ในอนาคต คุณอยากเติบโตในแบบไหน?
สำหรับประโยคดังกล่าว น่าจะเป็นคำถามที่คุ้นหูของใครหลายคนในวัยเด็ก ที่เปิดโอกาสให้ได้เลือกคำตอบได้หลากหลาย ตามแต่จินตนาการของตัวเองในวันนั้น จึงทำให้แต่ละช่วงเวลาคำตอบที่ได้ก็อาจแปรเปลี่ยนไป เพราะ ‘ความชอบ’ หรือ ‘ความถนัด’ เติบโตตามความคิดและทัศนคติของเราอยู่ตลอด
แต่คงไม่ใช่สำหรับ ‘คิม โดยอง’ (Kim Doyoung) นักร้องเสียงหลักแห่งวงบอยแบนด์สัญชาติเกาหลี NCT127 ที่หนักแน่นในคำตอบว่า โตขึ้นอยากเป็น ‘นักร้อง’ เมื่อเลือกได้แล้วว่า อยากจะเป็นอะไร โดยองก็ไม่ได้รีรอให้กาลเวลาเดินหน้าไปอย่างสูญเปล่าเพื่อไปสู่ความฝันนั้น
ในสมัยช่วงมัธยม เขาตัดสินใจเดินสายประกวดร้องเพลงมาอย่างต่อเนื่อง จนได้รับรางวัลการันตีฝีไม้ลายมือในทักษะการร้องเพลงของเขา และเพื่อเป็นหนึ่งใน ‘ใบเบิกทาง’ ไปสู่เป้าหมายที่วางเอาไว้ เขาได้ตัดสินใจเข้าร่วมกับค่ายเพลงดังอย่าง SM Entertainment เจ้าของสังกัดศิลปินชื่อดังมากหน้าหลายกว่าในวงการ ทั้ง Super Junior, Girl’s Generation หรือ EXO
จนในปี 2016 โดยองได้ปรากฏตัวในฐานะสมาชิกวง NCT127 เป็นครั้งแรกต่อหน้าสาธารณะ และได้สร้างสรรค์ผลงานเลื่องชื่อเรื่อยมาหลังจากนั้น ไม่ว่าจะเป็น Cherry Bomb, Kick It หรือ Fact Check ทำให้เขาได้รับความรักจากแฟนๆ ทั่วโลกอย่างล้นหลาม
ก่อนที่ในปี 2023 โดยองได้ปรากฏตัวใน ‘อีกบทบาท’ กับสมาชิกยูนิตย่อยของวง NCT อย่าง NCT DOJAEJUNG ที่มีเพื่อนร่วมวงอย่าง แจฮยอน (JAEHYUN) และจองอู (JUNGWOO) เข้าร่วมโปรเจกต์ และปล่อยมินิอัลบั้มชุดแรกอย่าง Perfume ในช่วงเดือนเมษายน ซึ่งได้รับเสียงตอบรับจากแฟนๆ เป็นอย่างดี
1 ปีหลังจากนั้นในเดือนเดียวกัน โดยองได้ตัดสินใจปล่อยอัลบั้มเดี่ยวชุดแรก เพื่อเฉลิมฉลองฤดูใบไม้ผลิ ภายใต้ชื่อว่า ‘Youth’ ที่มี Little Light เพลงสไตล์ป็อบร็อกเป็นเพลงไตเติล เพื่อเป็นเครื่องการันตีว่า เส้นทางการเป็นนักร้องของเขาจะไม่หยุดลงแค่การเป็น ‘ไอดอล’ เท่านั้น แต่เขายังมุ่งหน้าเพื่อไปสู่การเป็น ‘ศิลปินเดี่ยว’ อีกด้วย
เพื่อสานต่อความสำเร็จของอัลบั้ม โดยองได้ประกาศการเดินสายแสดงคอนเสิร์ต 2024 DOYOUNG CONCERT [ Dear Youth, ] ในภาคพื้นเอเชีย ซึ่งหมายรวมถึงประเทศไทยด้วย โดยความหมายของชื่อคอนเสิร์ต โดยองเล่าให้ฟังว่า ต้องการให้เป็นความทรงจำระหว่างตัวเขากับ NCTzen (ชื่อแฟนคลับทางการของวง NCT) ว่าครั้งหนึ่งในวัยเยาว์ เราต่างมีกันและกัน
จึงเป็นที่มาของการจัดคอนเสิร์ตครั้งนี้ในประเทศไทยของ ‘คิม โดยอง’ ซึ่งจัดขึ้นในฮอลล์การแสดงใหม่แกะกล่องอย่าง UOB Live, EMSPHERE ในวันที่ 24-25 สิงหาคมที่ผ่านมา โดย The Momentum จะขอพาเหล่า NCTzen และโดปุ (ชื่อเรียกแทนแฟนคลับของโดยอง) กลับไปสัมผัสประสบการณ์วัยเยาว์อีกครั้งหนึ่ง
