กลายเป็นเรื่องใหญ่ในวงการเพลงไทย ภายหลัง แสตมป์-อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข โยนระเบิดลูกใหญ่ใส่วงการเพลงไทยเมื่อวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา ในคอนเสิร์ต Wednesday Songs กรณี ‘ซาแซง’ ที่ติดตามตนเองและจีริสุดา ศรีวัฒน์ ภรรยา รวมถึงพาดพิง ‘ตัวละคร’ อันหลากหลาย ตั้งแต่คู่สามี-ภรรยา แฟนคลับที่ติดตามทุกหนแห่ง, พ่อที่เป็น ‘นายพล’ ไปจนถึงศิลปินที่ซัพพอร์ตโจร ไม่มีคุณธรรม และผู้บริหารค่ายเพลงที่เพิกเฉยเรื่องดังกล่าว
ถึงวันนี้ (18 มกราคม 2568) ผ่านมา 4 วัน ตัวละครทุกตัวเปิดหน้าครบทั้งหมด หลังเกิดการสืบสวนยกใหญ่ของบรรดา ‘ชาวเน็ต’ นำมาซึ่งปฏิกิริยาของวง Tilly Birds เป็นคู่กรณีโดยตรง The Momentum สรุปความคืบหน้าและเส้นสายที่โยงใยตัวละครทั้งหมดไว้ด้วยกันดังนี้
1.เรื่องฝั่ง ‘แสตมป์’
โดยสรุปแสตมป์เล่าถึงสาเหตุที่หายไปยาวนาน 1 ปี ด้วยเหตุผลว่า ไป ‘ต่อสู้คดี’ กรณีที่ถูกคุกคาม ถูกกล่าวหาว่าภรรยาคุกคามคนอื่น ขณะเดียวกันยังฟ้องศาล ชนะคดี ‘คู่กรณี’ ต้องชดใช้เงินรวม 1 ล้านบาท หากแต่เรื่องดังกล่าวกลับไม่จบ ยังเกิดการคุกคามขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง
ในคอนเสิร์ตดังกล่าว ขณะที่แสตมป์เล่าเรื่อง มี ‘ผู้ใหญ่’ ในวงการจำนวนมาก เช่น ป๋าเต็ด-ยุทธนา บุญอ้อม, ศุ บุญเลี้ยง, ประภาส ชลศรานนท์, จิระ มะลิกุล, ดีเจพี่อ้อย-นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล แห่งกรีนเวฟ, เคน-นครินทร์ วนกิจไพบูลย์ จาก The Standard รวมถึง ตุ้ม-สรกล อดุลยานนท์ หรือ ‘หนุ่มเมืองจันท์’ ผู้จัดคอนเสิร์ต
แสตมป์เล่าว่า เหตุทั้งหมดเริ่มต้นจากผู้หญิงคนหนึ่งที่ติดตามตั้งแต่ 10 ปีก่อน และคอยปรากฏกายใกล้กับแสตมป์ตลอดมา โดยในระยะหลังสามารถเข้าถึงห้องพักศิลปิน และจะคอยปะทะกับภรรยาแสตมป์เรื่อยมา โดยใช้สิทธิพิเศษคือ การเป็นทีมงานของศิลปินวงอื่นอีกวง โดยในระยะหลัง แสตมป์พยายามหลีกเลี่ยงขอไม่ร่วมงานกับศิลปินวงนั้นมาโดยตลอด พร้อมกับให้ข้อมูลว่า นอกจากแฟนคลับผู้หญิงคนดังกล่าวแล้ว ยังมีแฟนของผู้หญิงคนนั้นที่ทำงานเบื้องหลังให้กับวงดนตรี โดยได้ลาออกจากวงดนตรี A เพื่อไปร่วมงานกับอีกวงดนตรี และทำให้แสตมป์ต้องเจอผู้หญิงคนนี้อีก เกิดการปะทะกันที่คอนเสิร์ตที่ธันเดอร์โดมช่วงสิ้นปี 2566
