เชื่อว่า หนึ่งในเหตุผลของหลายคนที่ชื่นชอบฟังเพลงแนวเคป็อบ (K-Pop) คงหนีไม่พ้นด้าน ‘ความสนุก’ และ ‘ความหลากหลาย’ ของเพลงที่เหล่าศิลปินสร้างสรรค์ออกสู่ตลาด เพื่อช่วงชิงความนิยมและพื้นที่บนชาร์ตในแพลตฟอร์มฟังเพลง

แต่ในวงการแข่งขันนี้ ‘แทยอน’ (TAEYEON) นักร้องสาวเสียงหลักแห่งวง Girls’ Generation ผสมผสาน 2 เหตุผลดังกล่าวไว้ได้อย่างลงตัว จนสื่อหลายสำนักของเกาหลีใต้ยกฉายา ‘Trust & Listen’ ให้ เพราะในทุกการกลับมาปล่อยเพลงของแทยอน เหล่าแฟนเพลงและโซวอน (ชื่อแฟนอย่างเป็นทางการของ Girls’ Generation) ก็ต่างรอคอยว่า เพลงที่แทยอนเลือกจะนำเสนอออกมานั้นจะเป็นเพลงฌองร์ (Genre) ใด

หากย้อนกลับดูความสำเร็จตลอดเส้นทางการเป็นศิลปินเดี่ยวตั้งแต่ปี 2015 ผลงานเพลงที่เป็นที่นิยมของแทยอนมีมากมายหลายสไตล์ให้เลือกสรร ไม่ว่าจะเป็น

– I (2015): Pop-Rock 

Rain (2016): Jazz

11:11 (2016): Ballad

Fine (2017): Alternative Pop

Four Seasons (2019): Reggae

Weekend (2021): Disco

INVU (2022): Dance-Pop

To. X (2023): R&B

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘ความสนุก’ และ ‘ความหลากหลาย’ ที่มีอยู่ในเพลงของแทยอนนั้น ครั้งหนึ่งก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับ Girls’ Generation ที่มีบทเพลงและการแสดงที่ให้เลือกเสพในหลายรสชาติ จนหลายคนยกให้เป็นเจ้าแม่คอนเซปต์ของวงการเคป็อป เช่น เด็กสาวช่างฝันใน Into The New World (2007), สาวสกินนี่ยีนส์หลากสีใน Gee (2009), ทหารเรือกับตะเกียงวิเศษใน Genie (2009), หญิงสาวในเทพนิยายใน The Boys (2013) หรือแม้กระทั่งคอนเซปต์ตัวตนของเหล่าเมมเบอร์ใน Forever1 (2022) ที่ปล่อยออกมาเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 15 ปีแห่งการเฉิดฉายอยู่ในอุตสาหกรรมนี้

มาวันนี้ ‘แทยอน’ กลับมาเฉิดฉายในฐานะศิลปินเดี่ยวอีกครั้ง กับการปล่อย ‘Letter To Myself – The 6th Mini Album’ ออกมาเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2024 โดยเพลงในอัลบั้มชุดนี้ส่วนใหญ่จะเป็นสไตล์ป็อปร็อก (Pop-Rock) ที่เน้นการแสดงออกถึงเรื่องราวและประสบการณ์ในอดีต ด้วยอารมณ์ที่หนักหน่วงและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

เพราะความรักมันคือ ‘Disaster’ ที่สมบูรณ์แบบ

เพลงแรกที่ผู้เขียนขอหยิบยกมานำเสนอคือ Disaster เพลง Track สุดท้ายของอัลบั้มชุดนี้ โดยเพลงนี้จะเป็นเพลงสไตล์ป็อปร็อก ผสานเสียงกลองจังหวะกลางๆ เข้ากับเสียงดนตรีซินธิไซเซอร์ (Synthesizer) และเสียงร้องที่น่าดึงดูดของแทยอนเข้าไว้ด้วยกัน 

