‘สวัสดีค่ะ ฉันชเวจินรีค่ะ’
การแนะนำตัวอย่างเรียบง่าย พร้อมรอยยิ้มที่คุ้นเคยในความทรงจำของใครหลายคน ชเว จินรี หรือซอลลี่ (Sulli) ศิลปินไอดอลสาวชาวเกาหลีใต้ ผู้มีฉายาว่าลูกพีชอันสดใส เธอกลับมาอีกครั้งกลับผลงานชิ้นสุดท้ายอย่าง Persona: Sulli (2023) สารคดีสัมภาษณ์ที่จะสะท้อนแนวคิดและทัศนคติของเธอ โดยเฉพาะในตอนที่ชื่อ ‘Dear Jinri’
อันที่จริง Persona: Sulli ต้องมีทั้งหมด 5 ตอน ตามแผนการถ่ายทำในช่วง 4 ปีก่อน แต่ทุกอย่างต้องหยุดชะงักลง เนื่องการจากไปอย่างกะทันหันของศิลปินสาวในปี 2019 ทำให้ จอง ยุนซอก (Yoon-suk Jung) ผู้กำกับของเรื่อง จึงต้องปรับเปลี่ยนการถ่ายทำโดยแบ่งเป็น 2 ตอนแทน โดยในตอนแรกจะใช้ชื่อว่า ‘Clean Island’ เป็นหนังสั้น 30 นาที กำกับโดย ฮวัง ซูอา (Soo-ah Hwang) และคิม จีฮเย (Ji-hye Kim) ส่วนอีกตอนคือ ‘Dear Jinri’ กำกับโดย จอง ยุนซอก สารคดีเกี่ยวกับซอลลี่อย่างละเอียด ความยาวเกือบ 2 ชั่วโมง
ซึ่งในตอน ‘Dear Jinri’ ผลงานชิ้นสุดท้ายของซอลลี่ เป็นการสัมภาษณ์ที่เธอได้เผยเรื่องราว ผสมผสานกับบทเพลง Dorothy (도로) ผลงานของเธอเอง เนื่องจาก จอง ยุนซอกมองว่า เสียงเพลงและภาพวาดประกอบเช่นนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งที่เข้ามาช่วยทำให้สารคดีมีมิติมากยิ่งขึ้น
สำหรับเรื่องราวของ ซอลลี่ เธอเป็นศิลปินและนักแสดงสาวชาวเกาหลีใต้ ผู้เข้าวงการตั้งแต่วัยเยาว์ เปิดตัวในวงการบันเทิงด้วยการร่วมแสดงในละคร Ballad of Seodong (2005 ) ผ่านทางช่อง SBS ด้วยวัยเพียง 11 ปี ก่อนที่ออดิชันเข้ามาเป็นศิลปินฝึกหัดของ SM Entertainment และได้เดบิวต์เป็นไอดอลน้องเล็กในฐานะสมาชิก f(x) วงเกิร์ลกรุ๊ปในปี 2009 และด้วยภาพลักษณ์อันแสนสดใสและร่าเริง เธอจึงมักถูกเปรียบราวกับลูกพีชที่สดใส สวยงาม และน่ารัก
ต่อมาเธอได้ตัดสินใจถอนตัวออกจากวงในปี 2015 ท่ามกลางกระแสด้านลบ และข่าวลือมากมายเกี่ยวกับตัวเธอ พร้อมทั้งการแบกรับคำวิจารณ์จากความไม่พอใจของชาวเน็ตเกาหลี หรือ ‘เนติเซน’ (Netizen) ไม่ว่าเธอจะขยับตัวทำอะไรก็มักมีการว่าร้ายถึงตัวเธอเสมอ
ในบทสัมภาษณ์ซอลลี่เผยว่า บางการกระทำเธอคิดอยู่แล้วว่าจะมีการวิพากษ์วิจารณ์ แต่เหตุผลที่เธอยังตัดสินใจพูดหรือลงมือทำต่อ เป็นเพราะเธอคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำไม่ใช่เรื่องผิด
