วันนี้ (29 เมษายน 2565) ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวแกนนำกลุ่มทะลุวัง 3 ราย ทั้ง ใบปอ ณัฐนิช (สงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี, เมนู สุพิชฌาย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี และ เนติพร (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี หลังถูกควบคุมตัวเมื่อวานนี้และมีคำสั่งให้ฝากขังเป็นเวลา 12 วัน จากกรณีทำโพลสำรวจความเห็นในหัวข้อเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ เมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา
คำสั่งดังกล่าวสืบเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อวาน (28 เมษายน 2565) หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าจับกุมทั้ง 3 คนที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง โดยสุพิชฌาย์ได้ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊ก Maynu Supitcha เพื่อรายงานความเคลื่อนไหว ทำให้เห็นว่า นิติคอนโดได้ประสานงานให้ช่างมางัดประตูที่มีระบบล็อกดิจิทัล และพยายามบุกเข้าห้องถึง 2 ครั้ง ตอนอยู่หน้าห้องตำรวจตะโกนแจ้งว่ามีคนโดนหมายจับ 3 คน คือ สุพิชฌาย์, ณัฐนิช และเนติพร แต่ไม่ได้ระบุถึงเนื้อหาที่อยู่ในหมายจับ
หลังงัดห้องอยู่พักใหญ่ เวลา 16.30 น. ทนายความของผู้ต้องหาเดินทางมาถึงคอนโดฯ ทั้งสามคนจึงออกจากห้องไปพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่พยายามเข้ามาในห้องเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ และอ่านหมายว่าทั้งสามคนมีหมายจับในคดีอาญามาตรา 112 ออกโดยศาลอาญาเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2565 ซึ่งหมายดังกล่าวเป็นของ สน.บางซื่อ และนำตัวผู้ต้องหาขึ้นรถสองคันไปยังสถานีตำรวจ
ระหว่างที่กำลังส่งตัวไป สน.บางซื่อ ผู้ต้องหาได้ไลฟ์สดไปด้วย ทำให้เห็นว่ารถคันที่สุพิชฌาย์และณัฐนิชนั่งอยู่ขับเลยสถานีตำรวจออกไปทางด้านหลัง ไม่ได้ใช้เส้นทางที่แจ้งกับทนายความไว้ก่อนหน้านี้ ทั้งคู่พยายามโต้เถียงและยืนยันให้ตำรวจขับรถกลับไปที่ สน.บางซื่อ ตามที่แจ้งไว้กับทนายความ และตัดสินใจเปิดประตูรถลงไปตรงบริเวณซอยอินทามระ 4 ก่อนตำรวจจะชี้แจงภายหลังว่าที่ต้องขับวนเพราะรอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา และพาตัวทั้งสองกลับไปสถานีตำรวจอีกครั้งในเวลา 18.00 น.
ต่อมาเวลา 18.40 น. เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เดินทางมาสถานีตำรวจเพื่อติดตามความคืบหน้าการจับกุม และยื่นขอประกันตัวในชั้นสอบสวน แต่พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ คัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ก่อนทำการไต่สวนฝากขังในวันที่ 29 เมษายน 2565
ขณะที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ สน.บางซื่อ ทั้ง 3 คน ฝากจดหมายขอบคุณมวลชนที่ช่วยกันติดตามเรื่องของพวกเธอ และยืนยันว่ายังคงยึดมั่นใจอุดมการณ์และจุดยืนเดิม “เหตุการณ์ในวันนี้ทำให้เราตระหนักได้ว่าอาวุธเดียวที่ประชาชนอย่างเรามีคือเสียงตะโกน เป็นสิ่งเดียวที่ทำได้เพื่อแสดงออกว่าเราไม่ยอมจำนนต่อการกลั่นแกล้งของเผด็จการ”
