การใช้ชีวิตอยู่ในโลกทุนนิยมมาพร้อมความกดดันหลายอย่าง หากคุณไม่มีเงินก็ยากที่จะมีคุณภาพชีวิตดีๆ ดังนั้น คุณจะถูกบีบให้ต้องทำทุกอย่างเพื่อเลี้ยงดูตัวเองให้ได้ แถมยังต้องวางแผนเกษียณเพื่อการอยู่รอดในอนาคตอย่างปลอดภัย และคุณจะรู้สึกกดดันตัวเองมากว่า จะต้องเติบโตในหน้าที่การงานเพื่อรับเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
แต่เมื่อไรที่คุณหยุดนิ่งอยู่กับที่ หรือเลือกที่จะสโลว์ไลฟ์ โลกทุนนิยมก็จะแปะป้าย ‘ผู้แพ้’ ทำให้รู้สึกผิดทันที ด้วยการบังคับให้คุณมองเห็นคนอื่นที่อยู่บนเส้นทางเดียวกันหนีไปไกลขึ้น จนยากจะไล่ตามทัน คุณจะเริ่มเกิดปัญหาสุขภาพใจ เกิดความทุกข์มากขึ้นว่าทำงานเท่าไรก็ไม่ดีพอจนลงเอยด้วยการเบิร์นเอาต์ หมดกำลังใจที่จะสู้ต่อไป หรือกระทั่งหมดอารมณ์ที่จะเก็บเกี่ยวความสุขแม้เพียงเล็กๆ น้อยๆ ให้จิตใจกระชุ่มกระชวย
ท่ามกลางชีวิตที่ทุกอย่างถาโถมด้วยความเร็วและแรง เวลา 2 ชั่วโมงของภาพยนตร์สัญชาติญี่ปุ่นเรื่อง PERFECT DAYS ผลงานการกำกับของ วิม เวนเดอร์ส (Wim Wemders) ผู้กำกับหนังคลาสสิกระดับปรมาจารย์หลายเรื่อง เช่น Paris, Texas (1984) และ Wings of Desire (1987) ถือเป็นโอเอซิสชั้นดีที่ช่วยเติมความสุข เป็นที่พักกายใจให้คนดูหยุดพักและขบคิดถึงชีวิตว่า เรากำลังมาถูกทางแล้วหรือเปล่า จำเป็นหรือไม่ที่เราจะต้องดั้นด้นวิ่งไขว่คว้าหาความสุขที่ไกลเกินตัว ทั้งที่จริงแล้วสิ่งนั้นอาจอยู่ใกล้แค่เอื้อม
เวนเดอร์สพาคนดูไปตามติดชีวิตประจำวันอันเรียบง่ายของ ฮิรายาม่า (รับบทโดยนักแสดงหนุ่มใหญ่ โคจิ ยาคุโช ผู้ชอบสวมบทบาทคนโฉด แต่ตัวจริงเป็นคนน่ารักจิตใจดีงาม) พนักงานทำความสะอาดส้วมสาธารณะ ในเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบอย่างโตเกียว
ในขณะที่คนทั่วไปตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุก แต่สิ่งที่จะปลุกเขาจากภวังค์ คือเสียงคนกวาดถนนด้านนอกบ้าน ทุกเช้าตรู่หนุ่มใหญ่ผู้มีจิตใจเบิกบานจะยิ้มแย้มแจ่มใสให้กับตัวเองและท้องฟ้า ก่อนขับรถออกไปทำงานล้างห้องน้ำสาธารณะตามที่ได้รับมอบหมายประมาณ 3-4 แห่งต่อวัน
งานทำความสะอาดอาจไม่ใช่งานที่น่าพิสมัยในสายตาคนทั่วไป ไม่เพียงต้องทำงานกับสิ่งปฏิกูล แต่ยังต้องใช้แรงกายไม่น้อยกว่าจะปัดกวาดเช็ดถูทุกซอกมุมจนเสร็จ อย่างไรก็ตาม ฮิรายาม่ากลับไม่เคยบ่น ไม่เคยเบื่อ และตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่ของตัวเองอย่างแข็งขัน
เมื่อถึงเวลาพักกินข้าวเที่ยง เขาจะกินแซนด์วิชและดื่มนมในสวนสาธารณะพร้อมจับจ้องความสวยงามของธรรมชาติ เขามักจะเก็บต้นไม้อ่อนต้นเล็กๆ ไปเพาะเลี้ยงต่อที่ห้องพัก และยังชอบนำกล้องฟิล์มถ่ายภาพร่มเงาของต้นไม้ใบหญ้าเก็บไว้เป็นที่ระลึกเสมอ แม้จะมีอยู่ไม่กี่ภาพเท่านั้นที่ดูสวยงามตามที่เขาต้องการ