เป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมาว่า การแสดงคอนเสิร์ตจะเริ่มจากการเปิด VCR เพื่อฉายคอนเซปต์ ก่อนที่เสียงดนตรีอันเป็นเอกลักษณ์จากเพลงสุดคุ้นหูของเหล่าโดปุอย่าง Begining จะบรรเลงขึ้น เพื่อเป็นการโหมโรง และหลังจากนั้นไม่นานโดยองก็ปรากฏตัวในชุดสีขาวเลื่อมเพชร พร้อมกับเสียงร้องที่แข็งแรง เรียกเสียงกรี๊ดจากเหล่าแฟนคลับอย่างล้นหลาม ก่อนจะสานต่อบรรยากาศสบายๆ ไปด้วยเพลง Like a Star เพลงประกอบละครเรื่อง Yumi’s Cells เป็นการโหมโรงความสนุกไปกับ Lost in California และ Maniac
หลังจากจบช่วงการแสดงก่อนหน้า โดยองได้พักดื่มน้ำและกินของหวาน ซึ่งในแต่ละประเทศที่ได้ไปเยือน ‘กิมมิก’ คอนเสิร์ตในช่วงนี้จะแตกต่างกันออกไป สำหรับประเทศไทย โดยองเลือกขนมหวานที่คนไทยร้อยทั้งร้อยต้องรู้จักอย่าง ‘ขนมครก’ (การแสดงในวันแรก) และ ‘ขนมเบื้อง’ (การแสดงในวันที่สอง) แม้ว่าเจ้าตัวจะมีปัญหาการออกเสียงชื่อไม่ชัดก็ตามมี เรียก ‘ขนมครก’ ว่า ‘ขนมครัก’ บ้าง หรือเรียก ‘ขนมเบื้อง’ ว่า ‘ขนมบะเอื้อง’ บ้าง แต่ไม่ว่าจะออกเสียงถูกหรือผิดก็ตาม ก็สามารถเรียกความเอ็นดูจากแฟนคลับได้ไม่ยาก
พักจนหายเหนื่อยกันแล้ว โดยองก็สานต่อความสนุกของคอนเสิร์ตแห่งวัยเยาว์ โดยการหยิบยกเอาเพลงอย่าง Radio Romance, Flying, Deep in the Night, Serenade และ Doll มาขับกล่อมให้แฟนๆ ได้ฟัง เคลิบเคลิ้มไปกับบรรยากาศแสงสีของการแสดง ก่อนจะปิดท้ายองก์ที่ 1 ด้วยบทเพลง A Little More, Rewind และ Warmth
ขณะที่องก์ที่ 2 โดยองสามารถเรียกเสียงฮือฮาและเสียงหัวเราะได้ตั้งแต่เริ่มเปิด VCR ที่ตัวของเขาได้กลายเป็น ‘แรปเปอร์’ ประจำวง โดยใช้ชื่อ VCR ว่า ‘DY TRACK’ ล้อเลียนไปกับ ‘TY TRACK’ ชื่อคอนเสิร์ตเดี่ยวของ ‘แทยง’ (TAEYONG) ลีดเดอร์ของวง NCT127 ที่ปัจจุบันเขาอยู่ระหว่างการรับราชการทหารกองทัพเรือ
หลังจากนั้นม่านการแสดงก็เปิดอีกรอบ เป็นภาพโดยองออกมาในชุด ‘เดนิมสีเทา’ โดยเพลงในเซ็ตนี้ที่เลือกมาแสดงจะเป็นการมัดรวมเพลงของ NCT มาเมดเลย์ร้องในสไตล์ R&B ไม่ว่าจะเป็น Back 2 U, Bady Don’t Like It, Sticker, Bagge Jeans, Kiss และ Dream Come True
ในช่วงท้ายขององก์ที่ 2 เพลงจะปรับให้ช้าลง จนกลับมาอยู่ในห้วงอารมณ์เศร้า ด้วยเพลงความหมายกินใจทั้งเซ็ตอย่าง Beautiful Day, Star Blossom และ Time Machine ชวนเหล่าแฟนๆ ให้ร้องเพลงคลอในบรรยากาศที่สบายไปพร้อมกับโดยอง
และหนึ่งความพิเศษของคอนเสิร์ตครั้งนี้คือ โดยองหยิบยกเอาเพลง พี่ชอบหนูที่สุดเลย จากศิลปินไทยอย่าง PONCHET มาแสดงเรียกเสียงกรี๊ดจากโดปุกระหึ่มฮอลล์คอนเสิร์ต และอีกหนึ่งเพลงที่โดยองเพิ่งปล่อยออกมาอย่าง 17 ที่ขอร้องให้แฟนร่วมในท่อน ‘Doo Doo Doo Doo’ ซึ่งเหล่าแฟนคลับโดนโดยอง ‘หยิกหลัง’ เนื่องจากร้องเพลงไม่ตรงคีย์ของเพลง
ก่อนจะปิดท้ายด้วยเพลง From Little Wave ที่บรรยากาศถูกยกระดับให้มีความตื้นตันใจระหว่างโดยองกับแฟนคลับมากขึ้นไปอีก กับแฟนโปรเจกต์กล่องไฟที่เปิดแปลเป็นข้อความคำว่า ‘ทะเลของพวกเรา’