“ฉันเป็นคนยึดถือความเชื่อมั่นในตัวเอง ทำอย่างที่ทำ เพราะทำแล้วสบายใจ” ซอลลี่กล่าว
ช่วงกลางปี 2019 ซอลลี่ได้ฝากผลงานเพลงอัลบั้มชุดแรกและชุดเดียวอย่าง ‘Goblin’ โดยมีเพลงในอัลบั้มทั้งหมด 3 เพลง คือ Goblin, On the Moon และ Dorothy ซึ่งผลงานอัลบั้มชุดนี้ เธอมีส่วนในการร่วมในการแต่งเนื้อร้องเองทั้งหมด ซึ่งในเพลง ‘Dorothy’ เป็นบทเพลงที่เธอแต่งขึ้นจากห้วงฝัน
ซอลลี่เล่าว่า เธอมักจะฝันถึงสถานที่เดิมๆ อยู่บ่อยครั้งจนจำผังของเมืองได้ ในความฝันมีคุณยายและเพื่อนคนหนึ่งที่ได้พบเจอกันบ่อย ได้พูดคุยกัน และดูเหมือนว่าสถานที่เหล่านั้นจะมีอยู่จริงที่ไหนสักแห่งบนโลกของเรา จึงถ่ายทอดเรื่องราวการเดินทางที่เปรียบดังการผจญภัยในความฝันผ่านเนื้อร้องในเชิงดนตรี
ในส่วนนี้จึงทำให้ผู้เขียนประทับใจในการนำเพลง Dorothy มาเป็นธีมเรื่องในการเล่าสอดประสานกับบทสัมภาษณ์ วิดีโอเบื้องหลังการทำงาน หรือวิดีโอส่วนตัวของซอลลี่ และยังมีการนำภาพวาด ในรูปแบบต่างๆ มาถ่ายทอดเรื่องราวร่วม เพราะทำให้หวนคิดถึงซอลลี่ ทั้งในการทำงานหรือบทบาทในฐานะศิลปินตลอดเวลาที่ผ่านมา
ผู้เขียนอยากชวนผู้อ่านผจญภัยไปกับซอลลี่และโดโรธี เรื่องราวต่อไปนี้มีเนื้อหาบางส่วนที่ถูกหยิบยกขึ้นมาจากสารคดี เพื่อชวนให้ขบคิดถึงมุมมองของซอลลี่ที่มีต่อการทำงาน การเป็นมนุษย์ และหญิงสาวท่ามกลางสปอตไลต์ ที่เต็มไปด้วยความหวัง ความฝัน และการเรียนรู้ ผ่านสารคดีตอน ‘Dear Jinri’
“ใจกลางพายุหมุน อากาศมักหยุดนิ่ง โดยรอบเงียบสนิท ได้ยินเสียงลมหวีดหวิว
“โดโรธีหลับตาและเข้าสู่ห้วงนิทราโดยพลัน”
ในช่วงต้นของบทสัมภาษณ์ ซอลลี่เล่าถึงเรื่องราวผู้คนที่มักพูดถึงความสวยของเธอว่าเป็นเหมือนดาบสองคมที่ติดตัวมาตลอด
“เธอเกิดมาสวย แค่นั่งเฉยๆ คนก็ชอบเธอ… (นิ่งคิด)… ฉันเกลียดที่ตัวเองสวยอยู่บ่อยครั้ง มันเป็นคำชมที่ฉันมักตั้งคำถามว่า ในเวลาที่คนพูดถึงฉันแบบนั้น เขาคิดอะไรอยู่ แล้วฉันควรจะต้องทำยังไงกับความสวยนี้ ฉันมักจะคิดเยอะขึ้นหลังจากที่ได้ยิน” ซอลลี่เล่า
เธออธิบายไปพร้อมกับการนึกคิด ชวนให้เราตั้งคำถาม ถึงคำว่า ‘สวย’ ไปด้วย เพราะในบางครั้งคงมีใครหลายๆ คนโดนกล่าวคำชื่นชมประเภทเดียวกัน และคงทำตัวไม่ถูก เพราะคำว่า ‘สวย’ ก็คงแตกต่างกันไปตามประสบการณ์ของแต่ละคน
