หนุ่มหน้าตี๋ ใส่เชิ้ตชมพู กระเป๋าคาดเอวสีดำ กับเนื้อร้องที่จับใจความแทบไม่ได้เพราะเรื่องเล่าไปตั้งแต่การฆ่าหมู บาร์เปลื้องผ้าในกรุงเทพ จนถึง ‘ท่อนไม้’ ที่เขาก็ไม่รู้ว่าหมายถึงอะไรเหมือนกัน 

นี่คือส่วนหนึ่งของผลงานสร้างชื่อตั้งแต่เมื่อ 3 ปีก่อน อย่างมิวสิกวิดีโอเพลง Dat $tick จากศิลปินนามว่า Rich Chigga หรือไบรอัน เอมมานูเอล (Brian Imanuel)  หนุ่มเอเชียลูกครึ่งจีน-อินโดนีเซียวัย 20 ปี ที่ในตอนนั้น (ขณะอายุ 17 ปี) เขาคิดเอาไว้ว่าจะทำออกมาเล่นๆ แต่ผลลัพธ์มันกลับไม่เล่นๆ แบบที่เขาคิดเอาไว้ แน่นอนอย่างที่เรารู้กัน ตอนนี้เขากลายเป็นอีกหนึ่งศิลปินฮิปฮอปขวัญใจวัยรุ่นแห่งค่ายเพลงอเมริกัน ‘88rising’ ที่รวบรวมศิลปินเอเชียนที่น่าจับตาเอาไว้มากที่สุดในยูทูบ 

ในปีนั้น Dat $tick ได้รับความนิยมเป็นอย่างมหาศาล ปัจจุบันมีคนเข้าดูมิวสิกวิดีโอนี้ถึง 120 ล้านวิว ซึ่งทำให้เขาเป็นที่พูดถึงในกลุ่มแรปเปอร์ฟากฝั่งอเมริกาทั้ง Ghostface Killah, GoldLink และ 21 Savage ที่ต่างให้คำชื่นชมว่า นี่คือหนึ่งในแรปเปอร์ที่โดดเด่นมากในช่วงที่ผ่านมา 

อันที่จริง จากจุดเริ่มต้นที่ดูจะไม่ได้คาดหวังมากนั้น มันมาจากความตั้งใจของเขาที่จะพาตัวเองไปทำงานในอเมริกา ซึ่งเขาก็ทำได้เสียด้วย! หลังจากที่โด่งดังจาก Dat $tick ไบรอันได้ไปใช้ชีวิตเป็นแรปเปอร์ของค่าย 88rising ตั้งแต่ปี 2017-2019 กินเวลา 3 ปีเต็ม ซึ่งนั่นจะเป็นตอนหนึ่งของชีวิตที่เปลี่ยนมุมมองของเขาต่อดนตรีไปตลอดกาล

2017: Dat $tick ตั๋วใบสำคัญสำหรับการตามความฝันที่อเมริกา

“ผมหมกมุ่นอยู่กับการอยากไปอเมริกาตั้งแต่อายุ 13 จากนั้นผมก็เริ่มเรียนภาษาอังกฤษผ่านอินเทอร์เน็ต” ไบรอันเล่าถึงความตั้งใจแรกที่ต้องการจะมีชื่อเสียงที่อเมริกา เขาจึงเริ่มสร้างตัวตนในโลกโซเชียลขึ้นมาด้วยการสมัครทวิตเตอร์ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ก่อนที่จะโด่งดังผ่านคลิปตลกในไวน์ ยูทูบ และมีมต่างๆ ตามลำดับ

“จากนั้นผมก็เริ่มทำเพลงแรกไว้ในซาวด์คลาวด์ ตอนนั้นผมสนุกกับมันมาก ส่วนที่ท้าทายที่สุดคือการเขียนเนื้อร้อง เพราะผมสามารถปลดปล่อยตัวเองผ่านคำพูดเหล่านั้นได้” ก่อนที่เขาจะชักชวนเพื่อนของเขามาร่วมโปรเจ็กต์และเกิดเป็น Dat $tick ในที่สุด