หลังจากนั้น เมื่อเสร็จงานเขาจะแวะไปอาบน้ำในโรงอาบน้ำสาธารณะ ผลัดเปลี่ยนไปรับประทานอาหารร้านประจำ 2-3 ร้าน ได้พบเจอพูดคุยกับมิตรสหายที่ยิ้มแย้มแจ่มใสซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในวัยเดียวกัน บางครั้งเขาจะแวะซื้อหนังสือหรือแวะชมอะไรที่น่าสนใจ ก่อนจะกลับมานอนหลับอย่างอิ่มเอม
เพื่อจะตื่นเช้ามาเจอกับวิถีชีวิตแบบเดิม ซ้ำไปซ้ำมา แทบเรียกได้ว่าเขาถอดแบบวิถีชีวิตมาจากเพลง Perfect Day ของ ลู รีด (Lou Reed) เพลงที่เขาชื่นชอบและฟังบ่อยอย่างชัดเจน
“Just a perfect day
Problems all left alone
Weekenders on our own
It’s such fun”
อาจดูเหมือนชีวิตประจำวันของฮิรายาม่าน่าเบื่อสิ้นดี แต่จริงๆ แล้วชีวิตของเขาก็ไม่ได้เจอวันที่ ‘เพอร์เฟกต์’ เหมือนชื่อเรื่องและชื่อเพลงเสมอไป เพราะทุกวันจะต้องมีอุปสรรคเล็กบ้างใหญ่บ้างให้เขาต้องข้ามผ่านเสมอ
เช่น การทำงานกับเพื่อนร่วมงานรุ่นหลานที่มัวแต่สนใจการจีบสาวมากกว่าการทำความสะอาด การเจอเด็กหลงอยู่ในส้วม การที่อยู่ๆ หลานสาวของเขาก็มาขอพักด้วยเพราะมีปัญหากับที่บ้าน และอื่นๆ อีกมากมาย การทำงานนี้พาให้เขาพบเจอกับคนร้อยพ่อพันแม่ คนที่ทั้งปฏิบัติดีต่อเขา และคนที่มองเขาอย่างดูถูกเหยียดหยาม
หากเป็นคนปกติทั่วไปอาจรู้สึกแย่ หรือน้อยเนื้อต่ำใจจากการโดนปฏิบัติไม่ดีใส่ แต่แทนที่ฮิรายาม่าจะหัวเสีย เขากลับสามารถสลัดเรื่องเครียดๆ ออกไปจากหัว แล้วเดินหน้าต่อด้วยรอยยิ้มได้ทันที ยิ่งเรื่องราวดำเนินต่อไปก็ยิ่งทำให้คนดูลุ้นว่า ในแต่ละวันเขาจะก้าวข้ามผ่านอุปสรรคไปได้อย่างไรโดยไม่ให้จิตใจขมุกขมัว พร้อมกันนั้นเอง คนดูจะได้ตั้งคำถามด้วยว่า หากต้องอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน จะมีปฏิกิริยาเช่นไร
PERFECT DAYS พาคนดูไปสำรวจชีวิตของคนตัวเล็กๆ ในสังคม ท่ามกลางความเรียบง่าย แต่ตัวหนังแฝงไว้ด้วยความ Exotic หรือ Spectacle ไปอีกแบบ เป็นภาพที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว กับการที่หนังส่วนใหญ่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนังบล็อกบัสเตอร์ฟอร์มยักษ์มักจะพยายามฉายภาพแฟนตาซีที่ไม่น่าเชื่อ ขายสิ่งที่เป็นปาฏิหาริย์เกินจริงเพื่อพาคนดูหลบหนีโลกแห่งความเป็นจริงอันโหดร้าย ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะทำได้ตามเป้าเสมอไป
เวนเดอร์สเคยให้สัมภาษณ์ว่า PERFECT DAYS ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังญี่ปุ่นสุดคลาสสิกหลายเรื่อง เช่น หนังในตำนานของผู้กำกับ ยาสุจิโร่ โอสุ (Yasujirō Ozu) เช่น Tokyo Story (1953) และ An Autumn Afternoon (1962) ที่ล้วนจับจ้องชีวิตของคนตัวเล็กๆ ในสังคม และเรื่องหลังนี้เองที่เขานำชื่อตัวละครฮิรายาม่ามาใช้เป็นชื่อตัวเอกของ PERFECT DAYS ด้วย