ต่อมาเกิดคดีความฟ้องร้อง แสตมป์ ฟ้องแฟนคลับคนดังกล่าว คดีความถึงศาล แสตมป์ได้รวบรวมหลักฐานการติดตาม คุกคามหนากว่า 500 หน้าขึ้นศาล พร้อมกับเล่าพฤติกรรมการคุกคามอย่างละเอียด ทั้งการรอดักเจอ การย้ายที่นั่งบนเครื่องบินโดยอาศัยว่ารู้จักกับเจ้าหน้าที่ภาคพื้นสายการบินหนึ่งขอย้ายไปนั่งติดกับแสตมป์ โดยระหว่างขึ้นศาล เขายังถูกกดดันในรูปแบบต่างๆ ให้ถอนฟ้อง โดยมีตัวละครสำคัญคือ พ่อของผู้หญิงคนดังกล่าวที่เผยตนว่าเป็น ‘พลตรี’ อยู่ที่จังหวัดพิษณุโลก นำประวัติการรับราชการขึ้นศาลแทนลูกสาว ขณะเดียวกันนายพลยังอ้างเกียรติประวัติมากมาย พร้อมกับใช้อิทธิพลขู่ให้แสตมป์ถอนฟ้อง มิเช่นนั้นจะอาศัยความเป็นนายทหารฟ้องคดีการเมืองกับแสตมป์ ซ้ำนายพลคนดังกล่าวยังไปที่บ้านมารดาของแสตมป์ รวมถึงภรรยาของนายพลท่านนั้นยังส่อง OpenChat แฟนคลับของแสตมป์ จนทำให้แสตมป์ต้องปิด OpenChat ในที่สุด
แสตมป์เล่าบนเวทีว่า เขาหายไป 1 ปี เพื่อต่อสู้คดี จนสุดท้ายเขาฟ้องชนะ ฝ่ายผู้หญิงต้องชดใช้เงินเขาและครอบครัว 1 ล้านบาท ทว่าขอผ่อนจ่าย และถึงวันนี้ก็ยังจ่ายไม่ครบ อย่างไรก็ตามยังคงเจอพฤติกรรมการคุกคามเกิดขึ้นเรื่อยๆ ในคอนเสิร์ตครั้งหนึ่ง มีการชูภาพของผู้หญิงคนนี้บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือให้เขาเห็นใกล้ๆ และตัวเขาเองก็ยังไม่กล้าไปเล่นคอนเสิร์ตในต่างจังหวัดที่ต้องขึ้นเครื่องบิน เพราะกลัวเกิดเหตุต้องปะทะอีก
ขณะเดียวกันแสตมป์บอกว่า ได้แจ้งพฤติกรรมของทั้งผู้หญิงคนดังกล่าวและแฟนของเธอ ไปยังหัวหน้าวงและผู้บริหารค่ายเพลงต้นสังกัด แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือทีท่าเพิกเฉย และหัวหน้าวงได้อัดเสียงแสตมป์ ขณะที่ผู้บริหารค่ายบอกว่า คดียังไม่จบ เป็นเรื่องส่วนตัว
คอนเสิร์ตจบลงด้วยผู้ชมให้กำลังใจ คลิป 21 นาที กลายเป็นคลิปไวรัลในโลกโซเชียลฯ และตามด้วยการสืบหาตัวละครต่างๆ ในเวลาต่อมา
2.เรื่องฝั่ง Tilly Birds
เรื่องเริ่มเลยเถิดไปถึงความพยายามเสาะหาตัว ‘ซาแซง’ ทั้ง 2 คน และพ่อยศนายพล รวมถึงวงดนตรีที่ซาแซงสังกัดทำงานอยู่
จนเรื่องดังกล่าวเปิดเผยช่วงเย็นที่ผ่านมา เมื่อ Tilly Birds วงดนตรีจากค่าย Gene Lab ออกมายอมรับว่า วงดนตรีที่ถูกพาดพิงถึงเป็นวงตนเอง โดยผู้หญิงคนดังกล่าวเป็นแฟนสาวของ Sound Engineer แต่เรื่องที่มาจาก 2 ฝั่งนั้นไม่ตรงกันโดยสิ้นเชิง เป็นเพียงการบอกกล่าว ไม่มีพยานหลักฐานชัดเจนจากทั้ง 2 ฝ่าย และคดีความก็เป็นเรื่องของ ‘คดีชู้สาว’
“หลังจากนั้นข้อมูลที่ทางวงได้รับมาจากคุณแสตมป์และคู่กรณีคือ การฟ้องร้องในคดีชู้สาว มิใช่คดีคุกคามแต่อย่างใด จากที่วงได้รับทราบมา ทั้ง 2 ฝ่ายมีการเจรจายอมความกันโดยมีค่าเสียหาย เราจึงวางใจว่าเรื่องคดีความนี้จบลงไปแล้ว ซึ่งหลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการติดต่อหรืออัปเดตใด ๆ ในเรื่องดังกล่าวอีก”
นอกจากนี้ในงานที่ธันเดอร์โดม ผู้หญิงคนดังกล่าวได้มาช่วยงานที่บูธของวงจริง โดยแสตมป์เห็นเข้า และขอให้วงไล่บุคคลดังกล่าวออก ซึ่งวงไม่ได้ทำตามคำขอ เพราะเห็นว่าไม่เกี่ยวกับคดี
