“ฉันไม่ใช่ฮีโรแบบที่เธออยากให้ฉันเป็น”
ว่ากันว่าภูมิหลังส่วนใหญ่ของเหล่าซูเปอร์ฮีโรล้วนเต็มไปด้วยดราม่า ความผิดหวัง ความสูญเสีย และความเจ็บปวด ประกอบกับส่วนผสมส่วนตัวภายในจิตใจที่เป็นคนดีมีคุณธรรม ทำให้พวกเขาออกมาช่วยเหลือผู้คนที่ไม่รู้จักเพราะรู้ว่าความเจ็บปวดจากการสูญเสียมันหนักหนาสาหัสแค่ไหน เพื่อที่ว่าคนอื่นๆ จะได้ไม่ต้องเผชิญชะตากรรมแบบเดียวกับที่พวกเขาเคยเจอมา
เจสซิก้า โจนส์ (Jessica Jones) ฮีโรในย่านเฮลส์คิตเชน นิวยอร์ก ของจักรวาลของ MCU ก็เคยพบเจอกับประสบการณ์ชีวิตแสนเจ็บปวดเหมือนกับฮีโรอีกหลายคน หลายคนเรียกเธอว่าฮีโร แต่บางคนก็ไม่กล้าพูดเต็มปากว่าผู้หญิงคนนี้คือผู้ผดุงความยุติธรรม ขจัดเหล่าร้าย อภิบาลคนดี เพราะบุคลิกภายนอกกับลักษณะนิสัยที่คล้ายจะเป็นพวกแอนตี้ฮีโร ปากจัด ไม่เป็นมิตร ขี้เมา ซกมก และเห็นแก่เงิน แต่เมื่อลงลึกในรายละเอียด ทำความรู้จักถึงชีวิตและตัวตนของเธอ เราจึงพบว่าผู้หญิงคนนี้มีชีวิตที่แสนเศร้าจากการตกเป็นเหยื่อความรุนแรงทางเพศ และเหตุการณ์เลวร้ายในอดีตได้กลายเป็นส่วนสำคัญทำให้เธอคอยช่วยเหลือผู้คน
เดิมทีตัวละคร เจสซิก้า โจนส์ ปรากฏตัวขึ้นครั้งแรกในคอมิกส์ เธอมีบทบาทเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับ ปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ หรือสไปเดอร์แมนเพื่อนบ้านที่แสนดี ก่อนประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนกลายเป็นคนพลังเหนือมนุษย์ กระโดดได้ไกลและมีแรงมหาศาล ต่อมาเธอปรากฏตัวอีกครั้งในคอมิกส์ที่ชื่อว่า ‘เอเลียส’ วางแผนในเดือนพฤศจิกายน 2011 ในบทบาทฮีโรสาวนามว่า ‘จีเวล’ และเป็นหนึ่งในสมาชิกของ Young Avenger ก่อนภายหลังจะวางมือมาทำงานเป็นนักสืบเอกชนแทน
ทั้งหมดที่ว่ามาคือเรื่องราวคร่าวๆ ของเจสซิก้าในโลกคอมิกส์ ที่พอเธอกลายเป็นตัวละครที่มีชีวิตในซีรีส์ Jessica Jones เจสซิก้าก็จะไม่ค่อยมีความเหมือนกันเวอร์ชันต้นฉบับเสียเท่าไร เพราะเรื่องราวในซีรีส์จะเริ่มต้นขึ้นจากการที่เจสซิก้าถูกจ้างให้ทำคดีคนหาย ก่อนจะพบว่าคดีนี้เกี่ยวข้องกับอดีตดำมืดที่ไม่น่าจดจำของตัวเอง ก่อนที่คดีคนหายจะกลายเป็นคดีฆาตกรรม เมื่อเหยื่อที่เจสซิก้าตามตัวกลับมาคืนสู่อ้อมอกพ่อแม่ลงมือสังหารบุพการีของตัวเองตามคำสั่งของผู้มีพลังพิเศษที่สามารถสั่งให้ใครทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ
วิถีฮีโรของเธออาจเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการจากคดีนี้ก็เป็นได้… เพราะขณะที่ซูเปอร์ฮีโรแนวหน้าอย่างกลุ่ม Avengers กำลังช่วยโลกทั้งใบ โลกที่วุ่นวายนี้ก็คล้ายจะบีบให้มนุษย์แทบไม่สนอะไรเลยอย่าง เจสซิก้า โจนส์ ต้องกลายมาเป็นฮีโรอย่างเสียไม่ได้
“ใครๆ ต่างก็ทำเรื่องแย่ๆ ฉันก็แค่ไม่ต้องไปยุ่งด้วยก็พอ”
นี่คือประโยคแรกๆ ที่เธอพูดเมื่อซีรีส์เริ่มต้นขึ้น
“ซูเปอร์ฮีโรควรจะช่วยคนไม่ใช่เหรอ กัปตันอเมริกาไม่มีทางทำแบบนี้หรอก”
เจสซิก้าถูกเด็กสาวคนหนึ่งต่อว่าระหว่างพาเธอกลับบ้าน
“ฉันไม่เคยอยากจะเป็นฮีโร”
เจสซิก้าพูดประโยคนี้ซ้ำๆ กับทุกคนที่ทั้งเรียกและแดกดันเธอว่าเป็นฮีโร
“มนุษย์ห่วยแตก ไม่ควรช่วยพวกแม่งเลย”
ประโยคนี้ถึงเอ่ยขึ้นหลังเธอช่วยคนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แม้เจสซิก้าจะเคยพูดถึงมนุษย์ในด้านแย่ๆ บ่นความห่วยของผู้คน ยืนยันว่าตัวเองไม่ใช่ฮีโร แต่สุดท้ายถ้าเห็นว่าใครกำลังมีปัญหา เธอก็อดไม่ได้ที่จะต้องเข้าไปช่วยทุกครั้งไป
*บทความหลังจากนี้มีการเปิดเผยเนื้อเรื่องทั้งสามซีซัน
ภูมิหลังแสนเศร้าของฮีโร เด็กสาวที่ถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจ
เซ็กซ์ ความรุนแรง การล่วงละเมิดทางเพศ การทารุณกรรม การกักขังหน่วงเหนี่ยว เฟมินิสต์ ความหลากหลายทางเพศ และปิตาธิปไตย ทั้งหมดที่ว่ามาถูกเล่าอย่างแยบคายและโจ่งแจ้งในเวลาเดียวกัน จนทำให้ Jessica Jones กลายเป็นหนึ่งในซีรีส์ฮีโรจากค่าย Marvel ที่หลายคนไม่แนะนำให้เด็กดู เพราะจะมีทั้งฉากเซ็กซ์แบบถึงเครื่อง ความรุนแรงทางเพศ การใช้สารเสพติด เรื่องราวสะเทือนใจ เหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกหดหู่ ที่ไม่ว่าใครได้ดูแล้วก็อดรู้สึกข่มปร่าไม่ได้
ก่อนที่เจสซิก้าจะกลายเป็นคนไร้มนุษยสัมพันธ์ บูดบึ้ง มีอารมณ์รุนแรง ติดแอลกอฮอล์ขั้นหนักและต้องรับบทเป็นฮีโร เธอก็เป็นเด็กสาวคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตปกติธรรมดา เป็นมนุษย์เงินเดือนที่ทำงานไม่ตรงกับความถนัดหรือความสามารถเฉพาะตัวของตัวเอง สนิทสนมกับ ‘ทริซ เวิร์คเกอร์’ พี่สาวบุญธรรมที่เป็นดาราดัง ชีวิตของเจสซิก้ากับพี่สาวเหมือนกับคู่พี่น้องอื่นๆ ในสังคม ที่ดูมุมไหนก็เห็นว่าชีวิตของเธอไม่ได้ฉูดฉาดผิดแปลกจากคนอื่นเลยแม้แต่น้อย