และนั่นก็ไปเข้าตา ดัมบ์ฟาวเดด (Dumbfoundead) หนึ่งในสมาชิก 88rising เขาจึงแนะนำไบรอันให้กับ ฌอน มิยาชิโร่ (Sean Miyashiro) เจ้าของค่ายที่เห็นดีเห็นงามกับดัมบ์ฟาวเดด “เขาคือความหวังใหม่ของวงการฮิปฮอปในอเมริกาจริงๆ”  ทั้งคู่จึงจับเข่านั่งคุยกันถึงความเป็นไปได้ที่จะพาไบรอันมาอยู่ใต้สังกัดของเขาว่ามันมีทางใดบ้าง

จนสุดท้ายไบรอันก็ได้ตบเท้าเข้าฝั่งอเมริกาและเปิดตัวในฐานะ ‘Rich Chigga’ ศิลปินของค่าย 88rising ในปี 2017  พร้อมทั้งปล่อยซิงเกิ้ลออกมาอีก 2 เพลง ได้แก่ Who That Be และ Glow Like Dat ก่อนที่จะเกิดเป็น Amen อัลบั้มแรกในชีวิตของเขา

2018: Amen จากเดบิวต์อัลบั้ม สู่การตั้งคำถามถึงตัวตนของ Chigga

“จริงๆ แล้วผมเรียกมันว่าโปรเจ็กต์นะ ในตอนแรกผมวางแผนจะออกแค่ 5 เพลง เป็น EP แต่ผมก็มาคิดต่อว่า ในเมื่อผมมีเพลงมากกว่านั้นทำไมไม่ทำเป็นอัลบั้มไปเลย พอถึงตรงนั้นนี่ก็เลยกลายเป็นโปรเจ็กต์ทันที เพราะทุกอย่างมันต้องจริงจังมากขึ้น ต้องกำหนดคอนเซ็ปต์รวมไปถึงทิศทางตั้งแต่เพลงแรกยันเพลงสุดท้ายในอัลบั้ม”

สุดท้ายไบรอันก็ได้ปล่อยอัลบั้มแรกออกมาโดยใช้ชื่อว่า Amen ตามนิสัยของเขาที่เป็นคนมองโลกในแง่ดี แต่พอเขาย้ายมาอเมริกาที่ทุกอย่างเอาแน่เอานอนไม่ได้นั้น ทำให้คำว่า เอเมน กลายเป็นคำพูดติดปากเขาโดยปริยาย นอกจากนั้นตัวเพลงในอัลบั้มส่วนใหญ่ก็จะเป็นประสบการณ์เยือนอเมริกาเป็นครั้งแรกของเขาด้วยเช่นกัน 

โดยในอัลบั้มนั้นยึดธีมหลักคือ ดนตรีแทรป ที่ผสมไปด้วยดนตรีอีกหลายแขนงอาทิ ป๊อป บัลลาด อาร์แอนบี ซึ่งไบรอันได้แรงบันดาลใจมาจากศิลปินที่เขาติดตามมาตั้งแต่สมัยเล่นทวิตเตอร์ทั้ง Tame Impala, Mac DeMarco, Frank Ocean, Childish Gambino เป็นต้น 

หลังจากที่ปล่อยอัลบั้ม Amen ในปี 2018 นั่นได้พิสูจน์คำพูดของฌอนที่กล่าวถึงความสามารถของไบรอันเอาไว้ ว่ามันไม่ได้เกินจริงแต่อย่างใด เพราะ Amen กลายเป็นอัลบั้มที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม จากการติดอันดับท็อป 100 ของบิลบอร์ดชาร์ตถึง 7 ประเทศ รวมไปถึงได้รับคะแนนวิจารณ์เฉลี่ยจาก Metacritic ถึง 68/100 ทำให้ในตอนนั้น ไบรอันเป็นที่รู้จักในฐานะแรปเปอร์ที่น่าจับตาที่สุดคนหนึ่งของวงการฮิปฮอปไปโดยปริยาย