ตัดให้เห็นการเว้นจังหวะก่อนตอบคำถามของซอลลี่ ชวนให้คนดูอึดอัด ในขณะที่เล่าเรื่องซอลลี่มักจะหยุดคิด เว้นระยะไปสักพักก่อนจะตอบ ถึงแม้การตัดต่อจะชวนให้ดูอึดอัด แต่สำหรับผู้เขียนมันกลับทำให้เราได้เห็นถึงความจริง (Realistic) ของบทสัมภาษณ์นี้ ที่ผู้กำกับใส่รายละเอียดของกิริยาท่าทาง จนทำให้คนดูเห็นว่าเธอรู้สึกนึกคิดอย่างไรกับประเด็นดังกล่าว
Chapter 1 ถนนอิฐสีเหลือง: การเดินทางเริ่มขึ้นแล้ว
‘ฉันเริ่มตัดสินใจทำหลายอย่างโดยที่ไม่มีแม่ ในวัย 20 ปี’ ซอลลี่เริ่มเผยประเด็นที่ติดอยู่ในใจอีกเรื่องของเธอออกมา อย่างการต้องดิ้นรนต่อสู้กับอนาคตของตัวเองที่ยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจน
“อนาคตหรอ อืมฉันไม่แน่ใจเรื่องอนาคตเลย”
“ในอนาคต ฉันอยากมีชีวิตที่ดี สุขภาพแข็งแรง พร้อมจิตใจที่เข้มแข็ง”
“หรือฉันจะหายตัวไปได้ไหมนะ”
“ไม่ค่ะ”
มุมกล้องในตอนนี้ Close Up ให้คนดูได้เห็นใบหน้าของซอลลี่ชัดเจน จนเห็นแววตากำลังนึกคิดอย่างไร้จุดหมาย ถึงตัวเธอในอนาคต การเว้นช่วงเดดแอร์ (Dead Air) ตอนที่เธอกำลังเหม่อลอยชวนให้คนดูอึดอัดและลุ้นไปกับคำตอบ สุดท้ายเธอก็ไม่ได้ตอบอะไรเพิ่มเติม
การตัดสินใจออกเดินทางด้วยตัวเองครั้งนี้ของซอลลี่ ต้องพบกับการเผชิญหน้าหลายๆ สิ่ง เธอไม่สามารถรู้ได้ว่าจะเจอกับอะไร แต่เมื่อการเดินทางเริ่มขึ้นแล้ว การไปต่อคือสิ่งที่เธอต้องทำ
Chapter 2 เมืองมรกต: พบพ่อมดแห่งออซผู้ยิ่งใหญ่ และการเผชิญหน้า
ภายใต้การแข่งขันที่แสนกดดันของวงการบันเทิงเคป็อป ซอลลี่เผยผ่านการสัมภาษณ์ว่า เธอก็เป็นหนึ่งในวงจรการผลิตสินค้าของอุตสาหกรรมนี้
“การเป็นไอดอลเคป็อป เลวร้ายที่สุด”
“คนทั่วไปไม่คิดว่า ดาราก็เป็นคนนะ”
“เธอคือสินค้า เธอต้องเป็นสินค้าพรีเมี่ยม
คุณภาพชั้นเลิศที่สุดให้กับสาธารณชน
นั่นแหละที่เธอต้องเป็น”
ซอลลี่เล่าไปพร้อมกับพูดว่า “หัวร้อน” เมื่อนึกถึงเรื่องระบบการทำงานของไอดอล เธอมักจะได้ยินคนพูดเช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง ในช่วงที่เธอเข้าสู่วงการบันเทิงใหม่ๆ คนทั่วไปมักมองว่าดารา ศิลปิน หรือไอดอล ไม่ใช่คน พวกเขาเหล่านี้ถูกมองว่าเป็นสินค้าต้องมีภาพลักษณ์ การแสดงออก ให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มแฟนคลับ เพราะกลัวว่ามูลค่าจะตก