ความเป็นเด็กสาวธรรมดาหมายถึงตัวตนและจิตใจของเธอ แต่สิ่งที่พิเศษกว่าคนอื่นๆ คือพลังวิเศษที่ได้มาหลังอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่พรากชีวิตครอบครัวของเธอไป หลังเกิดอุบัติเหตุเธอฟื้นขึ้นมาพร้อมกับพลังกายเหนือมนุษย์ เจสซิก้าสามารถกระโดดได้ไกลกว่าคนทั่วไป เธอมีแรงมหาศาลถึงขั้นยกรถยนต์ทั้งคัน ดึงเชือกที่รั้งลิฟต์ขนของที่กำลังจะตกได้ด้วยมือเดียว และมักใช้พลังพิเศษปกป้องพี่สาวจากแม่ที่ชอบทุบตี หรือผู้ชายที่เข้ามาลวนลามคุกคาม จนทำให้ทริซบอกกับน้องสาวว่าตนไม่ควรเป็นคนเดียวที่ได้รับการดูแลจากเจสซิก้า ในเมื่อเธอสามารถช่วยผู้คนที่เดือดร้อนได้ แล้วทำไมถึงมีแค่ทริซที่ได้รับสิทธิพิเศษนี้
สุดท้ายเจสซิก้าทำตามคำแนะนำของพี่สาว กลางวันเป็นมนุษย์เงินเดือนเบื่อโลก กลางคืนเป็นฮีโรช่วยโลก ก่อนที่ชีวิตของเธอจะเปลี่ยนไปตลอดกาลจากการได้พบกับ คิลเกรฟ (Kilgrave) หรือ ‘Purple Man’ ชายชาวอังกฤษที่มีความสามารถพิเศษอย่างการควบคุมฟีโรโมนในร่างกายมนุษย์ ทำให้คนอื่นต้องทำทุกอย่างตามที่เขาสั่ง เช่น เวลาที่คิลเกรฟไม่พอใจ เขาสั่งให้คนอื่นปั่นมือตัวเองกับเครื่องปั่นน้ำแข็ง กระโดดจากดาดฟ้า ถลกหนังหน้าตัวเอง สั่งให้ตำรวจยิงเพื่อนตัวเอง สั่งให้สายตรวจบุกบ้านผู้บริสุทธิ์แล้วรัดคอจนขาดอากาศหายใจ สั่งให้เด็กยิงพ่อแม่ตัวเอง หรือสั่งให้คนที่กำลังรับบทเป็นฮีโรอย่างเจสซิก้าต้องอยู่กับเขาตลอดเวลา
เจสซิก้าหายตัวไปนานนับปี ระหว่างที่ไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปไหน เจสซิก้าเหมือนกับตกนรกทั้งเป็น คิลเกรฟสั่งอะไรเธอต้องทำตาม สั่งให้เป็นบอดี้การ์ด คอยเอาอกเอาใจ ต้องแต่งหน้าแต่งตัวตามที่เขาชอบ สั่งให้ทำร้ายคนอื่น ฆ่าคน หรือมีเซ็กซ์กับเขา เจสซิก้าต้องทำตามสั่งทุกอย่างแม้กระทั่งการยิ้มให้กับคิลเกรฟ แม้ใจเธอจะไม่อยากยิ้มให้ชายที่ล่วงละเมิดและกักขังหน่วงเหนี่ยวตัวเอง สุดท้ายเธอก็ต้องยิ้มตามคำสั่งนั้น