แต่นั่นก็เหมือนดาบสองคม เมื่อชื่อ ‘Chigga’ ของเขาเผยแพร่สู่สายตาคนหมู่มาก ทำให้มีคนบางกลุ่มตั้งแง่ว่าชื่อนี้มันไม่ PC เอาเสียเลย (Chigga ที่มาจาก Chinese + Nigga) รวมไปถึงต้นตอปัญหาที่เริ่มมาจากเนื้อเพลงท่อนหนึ่งของเพลง Dat $tick ในท่อน “Rogue wave on you niggas no fail when I hit ’em” จะเห็นได้ว่ามี N*Word อยู่ในนั้นซึ่งสร้างความไม่พอใจแก่ผู้ฟังบางส่วนเป็นอย่างมาก 

“ความตั้งใจแรกของผมคือต้องการดึงพลังออกมาจากคำนั้นเพื่อให้เพลงของผมมีพลังขึ้น แต่ผมก็เข้าใจดีว่าต้องมีคนที่ไม่ชอบและต่อต้าน จริงๆ ผมตั้งใจจะใช้แค่ในเพลงนั้นแหละ ผมจะไม่ทำมันอีกแล้ว” นั่นจึงทำให้หลังจากนั้นเพลงต่อมาของไบรอันจึงลดความเกรี้ยวกราดลงและหันไปเล่าในมุมอื่นที่สุ่มเสี่ยงน้อยกว่า Dat $tick และทำให้ตัวตนในฐานะ Rich Chigga ของเขาเปลี่ยนไปด้วย 

ชื่อนี้มันมีที่มาจากผมและเพื่อนของผม ตอนนั้นเราทำเพลงแรกกันเสร็จแล้ว แต่ผมยังไม่มีชื่อที่ใช้ในวงการเลย เราก็เลยลองลิสต์ชื่อมาเลือกกันเล่นๆ ดู จนผลสรุปออกมาเป็น Rich Chigga ซึ่งตอนนั้นผมคิดว่ามันโคตรเท่เลยว่ะ” ไบรอันเล่าถึงที่มาของชื่อดังกล่าวที่มาจากความคึกคะนองในช่วงนั้น “แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกว่า ชื่อนี้มันไม่ได้อธิบายถึงตัวตนผมอีกต่อไปแล้ว ผมเริ่มเข้าใจว่าการตั้งชื่อแบบนี้มันน่ารังเกียจแค่ไหน ยิ่งพอได้มาอยู่อเมริกาก็ยิ่งเข้าใจไปใหญ่ว่าสังคมมีปฏิกิริยาต่อชื่อนี้ยังไง ดังนั้นหากผมจะเติบโตในฐานะนักดนตรีต่อไป ผมจะไม่ใช้ชื่อนี้มาเป็นจุดด่างพร้อยในอาชีพแน่นอน” 

นั่นทำให้เขาตัดสินใจเปลี่ยนชื่อในฐานะศิลปินเป็น ‘Rich Brian’ ที่มาจากชื่อจริงเขาแทน พร้อมทั้งแสดงให้เห็นถึงการเติบโตครั้งใหม่ของเขาผ่านอัลบั้มในปี 2019 นามว่า The Sailor ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

2019: The Sailor การเติบโตครั้งใหม่ในนาม Rich Brian

จากบาดแผลในเพลง Dat $tick ทำให้กระบวนการเขียนเพลงของเขาผ่านการคิดอย่างรอบคอบมากยิ่งขึ้น “สิ่งที่เปลี่ยนแปลงที่สุดคือวิธีการเขียน แน่นอนว่าผมยังค้นหาสไตล์ใหม่ของตัวเองอยู่เสมอ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือเนื้อหาที่จะเขียนลงไป ผมมีหลายอย่างมากที่จะเล่า แต่ผมจะเล่าทุกอย่างไม่ได้ ผมต้องเลือกเรื่องที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุดให้ตัวเอง” ไบรอันเล่าถึงขั้นตอนในการเขียนเพลงในอัลบั้มนี้อย่างละเอียด“เพราะฉะนั้นในเพลงใหม่ของผม มันจะไม่มีการเขียนถึง ปืน ยา หรือการฆ่าแกงอะไรทำนองนั้น ผมอยากเล่าประสบการณ์ตัวเองมากกว่า” จึงเป็นเหตุให้ในอัลบั้มนี้ ไบรอันเลือกนำเสนอ อินโดนีเซีย บ้านเกิดของเขา ผ่านการปลุกกำลังใจคนในประเทศด้วยเพลงเปิดอัลบั้มอย่าง ‘Yellow’