ซอลลี่ยังเสริมว่า “ศิลปินไอดอลควรมีสหภาพแรงงาน ควรมีการคุ้มครองสิทธิแรงงาน”ภายใต้วงการอุตสาหกรรมบันเทิงของเกาหลีที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ศิลปินไอดอล ต้องแบกรับภาระงานที่หนักหน่วง ไม่ว่าจะเป็นการทำงานเกินเวลา การแบกรับความกดดันจากการแข่งขันในสายงานเดียวกัน หรือแบกรับความคาดหวังของแฟนคลับ
แม้ปัจจุบัน เวลาการทำงานตามกฎหมายของศิลปินไอดอล จะถูกลดเพดานชั่วโมงลงไม่เกิน สัปดาห์ละ 35 ชั่วโมง โดยศิลปินเด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี ทำงานไม่เกิน 25 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และศิลปินอายุระหว่าง 12-15 ปี ทำงานไม่เกิน 30 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
เวลาการทำงานจริงในสายงานของอาชีพนี้ ไม่ได้มีเวลาตายตัวอย่างคนทั่วไป เพราะนอกจากการทำงานตามตารางที่พบปะผู้คน ยังมีการทำงานเพื่อเตรียมโปรโมต ที่ต้องมีการตื่นเช้าหรือนอนดึกเพื่ออัดรายการ รวมทั้ง การฝึกซ้อมที่ไม่นับว่าเป็นเวลางาน หลายครั้งมีการฝึกซ้อมจนถึงดึกและยังพ่วงไปกับค่านิยมการรักษารูปลักษณ์ที่ทำให้ชีวิตการทำงานหนักหน่วงตามไปอีก
หลายปีที่ผ่านมา มีศิลปินไอดอลหลายวงที่เริ่มออกมาพูดถึง เส้นทางการเป็นไอดอลที่เต็มไปด้วยแรงกดดัน และการแข่งขัน เช่น โมโม (MoMo) สมาชิกจากวง TWICE เคยเล่าระหว่างไลฟ์ใน V Live ของจีฮโย (Jihyo) สมาชิกวง Twice ในรายการ Jihyo’s Candy Night ว่า เธอเคยถูกสั่งให้ลดน้ำหนัก 7 กิโลกรัมใน 1 สัปดาห์ เพื่อขึ้นโชว์เคสหนึ่ง หรือ โซมี (JEON SOMI) ไอดอลสาวจากค่าย JYP Entertainment ก็เคยเล่าในรายการ ‘ร้านประจำ’ ของช่องยูทูป Tigercrychannel ว่าในช่วงเวลาที่มีการโปรโมทเพลง เธอจะได้นอนแค่วันละ 2-3 ชั่วโมง
การเป็นศิลปินไอดอล ไม่เพียงแต่ใช้แรงงาน แต่ใช้ทั้งจิตวิญญาณ พวกเขาไม่มีวันหยุด วงการไอดอลเมื่อเข้ามาแล้วย่อมต้องแลกกับหลายอย่าง หลายครั้งไอดอลหลายคนไม่มีชีวิตในวัยเด็กเพราะเข้าวงการตั้งแต่อายุยังน้อย เรียนรู้กระบวนการทำงานของผู้ใหญ่ และเติบโตเกินวัย เช่นเดียวกับซอลลี่ ที่ผู้คนมองว่าเธอเป็นผู้ใหญ่ ควรที่จะเข้าใจและแสดงออกอย่างผู้ใหญ่ แต่กลับลืมนึกไปว่า เธอก็เป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่ง