ขณะที่ Sound Engineer ออกมาแถลงผ่านอินสตาแกรมถึงข้อมูลอีกด้านว่า เป็นฝั่งของแสตมป์ที่คุกคามผู้หญิงคนดังกล่าว ทั้งการชักชวนให้ผู้หญิงคนดังกล่าวไปทำงาน มอบหมายงาน ส่งข้อความมาหาทั้งในเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว ส่วนการเจอกันที่เวทีธันเดอร์โดม เป็นเรื่องที่ภรรยาแสตมป์ตะโกนด่าตนเอง และแสตมป์ผลักอกตัวเองอย่างรุนแรง ส่วนคดีความทุกคดียุติแล้ว ไม่มีการวินิจฉัยว่า กระทำตามที่ถูกกล่าวหา โดยในส่วนข้อกฎหมาย กำลังปรึกษาทนาย และดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
ถึงตรงนี้ ฝั่ง Tilly Birds มีศิลปินบางส่วนออกมาสนับสนุนเช่นกัน
3.เรื่องที่ ‘ไม่ตรงกัน’ และยังเป็นปริศนา
1.คดีความดังกล่าวระหว่างแสตมป์ ภรรยา และสุภาพสตรีคนดังกล่าวเป็นเรื่องอะไร.. แสตมป์บอกในว่า เป็นเรื่องการคุกคาม-หมิ่นประมาท ขณะที่ฝั่งของ Tilly Birds ระบุว่า เป็นเรื่อง ‘ชู้สาว’ ในความเป็นจริงหากเป็นเรื่องชู้สาว เรื่องยิ่งซับซ้อนมากขึ้นไปอีก เป็นต้นว่า
– หากเป็นเรื่อง ‘ชู้สาว’ แล้วเป็นเรื่องระหว่างใคร
– คดีดังกล่าวจบลงด้วยการไกล่เกลี่ยจริงหรือไม่
– แสตมป์เป็นฝ่ายชนะคดีจริงหรือไม่
– มีการจ่ายชดใช้เงินค่าเสียหายจริงหรือไม่ หากเป็นค่าเสียหาย เป็นค่าเสียหายเรื่องอะไร
ณ เวลานี้ (ช่วงเย็นวันที่ 18 มกราคม 2568) ยังคงไม่มีใครขยายความเรื่องดังกล่าว มีเพียงฝั่งทนายของแสตมป์ที่ออกมาแถลงของ Tilly Birds เรื่องฟ้องคดีชู้สาวว่า วง Tilly Birds ไม่ควรเป็นผู้เปิดเผยข้อความนี้
2.เรื่องการคุกคามที่เป็น ‘หนังคนละม้วน’ แสตมป์เล่าว่า เขาถูกตามติดนานนับ 10 ปี มีการอัดคลิปรอเหตุปะทะ และสบโอกาสพบเจอทุกครั้งในหลากหลายคอนเสิร์ต แต่อีกฝั่งก็ระบุว่า เป็นฝ่ายแสตมป์และภรรยาที่รอปะทะเช่นกันและสิ่งที่หลายคนสงสัยคือ หากแสตมป์เป็นฝ่ายที่คุกคามจริง เรื่องดังกล่าว ‘จบแล้ว’ จริง จะนำเรื่องมาเล่าบนเวทีด้วยเหตุใด
3.เรื่อง ‘นายพล’ และการ ‘ยัดคดี’ จนถึงวันนี้กองทัพบกออกมาชี้แจงว่า อยู่ระหว่างตรวจสอบกำลังพล แต่จนถึงวันนี้ยังไม่มีความคืบหน้า และฝั่งคู่กรณีทั้ง Tilly Birds และ Sound Engineer ก็ยังไม่ได้ตอบเรื่องดังกล่าว
แม้ยังไม่มีบทสรุป โลกออนไลน์ได้ถูก ‘แบ่งฝั่ง’ เป็นที่เรียบร้อย เมื่อตัวละครทั้งหมดเปิดหน้าชนกันให้สาธารณชนเห็น และตัวละครอยู่ในแสงสว่าง เรื่องที่ยังเหลืออยู่ก็คือ ความชัดเจนในกรณี ‘คดีความ’ และการเปิดหลักฐาน-ข้อเท็จจริงทั้งหมด
เมื่อตัวละครทั้งหมดปรากฏให้เห็นต่อหน้าสาธารณชน จึงกลายเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สาธารณชนกลายเป็นผู้ไต่สวน ส่วนจะจบอย่างไรน่าจะใช้เวลาอีกไม่นาน