คิลเกรฟตัดขาดเจสซิก้าออกจากสังคมเดิม ไม่ให้เธอมีเพื่อน ไม่ให้พบพี่สาว ทำให้ทั้งชีวิตของเธอต้องอยู่กับเขาตลอดเวลา เขาจะพร่ำบอกกับเธอเสมอว่าที่ทำไปทั้งหมดเพราะรัก สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องวิเศษมากที่คนพิเศษอย่างเขากับเธอกลายเป็นคู่รักกัน เมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญอย่างวันครบรอบ 1 เดือนที่ลักพาตัวเจสซิก้าหรือเด็กสาวคนอื่นๆ มา เขาจะซื้อของขวัญ ชุดชั้นในราคาแพง ชุดราตรีแบรนด์ดัง พร้อมกับจองภัตตาคารเพื่อกินดินเนอร์สุดหรูกับเหยื่อ พยายามทำทุกอย่างให้กลายเป็นเรื่องโรแมนติก โดยที่ไม่เคยถามถึงความต้องการของเจสซิก้าเลยสักครั้งว่าเธอคิดอย่างไร
การฝืนใจเป็นเรื่องเจ็บปวดที่ถ้าไม่เผชิญเองกับตัวคงไม่สามารถเข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง แม้ซีรีส์จะไม่ได้เผยให้เห็นช่วงเวลาที่เจสซิก้าติดอยู่กับคิลเกรฟแบบหมดเปลือก แต่กรณีเดียวกันนี้ถูกเผยให้เห็นกับเหยื่อคนอื่นๆ เช่น ‘โฮป’ เด็กสาวที่หายตัวไปซึ่งเป็นคดีเปิดตัวในซีซันแรก เจสซิก้าตามตัวเธอจนเจอและพยายามช่วยเธอออกมา เด็กสาวพูดโต้ตอบได้ตามปกติ แต่กลับนอนนิ่งติดเตียงลุกไปไหนไม่ได้เพราะคิลเกรฟสั่งไม่ให้ลุก แม้สภาพของเธอตอนนั้นจะดูไม่ได้ ฉี่ราด ร้องไห้ หิวข้าวจะเป็นจะตาย เธอก็ต้องนอนนิ่งทำตามคำสั่งอย่างเลี่ยงไม่ได้ สิ่งที่เจสซิก้าเจอมาก็ไม่ต่างอะไรกับโฮปและเหยื่อคนอื่นๆ ที่เป็นเหมือนของเล่นมีชีวิตของคิลเกรฟ
ด้วยเหตุและผลบางอย่างทำให้เจสซิก้าสามารถหนีออกมาจากการควบคุมของคิลเกรฟได้ แต่เด็กสาวที่เคยมีรอยยิ้มสดใส มีความกวนประสาทเวลาอยู่กับพี่สาว เด็กสาวที่บ่นอุบว่างานออฟฟิศมันโคตรจะน่าเบื่อแต่ก็ยังคงมีชีวิตชีวา แปรเปลี่ยนไปผู้หญิงบูดบึ้ง ตีตัวออกหากจากพี่สาว แทบไม่เอาสังคมอีกต่อไป
แม้เหตุการณ์ทารุณจิตใจจะจบลงแล้ว แต่เรื่องราวไม่น่าจดจำยังคงตกตะกอนอยู่ในหัวเจสซิก้า เธอไม่สามารถหลับสนิทได้อีกต่อไป เอาแต่ฝันเรื่องเดิมๆ ว่ามีคิลเกรฟอยู่ใกล้ๆ คอยคุกคาม คอยล่วงละเมิด และเพื่อให้ตัวเองสามารถนอนหลับได้โดยไม่นึกถึงสิ่งเลวร้ายที่เผชิญมา เธอจึงดื่มหนัก ดื่มทุกวัน ดื่มตลอดเวลา จนกลายเป็นผู้มีอาการพิษสุราเรื้อรัง เจ็บป่วยด้วยโรคเครียด และภาวะป่วยทางจิตจากเหตุการณ์รุนแรง (Post-Traumatic Stress Disorder: PTSD) ขณะที่โลกต่างคาดหวังให้เธอต้องเป็นผู้ผดุงความยุติธรรม โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าชีวิตของเธอบอบช้ำหนักหนาและต้องการความช่วยเหลือเช่นกัน
