lapse (2025 Mix) แทยอนยังเลือกอีก 22 เพลงมาสเตอร์พีซของเธอมาในอัลบั้มนี้ด้วย ดังนี้
– Letter to Myself จากมินิอัลบั้ม Letter to Myself – The 6th Mini Album (2024)
– Fine จากอัลบั้ม My Voice – The 1st Album (2017)
– INVU จากอัลบั้ม INVU – The 3rd Album (2022)
– Spark จากอัลบั้ม Purpose – The 2nd Album (2019)
– Set Myself On Fire จากอัลบั้ม INVU – The 3rd Album (2022)
– Some Nights จากอัลบั้ม INVU – The 3rd Album (2022)
– Make Me Love You จากอัลบั้ม My Voice – The 1st Album (Deluxe Edition) (2017)
– I (Solo Version) จากมินิอัลบั้ม I – The 1st Mini Album (2015)
– Why จากมินิอัลบั้ม Why – The 2nd Mini Album (2016)
– Weekend จากซิงเกิลเมื่อปี 2021
– To. X จากมินิอัลบั้ม To. X – The 5th Mini Album (2023)
– What Do I Call You จากมินิอัลบั้ม What Do I Call you – The 4th Mini Album (2020)
– Four Seasons จากซิงเกิลเมื่อปี 2019
– All For Nothing จากมินิอัลบั้ม To. X – The 5th Mini Album (2023)
– I’m all ears จากอัลบั้มพิเศษ This Christmas – Winter is Coming (2017)
– 11:11 จากซิงเกิลเมื่อปี 2016
– Rain จากซิงเกิลเมื่อปี 2016
– Gravity จากอัลบั้ม Purpose – The 2nd Album (2019)
– Disaster จากมินิอัลบั้ม Letter to Myself – The 6th Mini Album (2024)
– U R จากมินิอัลบั้ม I – The 1st Mini Album (2015)
– Ending Credits จากอัลบั้ม INVU – The 3rd Album (2022)
“สำหรับการครบรอบ 10 ปี ฉันอยากย้อนมองทุกอย่างที่ฉันได้แบ่งปันกับแฟนๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา การกลับไปดูผลงานเก่าๆ ทำให้รู้สึกคิดถึง แต่ฉันก็หวังว่างานใหม่ของฉันจะช่วยปลุกความคาดหวังถึงสิ่งที่จะตามมาเช่นกัน
“อย่างที่เคยทำเสมอมา คือการใส่หัวใจทั้งหมดลงไปในอัลบั้มนี้ และยังเตรียมของพิเศษบางอย่างให้แฟนๆ เพื่อเป็นการตอบแทนด้วย สิ่งเหล่านี้ทำให้ทั้งกระบวนการทำงานมีความหมายยิ่งขึ้นไปอีก” ศิลปินหญิงคนนี้บอก

การกลับมาครั้งนี้ของแทยอนในรอบ 1 ปีเศษหลังจากคัมแบ็กล่าสุดในมินิอัลบั้ม Letter to Myself – The 6th Mini Album (2024) นับเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปีได้อย่างสวยงาม เชื่อว่าแฟนๆ หลายคนสามารถมองเห็นความสำเร็จ การเติบโต และเรื่องราวที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลา 1 ทศวรรษที่ผ่านมาได้อย่างดีเยี่ยมผ่านอัลบั้มชุดพิเศษนี้
หลังจากนี้เราคงต้องจับตาดู 1 ทศวรรษหลังจากนี้ว่า เส้นทางทางดนตรีแทยอนจะนำมาซึ่งเรื่องราวและความสนุกน่าตื่นเต้นอย่างไร แต่ต้องขอบอกไว้เลยว่า 10 ปีที่ผ่านมาแทยอนยังคงเป็นนักร้องที่สมฉายา ‘Trust & Listen’ และผลงานที่ผ่านมาของเธอก็เป็นหลักฐานชั้นเยี่ยมที่บอกกับเด็กสาวบนสะพานข้ามแม่น้ำฮันได้อย่างภาคภูมิใจว่า
“You did it”
“เธอทำสำเร็จแล้ว”
อ้างอิง
– https://www.clashmusic.com/features/full-grown-panorama-taeyeon-interviewed/
Tags: SMTrue, Panorama, Panorama_TheBestofTAEYEON, Kpop, นักร้อง, Girls' Generation, แทยอน, SM Entertainment, TAEYEON, อัลบั้ม