การใช้ภาพวาดสีขาวบนพื้นหลังสีดำแทนความรู้สึกของซอลลี่ โดยเบื้องหลังเป็นเสียงดนตรีอันน่าเศร้า ผู้กำกับเรียงลำดับภาพได้ดีจนชวนให้ผู้เขียนรู้สึกดำดิ่งไปกับบทสัมภาษณ์ในช่วงการเป็นไอดอลของเธอ
ในนิทานตอนที่โดโรธีพบพ่อมดแห่งออซ เธอได้บอกความต้องการของเธอว่าอยากกลับไปเมืองแคนซัส เช่นเดียวกับซอลลี่ในวันที่เผชิญหน้ากับปัญหา เธอจึงไม่ลังเลที่จะบอกเล่าและขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น แม้สุดท้ายระบบจะไม่เปลี่ยนแปลง แต่เธอยังคงหวังว่าจะมีทางออกของปัญหาเหล่านี้
Chapter 3 รองเท้าสีเงินของโดโรธี: อาวุธวิเศษที่เธอได้ครอบครอง
“เธอเกิดมาเป็นผู้หญิงสวย เธอไม่ต้องรับรู้อะไรเลยก็ได้
แค่นั่งอยู่ท่ามกลางผู้คน และเออออห่อหมกตามก็พอ เดี๋ยวคนก็ชอบเองแหละ
เพราะอะไรรู้ไหม แค่ความสวยของเธอก็เจริญหูเจริญตาแล้ว”
“หลายครั้ง ฉันเกลียดที่ตัวเองสวย”
ซอลลี่เผยว่าบางครั้ง ความสวย หรือที่ใครๆก็ชอบบอกว่าเป็นสิ่งวิเศษที่เธอได้ครอบครอง หลายครั้งมันทำให้เธออึดอัดและลำบาก เพราะคนมักมองเพียงความสวย คนมักใช้ความสวยของเธอมาจำกัดบางอย่าง เช่น ต้องวางตัวให้เหมาะสมกับใบหน้าอันสะสวย ต้องมีภาพลักษณ์แบบนั้นแบบนี้เพื่อที่ความสวยของเธอจะได้โดดเด่น ความสวยที่คนอื่นมองว่าเป็นของดี สำหรับซอลลี่บางทีมันคือสิ่งวิเศษที่เป็นดาบสองคม
แม้ว่าเธอไม่ค่อยชอบความสวยที่คนมักมองว่าเป็นสิ่งวิเศษ แต่ก็มีประโยชน์อย่างหนึ่งซึ่งเธอรู้สึกภูมิใจที่ได้มาจากความสวย นั่นคือ ‘ความมั่นใจในตัวเอง’ แม้ว่าโลกภายนอกอาจไม่ยอมรับในสิ่งที่เธอคิด แต่มันทำให้ชีวิตของเธอมีความสุขและสบายใจมากขึ้น โดยเฉพาะในประเด็นการสนับสนุนเฟมมินิสต์ ที่เธอแสดงออกมาอย่างชัดเจน
“ทุกเรื่องที่ฉันทำในโซเชียลมีเดีย ฉันทำ เพราะฉันอยากทำ ความคิดความอ่านของฉันในอดีตและการแสดงออกในปัจจุบัน สอดคล้องและคล้ายคลึงกับแนวคิดสนับสนุนเฟมมินิสต์”เธอเล่า
นอกจากนี้ ซอลลี่ได้รับบทบาทเป็น พิธีกรหลัก ในรายการ The Night of Hate Comments ปี 2019 รายการวาไรตี้ช่อง JTBC2 เป็นรายการที่เชิญเหล่าคนดังมาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับความเห็นมุ่งร้ายที่พวกเขาเผชิญบนโลกออกไลน์ในประเด็นต่างๆ