“ครอบครัวฉันตายหมดเพราะอุบัติทางรถยนต์ มีบางคนทำการทดลองน่าขนลุกกับร่างกายของฉัน หลังจากนั้นก็ถูกไอ้ชั่วคนหนึ่งลักพาตัว ข่มขืน บังคับให้ฉันฆ่าคน แล้วตอนนี้ฉันก็อยู่ที่นี่ ตรงนี้ ยืนปาลูกบอลโง่ๆ เพื่อบำบัดอาการโกรธ แต่ก็ยังรู้สึกโกรธตลอดเวลาอยู่เหมือนเดิม”
ดังที่เธอเคยพูดสรุปเรื่องราวของตัวเองเอาไว้คร่าวๆ ว่า ชีวิตเธอแม่งโคตรจะบัดซบและไม่มีห่าอะไรดีเลย
ซีรีส์ฮีโรที่ไม่เน้นพลังฮีโร แต่เปี่ยมด้วยความเป็นมนุษย์
เรื่องราวส่วนใหญ่ใน Jessica Jones ล้วนเล่นกับจิตใจและความเป็นมนุษย์ที่แตกต่างหลากหลาย หากใครกำลังมองหาซีรีส์ซูเปอร์ฮีโรที่โชว์พลังเหนือมนุษย์ สาดความอลังการใส่กันตลอดเวลา หรือนึกถึงฉากต่อสู้ที่เต็มไปด้วยซีจี พวกเขาจะไม่เจอสิ่งที่ว่ามาในซีรีส์เรื่องนี้ เพราะเธอแทบไม่โชว์ความเหนือมนุษย์ ไม่มีเอฟเฟกต์อลังการ ไม่มีดนตรีบิวต์อารมณ์แบบยิ่งใหญ่ฮึกเหิม แต่เลือกที่จะเชิญชวนผู้ชมให้พบกับความสับสนในจิตใจ ในบรรยากาศหม่นๆ ที่เผยอีกมุมชีวิตของคนที่สังคมเรียกว่าฮีโร
ซีรีส์จะหยิบยกประเด็นความรุนแรงที่ใครๆ ก็สามารถเจอได้ ทั้ง ความโหดร้ายทารุณจากครอบครัว การเติบโตมาแบบขาดความรัก กรอบสังคมบางอย่างที่ทำให้เติบโตมาด้วยค่านิยมผิดแปลก พิษของปิตาธิปไตย การดิ้นรนต่อสู้ของสตรีในสังคมเมือง ระบบกฎหมายที่หลายครั้งก็เต็มไปด้วยช่องโหว่จนทำให้ฆาตกรออกมาชูหน้าชูตาในสังคมต่อได้ เรื่องเหล่านี้ถูกนำมาขยายความให้เห็นว่ามีเหยื่อที่เผชิญกับปัญหาที่แตกต่างพานพบกับความเจ็บปวดมากน้อยแค่ไหน วันเวลาผ่านไปบางคนอาจฟื้นคืนกลับมาได้เหมือนเก่า แต่บางคนก็ได้รับผลกระทบจนไม่มีวันหายขาดจากความเจ็บปวด
อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจของ Jessica Jones คือการเล่าความสัมพันธ์ของผู้มีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งถือเป็นเรื่องแรกๆ ของมาร์เวลที่เล่าถึง LGBTQ+ อย่างชัดเจน ทั้งเล่าผ่านทนายสาวแกร่ง หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยากรับเลี้ยงดูบุตรบุญธรรมร่วมกับแฟนหนุ่มของตัวเอง รวมถึงประเด็นที่นอกเหนือจากการเล่นกับจิตใจ กับการพาไปดูกับความอึดอัดและช่องโหว่ของกระบวนการยุติธรรม เพราะเจสซิก้ามีอาชีพเป็นนักสืบที่ต้องเล่นตามกฎกติกา งานของเธอคือการไม่ทำตัวเป็นศาลเตี้ย เพราะสังคมจะพิพากษาฮีโรที่ไม่ยอมอยู่ใต้กฎหมายว่าไม่ต่างอะไรกับพวกผู้ร้ายที่ทำตามใจตัวเอง
