“ชายที่มีสัญชาติสาธารณรัฐเกาหลีทุกคน ต้องเข้ารับราชการทหารโดยสุจริต” ตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายรับราชการทหารสาธารณรัฐเกาหลี มาตราที่ 3 บัญญัติ
ข้อความแรกที่ปรากฏขึ้นมานับเป็นการเปิดเรื่องได้อย่างเรียบง่ายและทรงพลัง ประโยคดังกล่าวจะเป็นพื้นฐานของทั้ง 6 ตอนที่จะค่อยๆ ไล่เปิดโปงความฉาวโฉ่เน่าเฟะที่ชายหนุ่มทุกคนต้องประสบพบเจอเมื่อถึงเวลาเกณฑ์ทหาร หรือพูดง่ายๆ ว่า ‘เข้ากรม’
D.P. คือซีรีส์สั้นความยาว 6 ตอน ดัดแปลงจากเว็บตูนยอดนิยมอย่าง D.P. Dog Day ที่มีผู้อ่านกว่า 10 ล้านคนในประเทศเกาหลีใต้ เรื่องราวของทหารหนุ่มคนหนึ่งที่กลายมาเป็นเจ้าหน้าที่ตามจับกุมบุคคลหนีทหาร และเขาต้องพบกับสถานการณ์ซับซ้อนมากมายอันนำไปสู่ความลับต่างๆ ของกองทัพที่ถูกซุกไว้ใต้พรม
เรื่องราวของ D.P. ถูกดำเนินเรื่องผ่านมุมมองของ อันจุนโฮ (จองแฮอิน) พนักงานส่งพิซซ่าที่ถึงคราวต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารตามกฎหมายของเกาหลีใต้ ด้วยนิสัยตงฉิน ทรหดอดทน หลังผ่านการฝึกฝนสุดโหดเป็นเวลา 5 สัปดาห์ในค่ายทหาร อันจุนโฮก็ได้เลื่อนยศเป็นยศสิบตรี จากนั้นเขาได้รับการคัดเลือกเข้าไปอยู่หน่วยย่อยในสังกัดสารวัตรทหารที่มีชื่อว่า D.P. โดยย่อมาจากคำว่า Deserter Pursuit ทำหน้าที่ไล่ล่าจับกุมทหารหนีทัพ
อันจุนโฮต้องไปตามล่าหาบุคคลที่เข้าข่าย AWOL (Absent without Leaving) หรือ ‘หนีราชการ’ โดยมีคู่หูอย่าง ฮันโอยอล (คูคโยฮวาน) ทหารรุ่นพี่ผู้มีนิสัยฉลาดแกมโกง ยียวนกวนบาทา เต็มไปด้วยอารมณ์ตลกร้าย เรียกว่าเป็นคู่หูที่มีนิสัยตรงกันข้ามอย่างสุดขั้ว ทว่าความแตกต่างก็ได้พัฒนาให้กลายเป็นมิตรภาพระหว่างสองหนุ่ม เป็นอีกเส้นเรื่องรองลงมาจากเนื้อเรื่องหลักที่สร้างรสชาติสนุกสนาน เบาใจ ถ่วงดุลอารมณ์ของซีรีส์ที่หนักไม่ให้ดาร์กจนเกินไป แฝงกลิ่นอายของคู่หูขวางนรกอย่าง ไมค์ ลาวรีย์ และ มาร์คัส เบอร์เน็ต จากภาพยนตร์เรื่อง Bad Boys อยู่กลายๆ
นับเป็นอีกบทบาทของนักแสดงหนุ่มมาดอบอุ่นหัวใจอย่างจองแฮอิน ที่ได้ท้าทายตัวเองด้วยการพลิกคาแรกเตอร์สู่ความดราม่าเข้มข้น เป็นทหารธรรมดาที่ถูกโลกแห่งความจริงทำลายจิตใจจนพังทลายลงอย่างช้าๆ
แต่สิ่งที่แข็งแรงจริงๆ ของซีรีส์เรื่องนี้ก็คือการหยิบยกเรื่องราวอันเน่าเฟะในรั้วกรมทหารออกมาตีแผ่อย่างตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ตัวอันจุนโฮต้องเจอเองตั้งแต่วันแรก วาจาเหยียดหยามดูถูกดูแคลนที่ตะคอกใส่ราวกับไม่ใช่มนุษย์ ความหมายแฝงที่สอดแทรกอยู่ในคำสั่งของครูฝึก เช่น “ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น แค่ตั้งใจฝึกฝนจนกว่าจะตายไปข้างหนึ่งก็พอ”
ยิ่งไปกว่านั้นก็คือการ ‘ซ่อม’ อันโหดร้ายที่เป็นมากกว่าการทำร้ายร่างกาย ทั้งที่ไม่ได้มีความผิด แต่เป็นการกลั่นแกล้ง ละเมิดสิทธิ ลดทอนคุณค่าของความเป็นคน จนสร้างบาดแผลในจิตใจให้กับทหารชั้นผู้น้อย อย่างเช่นการบังคับให้รุ่นน้องช่วยตัวเองต่อหน้ารุ่นพี่