หลังจากนั้นจอ LED ปรากฏจดหมายแสดงข้อความแทนใจ ที่โดยองมอบความรู้สึกดีๆ แก่เหล่าแฟนคลับ แม้ว่าจะโดนเหล่าแฟนคลับแซวฟอนต์ในการแสดงวันแรกที่มี ‘ความไทย’ มากเกินไปก็ตามที แต่ในวันที่สองดูเหมือนเสียงแซวของโดปุจะเข้าหูถึงทีมโปรดักชัน จนมีการเปลี่ยนแปลงฟอนต์ให้น่ารักและเป็นมิตรมากขึ้น
ก่อนที่ไฟสปอตไลต์สาดไปที่เวทีอีกครั้ง เป็นภาพโดยองที่นั่งเล่นเปียโนพร้อมกับบทเพลงไตเติล Little Light ที่มาพร้อมกับการร้องไฮโน้ตอันเป็นที่เฝ้ารอของ NCTzen โดยในวันที่ 2 ของการแสดงจะมีแฟนโปรเจกต์เป็นไฟสีเหลืองกะพริบ คล้ายกับ ‘หิ่งห้อย’ เปิดไปพร้อมกับการแสดง นับว่าเป็นช่วงที่ผู้เขียนรู้สึกถึงพลังและความรักของเหล่าแฟนคลับอย่างมาก หลังจากนั้นม่านการแสดงและไฟทั้งฮอลล์คอนเสิร์ตก็ดับลง เหลือไว้เพียงแต่เสียงเรียกเอ็นคอร์ (Encore) ‘คิม โดยอง’ ของเหล่าแฟนคลับให้กลับขึ้นมาแสดงอีกครั้ง
โดยองจึงไม่รอให้แฟนคลับเสียเวลานาน องก์สุดท้ายก็ได้เริ่มขึ้นโดยเป็นการเปิด VCR โดยองในฐานะ ‘คุณครู’ สอนร้องเพลงในท่อนหนึ่งของเพลง Dallas Love Field จึงโดนแซวหลายครั้งว่าเป็น ‘ตำรวจด้อม’ คอยเช็กความถูกต้องของการร้องเพลง
และแล้วเขาก็ได้กลับขึ้นสเตจอีกครั้งในลุกที่ ‘น่าสดใส’ ด้วยการติดสติกเกอร์หัวใจบนใบหน้า พร้อมกับตุ๊กตาห้อยที่เข็มขัดออกมา เรียกความมันเขี้ยวจากเหล่าโดปุได้อย่างคับคั่ง ก่อนจะร้องเพลงเซ็ตสุดท้ายของการแสดงจริงๆ นั่นคือเพลงที่มีความหมายลึกซึ้งกินใจว่า เหล่าแฟนคลับเป็นกำลังใจในทุกวันของโดยองอย่าง Dear และ Rest เพื่อเปิดจบการแสดงคอนเสิร์ตแห่งวัยเยาว์
การมาแสดงที่เมืองไทยครั้งนี้ของโดยอง ถือเป็นการเจอกันครั้งที่ 2 ของผู้เขียน หลังจากที่เคยเจอกันมาแล้วที่สนามกีฬาธรรมศาสตร์ ครั้งแสดงคอนเสิร์ต NCT 127 3rd Tour ‘NEO CITY: BANGKOK – THE UNITY’ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงที่ผู้เขียนรู้สึกได้ชัดเจนคือ ‘ทักษะการร้องเพลง’ ไม่ยังคงแรงดีไม่มีตกตลอดการแสดง กลับกันยังมีมุมต่างๆ ที่มากขึ้นให้ผู้เขียนสำรวจตัวตนของคิม โดยอง เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งผู้เขียนรู้สึกได้เลยว่า โดยองยังมี ‘ความตลกปนโก๊ะ’ มาให้แฟนคลับได้ค้นหา เพื่อแซวหยอกล้อเล่นอยู่หลายครั้ง
จากการแสดงคอนเสิร์ตครั้งนี้ถือเป็นอีก ‘ก้าวสำคัญ’ ของเส้นทางการเป็นนักร้อง ที่โดยองตั้งเป้าหมายของชีวิตเอาไว้ตั้งแต่เด็กๆ และผู้เขียนเชื่อว่าการเดินทางในฐานะศิลปินเดี่ยวหลังจากนี้ จะมีประสบการณ์ที่รอคอยให้โดยองไปแสวงหาอีกมาก และใช่ พวกเราในฐานะแฟนคลับจะรออย่างใจจดใจจ่อไปพร้อมๆ กัน เพราะสุดท้ายช่วงชีวิตวัยเยาว์ของเรา ก็จะมีกันและกันเรื่อยไป
“สุดท้ายนี้อยากจะบอกแค่ว่า
Kim Doyoung, You made it”
Tags: NCT, NCT127, SMTOWN, Doyoung, Dear Youth, Doyoung Dear Youth, Doyoung Dear Youth Bangkok, Concert, Screen and Sound, SM Entertainment