ความเรียบง่ายในการใช้ชีวิตของตัวละครใน PERFECT DAYS ยังชวนให้นึกถึง Jeanne Dielman, 23 quai du Commerce, 1080 Bruxelles (1975) หนังฝรั่งเศสที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดในโลก จากการจัดอันดับทั่วโลกของนักวิจารณ์ในนิตยสาร Sight & Sounds เมื่อปี 2022 หนังจับจ้องไปที่ชีวิตของ ฌอง ดีลมาน กับการปฏิบัติหน้าที่แม่บ้านอันแสนน่าเบื่อหน่าย ทั้งต้องทำกับข้าว ซักผ้า ดูแลบ้าน รวมถึงการแบ่งภาคมาทำงานโสเภณี คอยปลดเปลื้องอารมณ์ของหนุ่มทั้งหลายด้วย
แต่ยิ่งคนดูตามติดชีวิตของดีลมานกลับพบว่า ในแต่ละวันจะมีอุปสรรคแทรกซ้อนหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ จนเธอไม่สามารถทำทุกอย่างได้ตามที่วางแผนไว้
สิ่งที่ทำให้ PERFECT DAYS แตกต่างจาก Jeanne Dielman อยู่ตรงที่แม้ฮิรายาม่ามีวันแย่ๆ เหมือนกัน แต่เขาไม่เคยน็อตหลุด เขาปลดปล่อยความเครียดในวันเก่าแล้วเริ่มต้นวันใหม่ด้วยรอยยิ้มได้อย่างน่าทึ่ง ในขณะที่ตัวเอกจากหนังฝรั่งเศส พอทุกอย่างบีบคั้นมากขึ้นเรื่อยๆ กลับนำเธอไปสู่โศกนาฏกรรมที่ไม่มีใครคาดคิด
การจ้องมองดูชีวิตของฮิรายาม่าอาจดูเป็นเรื่องที่น่ารื่นรมย์ แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดคำถามว่า ทำไมเขาถึงตัดสินใจใช้ชีวิตในทางสายนี้ได้ ความจริงแล้วตลอดทั้งเรื่องมีการใส่รายละเอียดเข้ามาอยู่เรื่อยๆ จนพอจะคาดเดาได้ว่าฮิรายาม่าน่าจะไม่ใช่ตาลุงแก่ๆ จนๆ ตามปกติ แต่เขาอาจมีฐานะดี เติบโตมามีต้นทุนทางชีวิตที่สูงกว่าใครตั้งแต่แรก
แต่ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า เพราะเหตุใดเขาถึงตัดสินใจทิ้งทุกอย่างเพื่อมาทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาด อย่างไรก็ตาม เราอาจตีความได้จากการที่หนังเลือกใช้เพลง Perfect Days ของรีดเป็นเพลงประกอบ เพราะเนื้อหาในเพลงนี้บ่งชี้ถึงโทษภัยของการใช้ชีวิตสุดฮาร์ดคอร์ที่ตัวของ รีดในสมัยยังหนุ่มแน่นใช้ชีวิตค่อนข้างโลดโผนโจนทะยาน กินเหล้าเมายาค่อนข้างหนัก (หากใครเคยดู Trainspotting ของผู้กำกับ แดนนี่ บอยล์ (Danny Boyle) ก็น่าจะคุ้นกับเพลงนี้อย่างดีเหมือนกัน เพราะเนื้อหาของเพลงสอดคล้องกับเหล่าตัวละครขี้ยาในหนังเรื่องได้อย่างลงตัว)
ก่อนที่มีอายุอานามมากขึ้น รีดจะค่อยๆ หันมาดูแลสุขภาพใช้ชีวิตช้าลงกว่าเดิม การเอาเพลงนี้มาใช้จึงน่าจะพออุปมาได้ว่า ตัวละครฮิรายาม่าน่าจะผ่านการใช้ชีวิตมาอย่างโชกโชนไม่ต่างกันจนสุดท้ายเขาก็เข้าใจสัจธรรม และตัดสินใจเปลี่ยนมาเดินทางในสายที่โฉ่งฉ่างน้อยลง แต่เติมเต็มทางจิตวิญญาณมากขึ้น
ในโลกทุนนิยมอันโหดร้าย การหยุดไขว่คว้าความสำเร็จกลางทางอาจทำให้คุณกลายเป็นผู้แพ้ แต่ PERFECT DAYS แสดงให้เห็นว่า โลกนี้ยังมีอีกเส้นทางหนึ่งเปิดกว้างเสมอต่อให้คุณจะถูกมองด้านลบในสายตาคนทั้งโลก แต่การที่คุณมีชีวิตอยู่อย่างสุขกายและสบายใจต่างหาก ถือเป็นชัยชนะอย่างแท้จริง
Tags: Screen and Sound, Japanese movie, perfect days, Wim Wnders