บางครั้งเธอรู้ดีแก่ใจว่าใครคือคนร้าย แต่ถ้ามีหลักฐานไม่เพียงพอก็ทำอะไรไม่ได้ เธอจึงต้องใช้ความสามารถด้านการสืบสวนสอบสวนลากคอคนชั่วด้วยพยานและหลักฐานที่มี เหมือนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องหาพยานหลักฐานมายืนยันในชั้นศาล แล้วค่อยให้ศาลพิพากษาการกระทำของพวกคนเลว จุดนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ผู้ชมต้องตามลุ้นว่าเจสซิก้าจะสืบคดีไปได้ถึงไหน แล้วพลังพิเศษจะกลายเป็นเรื่องรองที่มีบทบาทเพียงแค่เข้ามาช่วยซัพพอร์ตให้เธอทำงานง่ายขึ้นมากกว่าชูความเหนือมนุษย์ให้โลกได้เห็น
Jessica Jones เผยให้เห็นว่าชีวิตของฮีโรบางคนเต็มไปด้วยบาดแผล เต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมาน และความขมขื่นถึงที่สุด เช่นเดียวกับเจสซิก้าที่เคยตกเป็นเหยื่อความรุนแรง ติดเหล้า เป็นชนชั้นกลางที่ต้องดิ้นรนใช้ชีวิต หรือคนธรรมดาๆ อย่าง ทริซ วอล์คเกอร์ พี่สาวบุญธรรมของเจสซิก้าที่ต้องต่อสู้กับตัวเองในเรื่องศีลธรรม การเป็นศาลเตี้ย และปณิธานแรงกล้าที่อยากจะเป็นซูเปอร์ฮีโร หรือ เจอร์รี โฮการ์ธ ทนายสุดแกร่งที่เป็น LGBTQ+ ซึ่งมักจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากับเจสซิก้ามาทุกซีซัน แม้กระทั่งตัวร้ายอย่าง คิลเกรฟ หนุ่มโรคจิตซาดิสม์ที่ดูมุมไหนก็สารเลว เขาก็มีปมชีวิตวัยเด็กน่าสงสารที่ไม่ควรมีใครต้องพบกับเรื่องแบบนี้
ตัวละครเหล่านี้เผยให้เห็นทั้งการกระทำดีๆ การกระทำแย่ๆ ความคิดเข้าท่า ความคิดที่ไม่เข้าท่า ความโกรธ ความรัก ความหลงผิด ความรู้สึกผิด ความโลภ ซึ่งทั้งหมดคือส่วนประกอบร่างสร้างให้พวกเขาเป็นมนุษย์ จนอาจเรียกได้ว่า Jessica Jones เป็นซีรีส์ฮีโรที่เปี่ยมด้วยความเป็นมนุษย์มากที่สุดเรื่องหนึ่ง เพราะตัวเอกที่ควรจะมีข้อตำหนิน้อยที่สุด ควรจะเป็นคนดีมากที่สุด หรือเป็นคนที่คู่ควรกับการเป็นแบบอย่าง พวกเขาก็จะมีมุมผุพัง เป็นมนุษย์พังๆ คนหนึ่งไม่ต่างจากคนอื่นที่พยายามดิ้นรนเพื่อมีชีวิตต่อไปในโลกโกโรโกโสใบนี้
Tags: เจสสิก้า โจนส์, มาร์เวล, การทารุณกรรม, เฟมินิสต์, การกักขังหน่วงเหนี่ยว, ดิสนีย์พลัส, Screen and Sound, Gender, ตรีนุช อิงคุทานนท์, ซีรีส์, Marvel, Jessica Jones, การล่วงละเมิดทางเพศ, Disney Plus, เพศ, Abuser, ซูเปอร์ฮีโร