หลายครั้งที่ซอลลี่ได้พูดถึงและยอมรับว่าตนเองเป็นเฟมมินิสต์ภายใต้แรงกดดันของสังคมเกาหลีที่ยังมีค่านิยมชายเป็นใหญ่ และในการแสดงออกอย่างมีอิสระของซอลลี่หลายครั้งก็สร้างแรงกระเพื่อมถึงการนิยามคำว่าเฟมมินิสต์ม ไม่ว่าจะเป็นการโนบราในพื้นโซเชียลมีเดียส่วนตัว การแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา และการทำตามที่ใจต้องการ
Chapter 4 พ่อมดแห่งออซ: บทบาทในฐานะนักแสดง ศิลปินไอดอล และบทบาทของการใส่หน้ากากความเข้มแข็ง
“ฉันคิดว่าการแสดงเป็นเรื่องจริงจัง
ฉันใช้วิธีการเข้าใจความรู้สึกของตัวละคร
เอาใจเขามาใส่ใจเรา”
ซอลลี่ได้พูดถึงตัวละครที่เธอเคยได้รับในหลายบทบาท หลายตัวละคร พอมองย้อนกลับไปแล้ว บทบาทการแสดงที่เธอมักจะได้รับ คือตัวละครแบบเกิร์ลครัช (Girl Crush) สาวสวยสุดคูลที่ใครๆก็ตกหลุมรัก
ซอลลี่เริ่มต้นก้าวแรกในการเติบโต จากสังคมใหญ่ สังคมของวงการบันเทิง เธอเริ่มเข้าวงการด้วยบทบาทของการแสดง จากนั้นต่อด้วยบทบาทของไอดอล จึงทำให้หลากหลายบทบาทที่เธอได้รับ บางครั้งก็ทำให้เธอสับสน
“ตอนที่อยู่ต่อหน้าผู้คนฉันใส่หน้ากากของความเก่ง หน้ากากที่ทำเป็นเก่ง อย่างไม่ไหวบอกไหว”
หลายครั้งที่เธอรู้สึกอายเวลาที่ต้องเผยความอ่อนแอให้คนอื่นได้เห็น แต่สุดท้ายพอสามารถที่จะยอมรับความอ่อนแอของตัวเองได้ ก็เหมือนตัวเองจะแข็งแกร่งขึ้น แม้หน้ากากใบนี้ถูกทำลายลงแต่หัวใจกับแข็งแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
และในตอนนั้นเอง โดโรธี ก็เริ่มเหาะไปบนฟ้า ด้วยความเร็ว เธอได้ยินเพียงเสียงลมที่เฉียดหู
Chapter 5 เมืองแคนซัส: การกลับบ้าน การบรรลุจุดประสงค์ และการได้หยุดพัก
เราเดินทางมาไกลจากจุดเริ่มต้น เดินทางพร้อมกับบทสัมภาษณ์ของซอลลี่ถึงตรงนี้ เธอไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม ไม่ได้กล่าวถึงการเริ่มต้น การไปต่อ หรือการจบสัมภาษณ์ เธอปล่อยให้เวลาแห่งคำถามจบลง พร้อมด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
“ ฉันในปี 2008 ใช้ชีวิตโดยไม่เชื่อว่า ตัวเองจะอายุ 20 ฉันจำเวลานั้นได้
“ฉันในปัจจุบันไม่เชื่อว่าตัวเองจะอายุ 30 แต่เผลอแป๊บเดียว เดี๋ยวก็ 30 แล้ว”