Disaster เล่าเรื่องราวความกล้าของคนเราในการรักกับใครสักคน ถึงแม้ว่ารักครั้งนี้จะเป็นรักที่เจ็บปวดราวกับหายนะครั้งใหญ่ก็ตาม

꼭 위태롭게 난간 위를 걷는 듯

뜨겁게 밀고 끌어당겨 우리 둘

기꺼이 난

추락한대도 좋아

Run

어쩜 우린 Disaster

더 깊이 품 안에 안겨

Whoa whoa

깊게 서로를 헤쳐

Jump now 멈출 수 없어

Whoa whoa

It’s a perfect disaster

(เหมือนเดินอยู่บนขอบที่อันตราย
เราสองคนผลักดันและดึงดูดกันอย่างร้อนแรง
ฉันเต็มใจ ถึงจะตกลงมาก็ไม่เป็นไร
บางทีพวกเราอาจเป็นภัยพิบัติ
แต่ก็ยิ่งกอดกันไว้แน่นขึ้น
นี่คือภัยพิบัติที่สมบูรณ์แบบ)

ยิ่งเป็นคนอื่น ตัวตนของฉันก็ยิ่ง ‘Blur’

อีกหนึ่งเพลงที่ขอหยิบยกมาในวันนี้คือ Blur เพลงแนว R&B ที่ผสานเสียงกีตาร์ เบส และกลองเอาไว้อย่างหนักแน่น สอดรับเสียงร้องของแทยอนที่ไต่ระดับความเข้มข้นจากต้นจนจบเพลง

Blur เล่าเรื่องราวชีวิตที่ต้องพยายามเพื่อเป็นคนอื่น จนกระทั่ง ‘ตัวตน’ ค่อยๆ เลือนหายไป ด้วยเสียงร้องของแทยอนที่ไล่ระดับโมเมนตัมขึ้นในทุกโน้ตที่ร้องจนพีกสุดในท่อน Bridge และช่วงท้ายของเพลงที่เสิร์ฟเสียงร้องไฮโน้ตอันเป็นเอกลักษณ์​ ทำให้ผู้เขียนอดใจรอไม่ไหวที่จะได้ชมลวดลายการแสดงเพลงนี้สดๆ ในคอนเสิร์ตครั้งต่อไปของแทยอน

ในทัศนะของผู้เขียนเองมองว่า เพลงนี้นับเป็นมาสเตอร์พีซของมินิอัลบั้มชุดที่ 6 ที่รอการค้นพบในอนาคตเลยก็ว่าได้

It’s all a blur

자유롭지 못한 내 words

아파해도 외면한 heart

낯설어져 전부

I don’t recognize you

It’s all a blur

산산이 더 뜨겁게 burn

다 신기루라 해도 run

멀어져가 전부

I don’t recognize you

It’s all a blur

(มันทั้งหมดมัวไปหมด

คำพูดของฉันที่ไม่อิสระ

ถึงจะเจ็บ ก็ยังหันหลังให้กับหัวใจ

ทุกอย่างเริ่มแปลกไป

ฉันไม่รู้จักเธออีกแล้ว

มันทั้งหมดมัวไปหมด

แหลกเป็นชิ้นๆ

ถึงจะบอกว่ามันเป็นแค่ภาพลวงตาก็ยังวิ่งต่อ

ทุกอย่างกำลังห่างออกไป

ฉันไม่รู้จักเธออีกแล้ว

มันทั้งหมดมัวไปหมด)

Letter To Myself จดหมายถึงตัวเองในอดีต

หากไม่หยิบยกบทเพลงนี้มานำเสนอก็คงจะไม่ได้ เพราะ Letter To Myself คือเพลงไตเติลของอัลบั้มชุดนี้ เป็นเพลงป็อปร็อกสะท้อนตัวตนของอัลบั้มได้ดีมากที่สุด ผสานเสียงร้องที่หนักแน่นของนักร้องนำวงเกิร์ลกรุ๊ปในตำนานเข้ากับเสียงดนตรีได้อย่างลงตัว