“เพลงนี้มันเกี่ยวกับอัตลักษ์ของคนเอเชีย ผมต้องการเขียนเพลงเพื่อให้พวกเขารู้ว่า ตัวเองมีความสามารถที่จะทำทุกอย่างที่ต้องการ ทุกอย่างมันเป็นไปได้” ซึ่งไม่ใช่แค่เพลง Yellow เท่านั้นที่เลือกจะบอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้ เพราะแก่นของอัลบั้ม The Sailor ก็แฝงเรื่องกำลังใจกับเพื่อนร่วมภูมิภาคเอาไว้ด้วยเช่นกัน

“ผมต้องการเป็นตัวแทนของผู้คนเหล่านั้น ผู้คนที่มีความสามารถ แต่กลับไม่ค่อยได้รับการสนับสนุนเท่าใดนัก”

นั่นจึงทำให้ในมิวสิควิดีโอเพลง Kids ถ่ายทำที่จาร์กาตาร์ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวดีๆ ที่ยังถูกซุกซ่อนอยู่ในเมืองเป็นจำนวนมาก แต่ถึงเนื้อหาจะจริงจังขึ้นและแตกต่างไปจากเดิมอย่างไร ไบรอันก็ยังไม่ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงซะทีเดียว เขาก็ยังคงไว้ลายความทะเล้นและลีลาการเสียดสี ด้วยการเปิดมิวสิกวิดีโอเพลงดังกล่าวให้ โจโก วิโดโด (Joko Widodo) ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของอินโดนีเซียได้ดู

3 ปีที่ผ่านมา ไบรอันเริ่มต้นความฝันด้วยความตลกขบขันในโลกอินเทอร์เน็ต แต่เขากลับเติบโตขึ้นผ่านความจริงจังของการเป็นศิลปินและการทำเพลง การพาตัวเองมาอยู่อีกฝั่งของโลก ก็ได้ทำให้เขากลายเป็นศิลปินที่ตระหนักถึงผลดีและผลเสียต่อสารที่เขาสื่อออกไป และช่วยเปิดมุมมองให้เขายอมรับสิ่งใหม่ผ่านการละทิ้งตัวตนที่ชื่อว่า Rich Chigga และเกิดใหม่ในนาม Rich Brian 

“ถ้าวันนั้นผมไม่ได้เซ็นสัญญามาอยู่ 88rising ผมคงแตกต่างไปจากทุกวันนี้มาก ผมยังคงอยู่หลงทางในความฝันเดิมๆ ของผม การที่มีคนเก่งมาอยู่รอบตัวแบบนี้ ช่วยให้ผมเดินตามความฝันในเส้นทางที่ถูกต้องมากยิ่งขึ้น”

และนั่นจึงทำให้เราอยากชวนคุณไปติดตามการเติบโตของเขาคนนี้ ผ่านอัลบั้มใหม่ และอัลบั้มต่อๆ ไป ที่น่าจะมีออกมาเรื่อยๆ อีกแน่นอน

อ้างอิง:

https://www.complex.com/music/2019/06/rich-brian-interview-yellow-the-sailor

https://genius.com/videos/Rich-chigga-breaks-down-dat-tick

https://www.thefader.com/2016/08/09/rich-chigga-dat-stick-interview-who-that-be

https://www.complex.com/music/2018/02/rich-brian-interview

Tags: , , , ,