โดโรธี เดินทางผจญภัยมานานมากแล้วจริงๆ บทสัมภาษณ์เจาะลึกชิ้นนี้ ทำให้เราได้เห็นมุมมองของซอลลี่ในด้านต่างๆ ได้เห็นความคิดอันเป็นอิสระ ได้นึกทบทวนความเป็นตัวเองไปพร้อมกัน ในขณะเดียวกันได้เห็นภาพสะท้อนของการทำงานภายใต้การแข่งขัน และความกดดันของวงการบันเทิงเคป็อป มีหลายสิ่งที่ซอลลี่ได้ทิ้งท้ายเอาไว้ให้คนได้คิดตาม
ผลงานชิ้นนี้สำหรับผู้เขียนแล้วเป็นมากกว่าการได้เห็นมุมมองต่างๆ ก็คงเป็นความคิดถึงที่มีให้กับซอลลี่ เมื่อบทเพลง Dorothy เริ่มต้นขึ้น ภาพจำที่มีต่อซอลลี่ก็ผุดขึ้นในหัว ซีรี่ย์ที่เธอแสดง เพลงที่เธอร้อง คอนเสิร์ตที่เธอขึ้นสิ่งเหล่านี้กลับมาฉายชัดอีกครั้งในความทรงจำ นานมากแล้วจริงๆ ที่เราไม่ได้พบกัน แต่ความทรงจำที่มีต่อเธอก็ยังคงไม่หาย รวมถึงแหนคลับหลายคนก็คงมีความรู้สึกคล้ายกัน
ในส่วนของการกำกับเองผู้เขียนมองว่า สารคดีเรื่องนี้ทำให้เราเห็นซอลลี่ในด้านที่เราไม่เคยเห็น และได้เห็นในด้านที่อยู่ในความทรงจำ การสอดประสานวัตถุดิบทั้งภาพ เสียง เพลงและวีดีโอเป็นไปอย่างกลมกล่อม ในบางช่วงทำให้เรารู้สึกดำดิ่งจนไม่อาจห้ามน้ำตาได้ ในขณะที่บางช่วงก็เต็มไปด้วยความคิดถึง และเสี้ยวแห่งความสุข รอยยิ้มของซอลลี่แม้จะน้อยนิดในสารคดีนี้ แต่ก็ฝังแน่นอยู่ในความทรงจำของหลายคนไปอีกนาน
“เมื่อคุณตายไปแล้ว นั่นแหละคนทั้งโลกจะหันมารักคุณ”
การจากไปของซอลลี่สร้างแรงกระเพื่อมไว้ได้ไม่น้อย มีหลายคนที่ตระหนักถึงการบุลลี่ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย การใช้ถ้อยคำทำร้ายคนอื่น ถึงแม้แรงกระเพื่อมนี้อาจไม่ใหญ่จนสามารถเปลี่ยนความคิดของทุกคนในสังคมได้ แต่ซอลลี่ได้กระตุ้นให้ผู้คนตระหนักถึงการกระทำอันโหดร้ายของตน
สารคดีชิ้นนี้ สะท้อนให้เห็นตัวตนของซอลี่ในหลากหลายด้าน ทั้งด้านที่เราเคยเห็น หรือด้านที่ซอลลี่ปิดเงียบ และซ่อนมันเอาไว้โดยตลอด ได้เห็นเด็กสาวคนหนึ่ง ที่ทุ่มเทให้กับการเดินทางตามความฝัน ทุ่มเทกับการทำงานในวงการไอดอลที่เต็มไปด้วยความกดดัน รวมถึงสะท้อนความเจ็บปวดและบาดแผลที่ได้รับจากการเป็นตัวของตัวเอง
แม้ว่าท้ายที่สุดเราจะไม่ได้เห็นว่าโดโรธีใช้ชีวิตอย่างไรในเมืองแคนซัส แต่คงมีคนมากมายปราถนาให้เธอ มีความสุขในทุกๆวัน ได้ใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองต้องการ ได้ทำตามความฝัน และได้ผจญภัยอย่างมีอิสระตามใจตัวเธอเอง
Tags: Screen and Sound, Persona: Sull, Dear Jinri, ซอลลี่, สารคดีสัมภาษณ์ซอลลี่