Letter To Myself ถ่ายทอดเรื่องราวที่มีความเป็นผู้ใหญ่ (Maturity) มากที่สุด เปรียบเนื้อเพลงเป็นข้อความในจดหมายเพื่อปลอบประโลมตัวตนในอดีต จึงไม่แปลกใจที่ว่า แทยอนต้องการนำเสนอบทเพลงนี้เป็นเพลงไตเติล แทนที่จะเป็น Disaster ตามคำเสนอของ SM Entertainment ค่ายต้นสังกัด

ถือว่าเป็นอีกครั้งที่แทยอนเลือกเพลงสไตล์ป็อปร็อกให้กลับมาเป็นเพลงไตเติลอีกครั้ง หลังจากห่างหายไปนานกว่า 9 ปีเต็มกับ I เพลงเดบิวต์ในฐานะศิลปินเดี่ยว ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งข้อดีที่ทำให้เห็นเส้นทางการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ของแทยอนที่ทุกย่างก้าวในฐานะ ‘ศิลปิน’ เป็นไปอย่างเข้มแข็งไม่สั่นคลอน

I wrote a letter to myself

서툴게도 써내리는 맘속

더 깊이 눌러왔던 말

그 어떤 말보다

널 잃지 않았으면 해

길 잃은 채 헤매던 매일
그늘진 마음 그 끝에
여전히 변치 않은 내가 있었어

I could be good, I could be bad
어렵고 어리던 내게
그 아픔 위로 다시 널 위로하고 싶어

(ฉันเขียนจดหมายถึงตัวเอง
แม้จะเขียนอย่างยากลำบากจากใจ
คำที่กดเก็บไว้อย่างลึกๆ
มากกว่าคำใดๆ
แค่อยากให้เธอไม่หายไปจากฉัน

ทุกวันฉันหลงทาง
และอยู่ในใจที่หม่นหมอง
แต่ในที่สุดฉันก็ยังอยู่ที่เดิม

ฉันอาจจะดีหรืออาจจะเลว
สำหรับตัวฉันที่เคยยากและอ่อนแอ
ฉันอยากจะปลอบโยนเธออีกครั้ง
แม้จะต้องเผชิญกับความเจ็บปวด)

นอกจาก 3 เพลงที่ผู้เขียนหยิบยกมานำเสนอในวันนี้ ในมินิอัลบั้มชุดล่าสุดยังมีเพลงอย่าง Hot Mess, Strangers และ Blue Eyes ให้ผู้อ่านได้ร่วมสัมผัสเรื่องราวการเติบโตของแทยอนที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แต่ยังทิ้งร่องรอยตัวตนเอาไว้อย่างชัดเจน

ถือว่า Letter To Myself – The 6th Mini Album เป็นอีกหนึ่งเฉด ‘สี’ ที่ศิลปินสาวคนนี้เลือกที่จะสาดสู่ตลาดเพลงเคป็อบ เพื่อพิสูจน์ฉายา Trust & Linten ว่ายังคงอยู่กับแทยอนเสมอ ด้วยการเสิร์ฟผลงานเพลงที่ไร้ซึ่งความจำเจออกมาทุกครั้งไป

จะเห็นได้ว่าดีเอ็นเอ (DNA) ความเป็น Girls’ Generation ยังสานต่อมายังแทยอนอย่างต่อเนื่อง การคัมแบ็กรอบล่าสุดของเธอเป็นการตอกย้ำให้ประจักษ์ว่า ‘บทเพลง’ ของเธอยังคงมี ‘ความสนุก’ และ ‘ความหลากหลาย’ มาตลอดกว่าเกือบทศวรรษในฐานะศิลปินเดี่ยว ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในอุตสาหกรรมเพลงเคป็อป

Tags: , , , , , , , , ,