ปัญหาต่อมาที่ทางซีรีส์พยายามตีแผ่คือ ‘ระบบอุปถัมภ์’ การใช้เส้นสายในกองทัพเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน และการเอารัดเอาเปรียบคนอื่น โดยไม่ได้หยุดอยู่แค่เรื่องทหารชั้นผู้น้อยเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงไปถึงนายทหารระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันกันทำผลงานเพื่อเลื่อนตำแหน่ง การขัดแข้งขัดขาเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้ดี การเลียแข้งเลียขาเจ้านาย หรือแม้กระทั่งการกระทำความผิดร้ายแรงแต่กลับถูกลงโทษสถานเบาด้วยการสั่งย้าย ชวนให้รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
นอกจากนี้ ซีรีส์ยังมีรายละเอียดยิบย่อยที่สอดแทรกอยู่ภายในเรื่องราวของทหารหนีทัพแต่ละนาย ทั้งสามประเด็นที่กล่าวมาข้างต้นเป็นแก่นหลักที่ค่อยๆ บีบหัวใจของเหล่าทหารเกณฑ์หน้าใหม่ที่ไม่มีพิษภัยให้อยู่ในสภาวะจำยอม ต้องเลือกที่จะเป็น ‘ผู้ล่า’ เพราะมิฉะนั้นแล้ว พวกเขาจะต้องกลายเป็น ‘ผู้ถูกล่า’ จนกลายมาเป็นบุคคลที่ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยเกลียด เป็นผู้สืบทอดชุดความคิด และเป็นผู้ที่ลงมือกระทำเรื่องผิดเพี้ยนลงไปเสียเอง
ตลอดทั้ง 6 ตอนของซีรีส์นั้นไม่ได้เกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกันไปเสียหมด แต่สิ่งที่ซีรีส์นี้ทำหน้าที่ได้ดีมากก็คือการเป็นกระจกสะท้อนวัฒนธรรมที่บิดเบี้ยวภายในรั้วทหาร ผ่านงานภาพที่ให้อารมณ์ฟุ้งนุ่มนวลเหมือนอยู่ในความฝัน แต่กลับตั้งคำถามให้แก่ผู้ชมว่า เหตุการณ์โหดร้ายที่เกิดขึ้นทั้งหมดในซีรีส์ไม่ได้หนีห่างจากความจริงไปเท่าไรเลย
เหตุการณ์ในซีรีส์มีฉากหลังอยู่ในช่วงปี 2014 แต่จนถึงวันนี้ก็ยังมีทหารถูกซ่อมจนเสียชีวิตในค่ายเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำไมระบบอุปถัมภ์และการใช้เส้นสายนั้นยังเกิดขึ้นอยู่ แต่การตอบโต้ต่อเรื่องราวเหล่านี้จากกองทัพเกาหลีกลับเป็นเพียงลดระยะเวลารับราชการทหารจาก 24 เดือน เหลือเพียง 18 เดือน และแผนการลดกำลังพลลงจำนวนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ได้เกิดผลกระทบใดๆ พอที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้
การเพิกเฉยต่อความรุนแรง การถูกกลั่นแกล้งของทหารชั้นผู้น้อยจากทหารรุ่นพี่ที่ไม่มีการควบคุมดูแล กระทั่งถึงจุดหนึ่งเมื่อทหารผู้นั้นทนไม่ไหว จึงระเบิดออกมากลายเป็นเหตุการณ์ร้ายเหมือนกับกรณีกราดยิงของจ่าคลั่งเมื่อปีที่แล้ว อย่าลืมว่าเหตุการณ์นั้นไม่ใช่หนังหรือซีรีส์ แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงจากระบบการกดขี่ในรั้วกองทัพไทย
เพราะฉะนั้น ตัวแปรที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้มากพอจนทำให้เกิดการปฏิรูปกองทัพได้ คือคนที่อยู่ภายนอกรั้วทหารอย่างพวกเรา—ประชาชน ที่จะคอยกดดัน ส่งเสียง เรียกร้องให้เกิดการปฏิรูปคุณภาพชีวิตของทหารชั้นผู้น้อยในกองทัพ เพราะสายตาเศร้าสร้อยที่มองตรงมาที่กล้องในฉากสุดท้ายนั้น อาจเป็นการสื่อสารขอความช่วยเหลือจากคนดูอย่างพวกเราก็เป็นได้
Fact Box
D.P. นำแสดงโดย จองแฮอิน, คูคโยฮวาน กำกับโดย ฮันจุนฮี สามารถชมได้ทาง Netflix